คำปราศรัยของสนธิ ลิ้มทองกุล และพวกเมื่อ 25 ก.พ. นั้น ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท เพราะการปราศรัยบนเวทีทางการเมืองนั้นย่อมต้องมีการโฆษณาชวนเชื่อและใช้ถ้อยคำที่หยาบคายบ้างเพื่อหวังผลทางการเมือง
เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งคดีดำที่ อ.1923/2551 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้นายวินิจ ปิณฑวนิช ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำและผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2551 จำเลยที่ 1-6 ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์กลุ่มพันธมิตรฯ ฉบับที่ 1/2551 และเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ทำนองว่า โจทก์หลบหนีอาญาแผ่นดิน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน แทรกแซงสื่อมวลชนและองค์กรอิสระ รวมทั้งมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อมุ่งหวังช่วยเหลือทางคดีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าคดีไม่มีมูล ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง
สำหรับการพิพากษาในวันนี้ ท้้งโจทก์และจำเลย ไม่ได้เดินทางมาฟังแต่ส่งตัวแทนมารับฟังเท่านั้น
โดย มติชนออนไลน์ และไทยรัฐ รายงานว่า ผู้พิพากษาอ่านคำพิจารณาคดียืนความตามศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยทั้งหมดไม่มีความผิดฐานหมื่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยให้เหตุผลว่า คำปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุลและพวกบนที่ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 นั้นไม่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทหรือทำให้เสียงชื่อเสียง เหตุเพราะ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นบุคคลทางการเมืองย่อมต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นปกติ อีกทั้งการปราศรัยบนเวทีทางการเมืองนั้นย่อมต้องมีการโฆษณาชวนเชื่อและใช้ถ้อยคำที่หยาบคายบ้างเพื่อหวังผลทางการเมือง
ส่วนเอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ รายงานสาเหตุการยกฟ้องว่า "คดีนี้ขณะจำเลยที่ 1-6 ร่วมกันแถลงการณ์ โจทก์ยังไม่ถูกดำเนินคดีทางอาญา ต่อมาโจทก์ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี และหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งการแถลงการณ์ของแกนนำพันธมิตรฯ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ติชมและแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และประชาชนส่วนรวมเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือส่วนได้ส่วนเสียตามคลองธรรม โดยวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบการทำงานของโจทก์ขณะเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ได้ดำเนินการนโยบายไปในทางผิดวิสัยไม่โปร่งใส ไปตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีเหตุให้น่าสงสัยและมีมูลอันควรเชื่อตามสมควร แม้จะมีการใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นคำหยาบคาย และเป็นคำวิพากษ์วิจารณ์ที่บุคคลทั่วไปใช้ในการแสดงความคิดเห็น ยังอยู่ในความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 อนุ 1 และ 3"
"ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ต้องถือตามความรู้สึกของคนธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือความรู้สึกของของโจทก์ที่อ้างว่าเสียหาย และต้องพิจารณาข้อความโดยรวมทั้งหมดให้ครบถ้วน มิใช่พิจารณาเฉพาะข้อความบางส่วน บางตอน จึงจะแสดงให้เห็นเจตนา ความหนัก เบา และความหมายอันเท็จจริง ยังฟังไม่ได้ว่าพวกจำเลย มีเจตนากลั่นแกล้งใส่ความโจทก์ คดีไม่มีมูล ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)