Skip to main content
sharethis

"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ปฏิเสธสั่งสลายการชุมนุม จนท.ทำแต่เพียงตั้งด่านบีบให้ผู้ชุมนุมรู้สึกไม่สบาย ต้องเลิกการชุมนุมไปด้วยตัวเอง ยันจะไม่ไปขึ้นศาลโลก เพราะประเทศมีเอกราชในทางศาล แนะ "ทักษิณ" ไม่เคารพศาลไทยก็ให้ไปขึ้นศาลโลก โดยมีคดีฆ่าตัดตอน และกรือเซะ ตากใบรออยู่

เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยที่เวที “เดินหน้า ผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ – ออกฎหมายล้างผิดคนโกง” ที่เวทีวิทยาลัยเทคนิคราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี มีการถ่ายทอดการปราศรัยโดยบลูสกาย ไทยทีวีดี และทีนิวส์ โดยมีรายละเอียดการปราศรัยดังนี้

นายสุเทพ กล่าวว่าที่ต้องเดินสายปราศรัยนั้นเป็นเพราะ "เวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมานี้ ประชาชนได้ยินแต่เสียงรัฐบาล เห็นหน้าคุณยิ่งลักษณ์ เห็นหน้าคุณเฉลิม เห็นหน้าจตุพร เห็นหน้าณัฐวุฒิ เห็นหน้าหมอเหวง ไม่ค่อยเห็นหน้า ชวน อภิสิทธิ์ สุเทพ ครับ สื่อทั้งหลายกลายเป็นเวทีของรัฐบาล นี่ไม่ต้องพูดสถานีโทรทัศน์แดง วิทยุแดงทั้งหลายนะครับ อันนั้นเจ้าประจำอยู่แล้ว ผมไม่ได้ไปอิจฉาริษยาอะไรเขาครับ แต่ผมเสียดายโอกาสที่พี่น้องประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ในทุก ๆ ด้าน พวกผมจึงได้ตัดสินใจทำเวทีประชาชน ผ่าความจริงขึ้น ในทุกค่ำของวันเสาร์ แล้วก็ได้อาศัยสถานีโทรทัศน์ 3 สถานี คือบลูสกาย ทีวีดี และทีนิวส์ ช่วยถ่ายทอดความจริงเหล่านี้ไปถึงพี่น้องประชาชนทั้งหลาย แล้วก็ทำให้พี่น้องประชาชนหูตาสว่างขึ้นมาเยอะ ทำให้พี่น้องประชาชนที่มีความวิตกกังวลกลุ้มใจว่าความจริงถูกบิดเบือนโดยฝ่ายรัฐบาลค่อยอุ่นใจขึ้น"

 

บอกลูกเมียไว้แล้วว่าพร้อมเป็นจำเลยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยันรัฐบาลอภิสิทธิ์มาตามประชาธิปไตย

ส่วนกรณีที่วุฒิสภาเตรียมพิจารณาว่าจะถอดถอนนายสุเทพ หรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า "เป็นแค่ลมพายุชุดแรก" และว่า "ได้บอกลูก บอกเมีย บอกเพื่อนฝูงไว้ว่า ผมพร้อมที่จะเป็นจำเลยของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ว่าจะตั้งข้อหามาเมื่อไหร่ ไม่หนีไปไหน พร้อมที่จะสู้คดี ทุกคดี แล้วก็ไม่ซัดทอดใครทั้งสิ้นครับ เพราะว่าทั้งหมดนั้น ผมสั่งการด้วยตัวเองทั้งสิ้น เป็นการสั่งการในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่มีหน้าที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แก้ไขปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากกระบวนการก่อการร้ายทั้งหลาย เพื่อให้บ้านเมืองคืนความสงบ คืนสู่ความสงบ ให้พี่น้องประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปรกติสุข เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ผมจะต้องปฏิบัติ และเมื่อผมปฏิบัติแล้ว ถ้ารัฐบาลชุดนี้ หรือข้าราชการชุดนี้ที่อยากจะเอาอกเอกใจรัฐบาล จะมาตั้งข้อหากับกระผม กระผมก็พร้อมที่จะไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม"

