Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (31 ส.ค.) นายชาญเชี่ยว สุขช่วย ตุลาการศาลปกครองระยอง เจ้าของสำนวนได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ส.8/2554 ที่ห้องพิจารณาคดี 1 ศาลปกครองระยอง ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการเพิกถอนประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) ตั้งอยู่ในตำบลหนองบัว และตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ในพื้นที่รวมกว่า 2,194 ไร่ โดยมีผู้ฟ้องคดีคือ นายเศรษฐา ปิตุเตชะ และชาวบ้านค่าย จังหวัดระยองรวม 386 คน ซึ่งได้มอบอำนาจให้ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีปกครองให้ทั้งหมด     

ส่วนผู้ถูกฟ้องคดี ประกอบด้วย ผู้ถูกฟ้องที่ 1 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)    

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวผู้ฟ้องคดีทั้ง 386 คนได้ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ออกประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 มิถุนายน 2554 ซึ่งเป็นโครงการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย       

การประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้ก่อ และ/หรืออาจทำให้เกิดความเดือดร้อน และเกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีกับพวก รวมทั้งชาวบ้านอำเภอบ้านค่าย ซึ่งมีแหล่งที่อยู่อาศัย และอาจเกิดการแย่งน้ำเพื่อการเกษตร เกิดมลพิษ ขณะที่กระบวนการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรม ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ การดำเนินการมีความไม่โปร่งใสในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบทางสุขภาพ (HIA)

บริเวณพื้นที่ประกาศตั้งอยู่ในพื้นที่ประเภทอนุรักษ์ ชนบทและเกษตรกรรม ตามร่างผังเมืองรวมจังหวัดระยอง จึงนำคดีมายื่นฟ้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลพิพากษามีคำสั่งเพิกถอนการประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) และให้ผู้ถูกฟ้องคดี 1 ดำเนินการให้ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 67 วรรคสอง พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา 11 ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดำเนินการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ หรือการประเมินผลในเชิงกลยุทธ์ (SEA)       

ศาลปกครองระยอง องค์คณะที่ 1 แผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิพากษาโครงการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีลักษณะเป็นนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมาย ว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 พิจารณาในขั้นขออนุมัติโครงการ ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดประเภท และขนาดของโครงการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ ระเบียบการปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2552       

ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ยังมีผลบังคับใช้ในขณะที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 4/2553 วันที่ 24 มิถุนายน 2553 เห็นชอบให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ร่วมดำเนินการกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

พิพากษาเพิกถอนประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ฉบับลงวันที่ 20 เมษายน 2554 เรื่องการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) ในพื้นที่ตำบลหนองบัว และ ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตพื้นที่ท้ายประกาศ โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ออกประกาศ

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้านทั้ง 386 คน ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีนี้ให้ชาวบ้านกล่าวว่า ในวันนี้ ศาลปกครองระยองได้พิพากษาตามคำขอท้ายฟ้อง คือ ขอให้ศาลได้พิพากษาเพิกถอนการประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) ซึ่งศาลปกครองระยองได้พิพากษาตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของผู้ฟ้องคดีแล้ว เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ดำเนินการประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย) เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดแย้งกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งในวันนี้ ศาลปกครองระยอง ได้ยืนยันโดยคำพิพากษาแล้ว ถือว่าอาจใช้เป็นบรรทัดฐานในเบื้องต้นที่จะทำให้หน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะ กนอ.ต้องรับฟังเสียงของประชาชน และต้องดำเนินการศึกษารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (E/HIA)ให้เรียบร้อยเสียก่อน ก่อนที่จะประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใด ๆ 

นอกจากนิคมอุตสาหกรรมบ้านค่ายแล้ว ยังมีนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากที่ กนอ. ดำเนินการจัดตั้งไปโดยข้ามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง ตำบลสำนักทอง อำเภอเมืองระยอง ที่ทางสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนร่วมกับชาวบ้าน ได้ฟ้องเพิกถอนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมไปแล้วอีกคดีหนึ่ง ขณะนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองระยอง คาดว่าจะมีลักษณะเหมือนกัน เพราะเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบริษัท ไทยเจนเนอรัลไนซ์โคล แอนด์โค้ก จำกัด หรือโรงงานถ่านหินโค้ก ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายบายพาส 36 เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ก็เข้าข่ายลักษณะเดียวกัน คือ เป็นการดำเนินการก่อสร้างก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทาง ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาแถลงชัดเจนว่าโรงงานใดที่แอบก่อสร้างไปก่อนที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะไม่ยินยอมออกใบอนุญาตให้ดำเนินการได้ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net