Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการค่าจ้างยืนยันปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บ.ต่อวันพร้อมกันทั่วประเทศ 1 ม.ค.ปีหน้า และให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่วันละ 300 บาท เป็นเวลา 2 ปี ระบุไม่ส่งผลให้เลิกจ้าง-เอสเอ็มอีปรับตัวได้

(5 ก.ย.55) ที่กระทรวงแรงงาน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง กล่าวหลังประชุมคณะกรรมค่าจ้างว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัดทั่วประเทศวันที่ 1 ม.ค.56 และให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่วันละ 300 บาท เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2558 ทั้งนี้ ภายใน 2 สัปดาห์จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า สาเหตุที่คณะกรรมการค่าจ้างยืนยันมติเดิมเพราะได้ติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจสังคมและแรงงาน หลังวันที่ 1 เม.ย.55 ที่ได้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในทุกจังหวัดขึ้นร้อยละ 39.5 โดยมี 7 จังหวัดที่อัตราค่าจ้างปรับเป็นวันละ 300 บาท ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต พบว่าไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่

  1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 ถึงร้อยละ 4.2 สูงกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
  2. ผลกระทบจากการลงทุนของภาคเอกชนพบว่าในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติเสนอโครงการขอรับเงินส่งเสริมการลงทุน 829 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เงินลงทุนรวม 3.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 62
  3. อัตราเงินเฟ้อในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.92 ต่ำกว่าที่บอร์ดค่าจ้างคาดการณ์ไว้ว่าอยู่ที่ร้อยละ 3.3-3.8
  4. อัตราการว่างงานไม่ได้สูงขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ม.ค.-มิ.ย.55 อยู่ที่อัตราร้อยละ 0.8 ซึ่งถือว่าต่ำ
  5. ส่วนการเลิกจ้างก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพบว่าสถานประกอบการ 9,098 แห่ง ลูกจ้างกว่า 3.5 แสนคน ตั้งแต่ เม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมามีการเลิกจ้างเพียง 2 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 0.02 ลูกจ้าง 144 คนคิดเป็นร้อยละ 0.04 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ผิดปกติ
  6. ผลกระทบต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ร้อยละ 80 ได้รับผลกระทบ แต่จำนวนนี้ร้อยละ 99 ปรับตัวได้ซึ่งเป็นผลสำรวจจากกระทรวงแรงงานร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
  7. ผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะสั้นช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาผลิตภาพแรงงานมีการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 10 ปีย้อนหลังก่อนมีการปรับขึ้นค่าจ้าง ผลิตภาพแรงงานมีการปรับเพิ่มขึ้นต่ำอยู่ที่ร้อยละ 2-3 เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการมีการกระตุ้นให้แรงงานปรับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ส่วนระยะกลางทำให้มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีการผลิตและการบริหารจัดการมากขึ้น ระยะยาวทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิดการลงทุนและการผลิตจากประเทศที่กำลังพัฒนาไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว
  8. การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำช่วยลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและกระจายรายได้ที่เป็นธรรม
  9. ทำให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  10. ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังกล่าวถึงมาตรการรองรับผลกระทบจากการปรับค่าจ้างใน 70 จังหวัด ว่าจะรวบรวมข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งที่ผ่านมามีข้อเสนอต่างๆ เช่น ขยายเวลาลดเงินสมทบประกันสังคมออกไปอีก 1 ปี ขยายเวลาลดภาษีเงินส่วนต่างของค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้นที่จะหมด ธ.ค.นี้ จัดตั้งกองทุนเงินกู้จำนวน 1-2 หมื่นล้านให้ธุรกิจเอสเอ็มอี โดยข้อเสนอแต่ละเรื่องก็จะเสนอต่อไปยังกระทรวงที่เป็นเจ้าของเรื่องเพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งจะรวบรวมมาตรการต่างๆ เสนอเป็นแพคเกจเข้า ครม. ภายใน ธ.ค.นี้ เพื่อให้มาตรการรองรับออกมาทันกับการปรับขึ้นค่าจ้างวันที่ 1 ม.ค.56

ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังกล่าวถึงมาตรการรองรับผลกระทบจากการปรับค่าจ้างใน 70 จังหวัด ว่าจะรวบรวมข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งที่ผ่านมามีข้อเสนอต่างๆ เช่น ขยายเวลาลดเงินสมทบประกันสังคมออกไปอีก 1 ปี ขยายเวลาลดภาษีเงินส่วนต่างของค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้นที่จะหมด ธ.ค.นี้ จัดตั้งกองทุนเงินกู้จำนวน 1-2 หมื่นล้านให้ธุรกิจเอสเอ็มอี โดยข้อเสนอแต่ละเรื่องก็จะเสนอต่อไปยังกระทรวงที่เป็นเจ้าของเรื่องเพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งจะรวบรวมมาตรการต่างๆ เสนอเป็นแพคเกจเข้า ครม. ภายใน ธ.ค.นี้ เพื่อให้มาตรการรองรับออกมาทันกับการปรับขึ้นค่าจ้างวันที่ 1 ม.ค.56
 

ที่มา: ศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา
http://www.isranews.org/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/57-2012-08-12-13-59-01/16184--300-70-1-56-.html

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net