ในส่วนของเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2552 และปี 2553 นั้น นายสุเทพอธิบายว่า "เดือนธันวาคม ปี 2551 วันที่ 15 ธันวาคมครับ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการลงคะแนนเสียงโดยเปิดเผยจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสภาฝ่ายข้างมาก ลงมติให้คุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ถามว่า การลงมติวันนั้นเป็นครั้งแรกหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปหรือ ไม่ใช่ครับ การเลือกตั้งทั่วไปมีขึ้นเมื่อปี 2550 เลือกตั้งเสร็จ พรรคพลังประชาชนเขาชนะ สภาประชุมกันเลือกนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นหนที่ 1 คุณสมัครไปทำรายการชิมไปบ่นไป ออกทีวีผิดกฎหมาย ต้องพ้นตำแหน่งนายกฯ สภาก็ประชุมกันใหม่ คราวนี้เลือกคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยคุณทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหนที่ 2 กรรมเก่าตามมาทันเพราะพรรคพลังประชาชนโกงการเลือกตั้งทุจริต การเลือกตั้ง เขาสั่งยุบพรรค คุณสมชาย พ้นตำแหน่งนายกฯ ถึงต้องมาประชุมกันใหม่ เลือกนายกรัฐมนตรีเป็นหนที่ 3"

 

ยันช่วงปี 52-53 ต้องใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อให้เหตุการณ์ยุติ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

"2 หนแรกพวกเขาชนะการลงมติในสภา ไม่มีเรื่องวุ่นวาย แต่พอหนที่ 3 คุณอภิสิทธิ์ชนะได้เป็นนายกฯ เท่านั้นแหละครับ พวกผมเกือบจะออกจากสภาไม่ได้ เขาเกณฑ์ชุดแดงมาล้อมสภาหมดเลย เอาก้อนหินขว้างรถพวกผม เอาน้ำกรดสาด เอาระเบิดเพลิงขว้างใส่ เราก็แจ้งความดำเนินคดี ถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วพวกนั้น แต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตไม่มีความสุขอีกเลย รังควาญทุกวัน จะไปประชุมสภา เขาก็มาล้อมสภา ไม่ให้ประชุม จะไปทำงานที่ทำเนียบเขาก็ล้อมทำเนียบไม่ให้ทำงาน ไปกระทรวงไหนมันก็กันหมด ออกไปเยี่ยมประชาชนตามต่างจังหวัด ยังเอาตีนตบไล่ไปอีก เฉพาะตีนตบไม่เท่าไหร่ ก้อนหินด้วย ท่อนไม้ด้วยหนักครับ นายกฯ อภิสิทธิ์ ไปเป็นประธานการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา ซึ่งต้องถือว่าเป็นเกียรติภูมิของประเทศไทยที่ได้เป็นประธานจัดการประชุมประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีนานาประเทศ ไอ้พวกนั้นก็ยกขบวนไปถล่ม ล้มการประชุม นายกฯ ประธานาธิบดี ระเนระนาดเลยครับ เสร็จ ประชุมไม่ได้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโลกที่การประชุมระดับนานาชาติต้องล้มเลิกไปเพราะคนเข้าไปบุกสถานที่ประชุม บุกโรงแรม คุกคามประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี จนกระเจิดกระเจิงไปหมด"

"ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยาแล้ว ฮึกเหิม กลับมายึดกรุงเทพฯ ใช้กำลังคนที่ปลุกระดมมา ยึดสามแยก ยึดสี่แยก เผาแท็กซี่ เผารถเมล์ ประชาชนตรงไหนไม่เห็นด้วย เอารถแก๊สไปจอดหน้าแฟลตดินแดงเลย บอกว่าถ้าไม่ลงมาร่วมมือจะระเบิดรถแก๊สให้กลายเป็นระเบิดนาปาล์มตายกันให้หมด อันนี้พี่น้องทั้งหลายเห็นหมด ยกกระบวนผ่านตลาดนางเลิ้ง พี่น้องประชาชนชาวนางเลิ้งไม่เอาด้วย เอาปืนไปยิงคนนางเลิ้งตาย 2 คน บาดเจ็บ 5-6 คน พวกเขาทั้งนั้นที่ทำอย่างนี้ รัฐบาลทำยังไงครับ รัฐบาลก็ต้องพยายามแก้ไขปัญหาให้เหตุการณ์ยุติลงให้ได้ ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยให้ได้ โดยอาศัยกฎหมาย"

