Skip to main content
sharethis

 

หลังการสัมมนาเวทีวิชาการเกษตรพันธสัญญาประจำปี 2555 “เกษตรพันธสัญญา: ใครอิ่ม ใคร...อด ?” เมื่อวันที่ 26 - 27 มิถุนายน 2555 เครือข่ายเกษตรพันธสัญญา นักวิชาการ สื่อมวลชน และภาคประชาสังคม ระดมข้อคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา และทางออกของระบบเกษตรพันธสัญญา โดยมีข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้

1. จากการศึกษาวิจัยเรื่องความไม่เป็นธรรมของระบบเกษตรพันธสัญญาของสถาบันวิชาการหลายแห่ง เช่น ศูนย์การศึกษากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่า มีเกษตรกรจำนวนมากที่ตกอยู่ในวงจรหนี้สิน บางกลุ่มอยู่ในขั้นตอนการบังคับคดีอันเนื่องมาจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ไม่เท่าทันข้อมูลและสถานการณ์ บางครอบครัวล้มละลาย ซึ่งจะต้องได้รับการเยียวยาโดยเร่งด่วน จึงมีข้อเสนอ ดังนี้

1.1 ให้คณะอนุกรรมการด้านเกษตรพันธสัญญาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ที่ 4/2555 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2555 ลงนามโดย นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อสำรวจและขึ้นทะเบียนผู้ที่ได้รับผลกระทบที่จะต้องได้รับการเยียวยา ภายใน 3 เดือน

1.2 ให้แต่งตั้งคณะทำงานกลางเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนจากความไม่เป็นธรรมและหนี้สิน รวมทั้งการฟ้องร้อง ดำเนินคดี เป็นการเฉพาะ เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์และดำเนินการช่วยเหลือและเยียวยาขึ้น ภายใน 1 เดือน หลังจากมีการสำรวจและขึ้นทะเบียนเสร็จ

2. เนื่องจากโครงสร้างของระบบการผลิตทางการเกษตรของไทยในปัจจุบันพัฒนาเข้าสู่โครงสร้างการผลิตแบบระบบธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร จะต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการแบบใหม่ องค์ความรู้เฉพาะในการผลิตและการตลาดแนวใหม่ ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่ในระบบและกำลังจะเข้าสู่ระบบ มีข้อมูลองค์ความรู้ในการจัดการการผลิต และการตัดสินในการเข้าสู่ระบบ จึงมีข้อเสนอ ดังนี้

2.1 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สภาเกษตรกรแห่งชาติ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุน และส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้บริโภค มีความรู้ ข้อมูลข่าวสารที่ทันการณ์ และเท่าทัน ในเรื่องสัญญาที่เป็นธรรม การบริหารจัดการและการผลิตที่เน้นมาตรฐานและคุณภาพ และประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าสู่ระบบ

2.2 ให้คณะทำงานในข้อ 1.1 เป็นกลไกหลักในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อความเป็นธรรมในระบบเกษตรพันธสัญญา เพื่อใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติในการส่งเสริมและสนับสนุน การเข้าสู่ระบบ และอยู่ในระบบอย่างเป็นธรรม มีความรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติของส่วนรวม โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง สภาเกษตรกรแห่งชาติ เครือข่ายผู้บริโภค ประชาสังคม และสื่อมวลชน ภายใน 6 เดือน

2.3 ให้สภาเกษตรกรแห่งชาติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายเกษตรกรพันธสัญญา สื่อมวลชน และภาคประชาสังคม จัดให้มีสมัชชาเพื่อรับฟังความคิดเห็น รวบรวมปัญหาและผลกระทบ และข้อเสนอ เพื่อจัดทำ “ธรรมนูญของเกษตรกร” และนำผลการจัดทำสมัชชา มาจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานตามกรอบแผนยุทธศาสตร์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

3. เนื่องจากโครงสร้างของระบบการผลิตทางการเกษตรของไทยในปัจจุบันพัฒนาเข้าสู่โครงสร้างการผลิตแบบระบบธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปฎิรูประบอบกฎหมายที่สามารถอำนวยให้เกิดความเป็นธรรมให้แก่ เกษตรกร ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ สังคม รวมถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

คณะทำงานเครือข่ายเกษตรพันธสัญญา
-เครือข่ายเกษตรกรพันธสัญญา (เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย)
-เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
-สถาบันชุมชนเพื่อเกษตรกรรมยั่งยืน, คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
-คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-แผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน
 

00000000

 

คำประกาศเจตนารมณ์
คณะทำงานเครือข่ายเกษตรพันธสัญญา

 

พวกเรา กลุ่มเกษตรกรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบเกษตรพันธสัญญาและการผูกขาดของ บริษัทอุตสาหกรรมเกษตร องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และผู้บริโภค ได้มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และปร ะสบการณ์เกี่ยวกับการทำการเกษตรพันธสัญญา

พวกเรา พบว่าระบบเกษตรพันธสัญญาในสังคมไทยภายใต้การผลักดันของรัฐและทุนตั้งอยู่บน ความไม่ยุติธรรมต่อเกษตรกร ทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องเป็นหนี้และถูกดำเนินคดี ต้องสูญเสียที่ดิน แบกรับความเสี่ยงทั้งด้านต้นทุนการผลิต แรงงาน สุขภาพ และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ อีกทั้งทำให้เกิดการทำลายทรัพยากรส่วนรวมและความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม ทั้งยังทำให้วัตถุดิบในการผลิตอาหารปนเปื้อนและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของ ผู้บริโภค และทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร

ด้วยเหตุดังกล่าว พวกเราจึงขอเรียกร้องต่อสังคมไทย ดังต่อไปนี้

1. ขอให้ร่วมกันผลักดันให้ทุนอุตสาหกรรมเกษตร ยุติดำเนินธุรกิจระบบเกษตรพันธสัญญา ที่ไม่มีความเป็นธรรมต่อเกษตรกร ทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค และทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร

2. ขอให้ร่วมกันผลักดันให้รัฐดำเนินนโยบายและการปฏิบัติที่สนับสนุนระบบเกษตร พันธสัญญาที่มีความเป็นธรรมต่อเกษตรกร ไม่ทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค และทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งให้มีมาตรการในการเยียวยาเกษตรกรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบ เกษตรพันธสัญญาอย่างเร่งด่วน

3. ขอให้ร่วมกันผลักดันให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรต้องมีความรับผิดชอบต่อ สังคมที่แท้จริง โดยยุติการทำธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ละเมิดกฎหมาย
ไม่เคารพต่อสิทธิชุมชน และสิทธิมนุษยชน และผลิตสินค้าการเกษตรที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

พวกเรา ขอประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่า พวกเราจะร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและร่วม กันผลักดันให้มีการสนับสนุนระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม ต่อเกษตรกร มีการคุ้มครองทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางอาหาร

พวกเรา ขอประกาศร่วมกันว่า พวกเราจะทำงานกับภาครัฐ เครือข่ายพันธมิตร ผู้บริโภค นักวิชาการ และสื่อมวลชน เพื่อเคลื่อนไหวให้สิทธิของเกษตรกรและผู้บริโภคได้รับการเคารพ

 

ด้วยความสมานฉันท์
คณะทำงานเกษตรกรพันธสัญญา
ประกาศ ณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ 27 มิถุนายน 2555

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net