"กฎหมายธรรมดาเอาไม่อยู่ครับ ก็ต้องใช้กฎหมายพิเศษ ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ เขียนขึ้นมาเดี๋ยวนั้น หรือผมเขียนขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แต่เขามีกฎหมายพิเศษเอาไว้แล้วว่า ถ้าเกิดสถานการณ์คับขันฉุกเฉิน เป็นภัยต่อความมั่นคงเรียบร้อยของประเทศชาติ เป็นภัยต่อชีวิตความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ให้ใช้ พรบ. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือ และรัฐบาลมีอำนาจที่จะระดมกำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร มาแก้ปัญหาได้"

"พี่น้องครับ นายกฯ อภิสิทธิ์ จึงตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อใช้อำนาจตามกฎหมายนี้ ไปประกาศที่ไหนครับ ไปประกาศที่กระทรวงมหาดไทย ทำไมต้องไปประกาศที่กระทรวงมหาดไทยครับ เพราะทำเนียบเข้าไปไม่ได้ เสื้อแดงล้อมไว้หมด ไปประกาศกระทรวงมหาดไทย เขาก็เฮโล แห่ไปล้อมกระทรวงมหาดไทย ล้อมไม่ล้อมเปล่าครับ ประกาศเสร็จ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ กับผมลงมาขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางกลับ ไอ้พวกนั้นเข้ามาทุบรถ จะลากตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ กับผม เอาไปกระทืบเสียให้ได้ โชคดีครับวันนั้นเป็นวันแรกที่นายกฯ อภิสิทธิ์นั่งรถกันกระสุน"

"รถกันกระสุนคันนี้นะ สุดยอดเลยพี่น้องครับ ไม่ต้องคิดจะไปซื้อมานั่งนะ เพราะว่าราคา 35 ล้านบาท อภิสิทธิ์ไม่ได้ซื้อเองหรอกครับ ทักษิณเขาซื้อไว้นั่ง บังเอิญมันหนีศาลไปเสียก่อน อภิสิทธิ์ก็เลยได้นั่ง ที่จริงนั้น ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ยอมนั่งรถคันนั้น บอกว่า ท่านสุเทพ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งของประชาชน วันนี้ผมต้องนั่งรถกันกระสุน พี่น้องประชาชนเขาจะไม่สบายใจ ผมก็อ้อนวอนครับพี่น้องครับว่า พ่อเจ้าประคุณ พ่อทูนหัว นั่งสักวันเถอะพ่อ ผมมันสังหรณ์ใจพิกลวันนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ท่านบอกว่า งั้นรองนายกฯ สุเทพ นั่งไปกับผมด้วย ผมก็เลยรอดด้วย ไม่อย่างนั้นเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 คน ไม่ต้องเป็นจำเลยแล้ว ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว มันเหลือเกินจริง ๆ พี่น้องครับ ท่านนายกฯ นั่งอยู่เบาะทางซ้าย ผมนั่งอยู่เบาะทางขวาง ไอ้คนที่เอาท่อนเหล็ก เอาท่อนไม้ เอาก้อนอิฐทุบกระจกรถที่จะลากเราไปทำร้าย ไม่เคยรู้จักกันมาเลยในชีวิต ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยเหยียบหัวแม่เท้าท่านเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ถูกปลุกปั่นล้างสมองมาอย่างไร จะทำร้ายอภิสิทธิ์ ทำร้ายสุเทพให้ได้ ก็ได้อาศัยรถคันนั้นแหละครับ กว่าจะหลุดออกมาจากกระทรวงมหาดไทย ทุลัก ทุเล จนในที่สุด คนขับต้องตัดสินใจขับชนประตูรั้วกระทรวงมหาดไทยออกมา รอดไปวันนึง"

"แต่ทั้งปี 2552 ไม่ได้ทำงานสะดวกสบายเลยนะครับ เจอพวกเขาทุกวัน ตลอด แล้วกว่าจะแก้ปัญหา คลี่คลายสถานการณ์ เอาท่านทั้งหลายเหล่านั้นส่งกลับบ้านได้หมด ในวันที่ 14 เมษายน 2552 สายตัวแทบขาด แล้วไม่มีคนตายเลยซักคน พี่น้องครับ ไม่มีคนเสื้อแดงเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ในปี 2552"

"แต่ว่าคุณเวร ณัฐวุฒิ คุณเวร จตุพร เอาไปพูดทุกวัน ผมไม่กล้าเรียกว่า ไอ้ณัฐวุฒิ ไอ้จตุพร เพราะว่าภรรยาผมสั่งว่า อย่าพูดถึงเขาหยาบคายขนาดนั้น ผมก็เลยเรียกว่า คุณเวร จตุพร คุณเวร ณัฐวุฒิ 2 คุณ คนนี้แหละครับ โกหกไฟแลบเลย ออกมาตีฆ้องร้องป่าวบอกประชาชนว่า เหตุการณ์ปี 2552 อภิสิทธิ์สั่งทหารฆ่าประชาชน ตายเป็นร้อยแล้วก็ขนศพไปซ่อน ดูสิคุณ 2 คนนี้แกโกหกสิครับ แล้วก็ทำเป็นกระบวนการเลยครับ ไปเอาเทปที่ท่านอภิสิทธิ์ออกรายการนายกฯ พบประชาชนแต่ละวันเสาร์นั้น มาตัดตรงนั้น ตัดตรงนี้ ต่อตรงโน้น จนออกมาเป็นข้อความว่าอภิสิทธิ์สั่งฆ่าประชาชน แทบแย่ครับ กว่าจะพิสูจน์กันได้ด้วยกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ว่าไอ้เทปเสียงนั้น คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ คุณเหวง คุณทั้งหลายเหล่านั้นทำปลอมขึ้นมา"

"โชคดีครับพี่น้องครับ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในวันสงกรานต์ปี 2552 พี่น้องประชาชนอยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนกรุงเทพฯ ไม่กล้าออกจากบ้านเพราะว่ามันเหมือนกับกรุงเทพฯ เกิดกลียุค จึงได้นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านแล้วเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติในการแก้ไขสถานการณ์ เลยไม่มีคนเชื่อคุณจตุพร ไม่มีคนเชื่อคุณณัฐวุฒิ รอดไปปีนึง"

 

ยันในการชุมนุมปี 53 มีชายชุดดำอาวุธครบมือ หวังให้เกิดสงครามกลางเมือง

"ผมนึกว่าเที่ยวนี้แหละรัฐบาลเราก็จะได้ก้มหน้าก้มตาทำงานแก้ไขปัญหาของประชาชน พัฒนาประเทศชาติกันให้เต็มที่ ที่ไหนได้ครับขึ้นปี 2553 มาอีกแล้ว เที่ยวนี้มาเป็นแสน แล้วไม่ได้มาธรรมดานะครับ อาวุธครบมือเลย เที่ยวนี้ ชายชุดดำมาเลย มาแล้วก็ได้ก่อเหตุร้าย เข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ เข่นฆ่าประชาชน หวังที่จะให้เกิดสงครามกลางเมือง ให้เป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ เขาวางเอาไว้อย่างไรครับพี่น้องครับ ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผมก็ต้องติดตามข่าวทั้งจากสภาความมั่นคง จากสำนักข่าวกรอง จากสันติบาล จากฝ่ายข่าวของทหาร เอาประมวลกัน คนพวกนี้เขามีเป้าหมายชัดเจนครับ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะบีบบังคับให้ประเทศไทยยอมจำนน ทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยยอมจำนน จำนนเรื่องอะไรครับ จำนนเรื่องคุณทักษิณ

"ต้องยอมให้คุณทักษิณหลุดข้อกล่าวหาทั้งมวล ต้องยอมให้คุณทักษิณรอดจากคดีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ต้องยอมให้คุณทักษิณได้เงิน 46,730 ล้าน ที่ศาลสั่งยึดเข้าเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน คืนกลับไปหมดทุกบาททุกสตางค์ วิธีที่เขาทำจึงไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ และประชาชน เขาเห็นแล้วครับ ว่ายังไงคนไทยซึ่งเคารพกฎหมายไม่มียอมให้นายทักษิณ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นอภิสิทธิ์ชน อยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง อยู่เหนืออำนาจศาลไปได้ เพราะฉะนั้นเขากะเลยครับว่า เขาจะต้องสร้างสถานการณ์ให้เกิดการฆ่าฟันกันขึ้นในประเทศ เป็นสงครามกลางเมือง แล้วเขาก็จะใช้กองกำลังประชาชนที่เขาปลุกระดมเอาไว้เต็มที่นี้ ออกมาทำการยึดอำนาจประเทศไทย เรียกว่าปฏิวัติโดยประชาชน นั่นแหละครับ คือสาเหตุที่เขาได้ฝึกกองกำลังชายชุดดำ แล้วเอาอาวุธนานาชนิด มาเข่นฆ่าประชาชน มาเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กลางถนนราชดำเนิน ในตอนค่ำของวันที่ 10 เมษายน 2553"

 

ออกคำสั่งเอง เพียงแค่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมตามกติกาสากล จากเบาไปหาหนัก

"พี่น้องที่เคารพครับ คืนวันที่ 10 เมษายน 2553 เป็นคืนวิปโยคที่สุดสำหรับพวกผม ผมเป็นคนออกคำสั่งทุกคำสั่ง ผมเป็นผู้สั่งการ ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่กระทำรุนแรงกับผู้มาชุมนุม ผมเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติต่อผู้ที่มาชุมนุม ตามกติกาสากล มีขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ห้ามไม่ให้ใช้อาวุธต่อประชาชน ให้ใช้เพียงโล่ห ให้ใช้เพียงกระบอง ให้ใช้รถฉีดน้ำ ให้ใช้แก๊สน้ำตา และถ้าสุดวิสัยจริง ๆ ให้ใช้ปืนลูกซอง ยิงด้วยกระสุนยาง เพื่อหยุดยั้งเหตุร้าย เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งอย่างนี้ แล้วปฏิบัติต่อประชาชนอย่างนี้ คืนวันนั้นคืนเดียวคือคืนวันที่ 10 เมษายน จึงเป็นคืนที่เจ้าหน้าที่สูญเสียมากที่สุด มากกว่าสงครามครั้งไหน ๆ ที่ไปทำเพื่อปกป้องประเทศไทย"

"ตายทันที 5 คน ครับ บาดเจ็บอีกเกือบ 400 คน และบาดเจ็บสาหัสทั้งนั้น หลายคนยังต้องรักษามาอยู่ในโรงพยาบาลมาร่วม 2 ปี เพิ่งออกได้เมื่อเดือน 2 เดือนนี้ และสมองยังใช้ไม่ได้ ไม่สามารถจะกลับเป็นอย่างเดิมได้แล้ว บางท่านโชคดี โดนระเบิด ขาหัก 2 -3 ท่อน วันนี้ลุกขึ้นมาทำงานได้ แต่ว่าสาหัสสากรรจ์ พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตกเป็นเหยื่อ เสียชีวิตทันทีคืนนั้น 21 คน วิปโยค ท่านลองสมมติตัวท่านเป็นผมสิครับ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ท่านจะทำอย่างไร ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธ ให้ใช้โล่ห์ ให้ใช้กระบอง ไปเจออาก้า ไปเจอเอ็ม 16 ไปเจอเอ็ม 79 ไปเจอระเบิดมือแบบขว้าง เขาต้องบาดเจ็บ เขาต้องล้มตาย เพราะเราสั่งให้เขาปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความละมุนละม่อม"

"พี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมนั้นไม่ใช่คนร้ายทั้งหมดครับพี่น้องครับ มันมีเฉพาะที่แกนนำ มันมีเฉพาะกองกำลังเสื้อดำที่เขาเอาปะปนมาอยู่ในกลุ่มเสื้อแดงต่างหาก ที่มันเป็นคนก่อเหตุร้าย ตั้งแต่นั้นผมจึงจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคำสั่งว่าต่อไปนี้ จะต้องไม่มีการเผชิญหน้าเข้ามาถึงตัวระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่อีกต่อไป ต่อไปนี้ผมอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธได้ ถ้าเป็นการใช้เพื่อปกป้องชีวิตของเจ้าหน้าที่และของประชาชนผู้บริสุทธิ์"

 

ยันไม่เคยสลายการชุมนุม ทำแต่เพียงบีบให้ผู้ชุมนุมรู้สึกไม่สบาย ต้องเลิกการชุมนุมไปด้วยตัวเอง

"เหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน มาจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ไม่มีครั้งไหนวันไหนเลยครับ ที่จะเอาเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปสลายผู้ชุมนุม ไม่มีครับ เขาย้ายสถานที่ชุมนุมจากถนนราชดำเนินไปตั้งหลักที่สี่แยกราชประสงค์ ผมไม่เคยสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อเวที สลายการชุมนุม สิ่งที่เราทำ มีอย่างเดียวครับ ค่อย ๆ บีบให้ผู้ชุมนุมรู้สึกไม่สบาย แล้วต้องเลิกการชุมนุมไปด้วยตัวเอง ทำอย่างไรครับ ไปตั้งด่านในถนนต่าง ๆ ที่จะนำเข้าไปสู่เวทีการชุมนุมที่ราชประสงค์ ไม่ให้ขนน้ำ ไม่ให้ขนอาหารเข้าไปสะดวก แต่ว่ามันมีซอยเล็ก ซอยน้อย ตรอกโน้น ตรอกนี้ เขาก็ยังไปได้ เราก็ตัดน้ำ ตัดไฟ ไม่ให้เขาสบาย มันอุตส่าห์ขนเครื่องปั่นไฟ เข้าไปปั่นไฟจนได้ เขาก็ทำเต็มที่ละครับ แล้วกลางคืน เอาคนชุดดำ พร้อมอาวุธสงคราม บุกเข้าไปโจมตีด่านของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งไว้ตามถนนต่าง ๆ ห่างจากเวทีชุมนุมประมาณ 2 กม."

"ตายกันที่ด่านนั้นนะครับ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 18 พฤษภาคม ในเวลากลางคืน มีกลางวันบ้างประปราย ตายไป 45 – 46 คน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปเข่นฆ่าประชาชนอย่างที่คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ หรือคุณเฉลิม ที่แหลมเข้ามาด้วยในภายหลัง มันไม่เป็นอย่างนั้นครับ มีภาพ มีข้อเท็จจริง มีหลักฐานที่เราสามารถเอามาพิสูจน์กันได้ ความจริงที่ปรากฎจากรายงานของ คอป. ชัดเจน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการชุดอื่นเห็นเรื่องเหล่านี้กันมาหมดแล้วชัดเจน แต่วันนี้ฝ่ายรัฐบาลเขาถือว่าเขากุมอำนาจรัฐ เขาสามารถบงการเจ้าพนักงานสอบสวน จะเป็นตำรวจ จะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ เขาถือว่าอยู่ภายใต้อุ้งมือเขา สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้ เขาตั้งป้อมเลยครับ ไม่ต้องไปดูที่ไหนครับ รองนายกรัฐมนตรีเฉลิม อยู่บำรุง ประกาศตลอดเวลา ตั้งธงไว้เลยว่า ต้องเอาอภิสิทธิ์ กับสุเทพ เป็นจำเลยให้ได้"

"เฉลิมเนี่ยมันเก่งทุกอย่างครับ ยกเว้นว่ามันหาไม่เจอไอ้ปื้ด ไอ้ปื้ดฆ่าดาบยิ้ม จนเดี๋ยวนี้คุณเฉลิมหาไอ้ปื้ดไม่เจอ และไม่รู้ว่าปื้ดชื่อจริงชื่ออะไร คุณเฉลิมอ้างว่าเป็นดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมาย จบปริญญาเอกทางกฎหมาย จะเอาคนใช้ คนออกคำสั่งมาเป็นผู้ต้องหา ข้อหาฆ่าคนตาย โดยที่ยังไม่รู้เลยว่า ไอ้คนที่ทำให้ตายน่ะชื่ออะไร ยังไม่รู้ ช่างเขาครับ มีแรงให้เขาทำไป ผมก็จะรอว่าเขาทำอย่างไร วันก่อนผมก็บอกไปว่าอย่าให้ช้าเลย มัวแต่พูดอยู่ยืดยาด ตั้งข้อหามาแล้วกัน ผมจะไปสู้กัน มันก็ออกมาบอกว่าผมท้าทาย เออ เอากะมันสิ กูจะไปท้าอะไรมึง ก็มึงจะล่อกูอยู่ทุกวัน"

"แต่ผมเรียนกับพี่น้องทั้งหลายครับ ไอ้ที่จะให้ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์มานั่นบาปเปล่า ๆ ทุกคำสั่ง ผมเซ็นเองทั้งนั้น เซ็นเองทั้งนั้น ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นผู้ให้นโยบาย ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยพระเอกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ รับนโยบายไปปฏิบัติแล้วนโยบายของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ มีอำนาจเต็มตามพรก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี แล้วให้ผมซึ่งเป็นรองนายกฯ ที่มีหน้าที่ด้านนี้เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ผมก็ใช้อำนาจตามกฎหมายนั้นเซ็นคำสั่ง ทุกคำสั่ง แล้วก็มีสำเนาเก็บไว้ ชัดเจน เปิดเผย พี่น้องทั้งหลายก็สามารถขอดูได้ทุกฉบับ"

"คำสั่งทุกฉบับที่ผมได้สั่งการไปนั้น ไม่มีคำสั่งไหนเลย ที่บอกให้เจ้าหน้าที่ไปปราบปรามประชาชน ไม่มีคำสั่งไหนเลยที่บอกให้เจ้าหน้าที่ไปทำร้ายประชาชน อย่าว่าไปฆ่าเลยครับ แค่ไปทำร้ายก็ไม่มี ทุกคำสั่งชัดเจน แต่ว่าถ้าหากว่าเป็นจริง ซึ่งผมยังไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคนใดในขณะที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผมนั้น แล้วเป็นเหตุให้มีคนเจ็บ มีคนตาย ถ้าคุณเฉลิม อยู่บำรุง คุณธาริต เพ็งดิษฐ์ คุณประเวศ มูลประมุข จะเอาผิดกับผม เชิญ รออยู่แล้ว เตรียมพร้อมจะเป็นจำเลย เป็นผู้ต้องหา ตอนนี้ออกกำลังกายทุกวัน ฟิตตัวเองเป็นผู้ต้องหา ไม่หนีไปไหน ไม่หนีไปต่างประเทศแน่นอน เพราะว่าไม่มีคฤหาสน์อยู่ต่างประเทศเหมือนทักษิณ ไม่มีเครื่องบินส่วนตัวจะเที่ยวบินแรดไปโน่นไปนี่ได้ ไม่มีฐานะร่ำรวยขนาดนั้น เพราะว่าในครม.อภิสิทธิ์ ผมจนกว่าเพื่อน คือหนี้ 300 กว่าล้าน เพราะฉะนั้นไม่ไปไหน อยู่ประเทศไทย"

 

ยันไม่ไปขึ้นศาลโลก เพราะภูมิใจในความเป็นเอกราชของชาติไทย

"แล้วที่มาข่มขู่บอกว่า ถ้าเอาผมให้มีความผิดตามกระบวนการยุติธรรมของศาลไทยไม่ได้ จะเอาผมไปขึ้นศาลโลก ไม่ไปเด็ดขาด ไม่ไป ผมภูมิใจในความเป็นไทย ในความเป็นเอกราชของชาติไทย เรามีเอกราชทางศาล ศาลสถิตยุติธรรมของเรานี่ชั้น 1 มีมาตรฐานเหมือนนานาประเทศทั้งโลก ไม่ต้องมาชวนผมไปขึ้นศาลโลก ผมไม่ไป ภาษาอังกฤษพูดได้ กอก ๆ แกก ๆ เพราะเรียนจบปริญญาโทมาจากอเมริกา แต่ก็ไม่ไป ไม่ไปเด็ดขาด คุณทักษิณไม่เคารพศาลไทย เพราะศาลตัดสินจำคุกแกออกไปด่าศาลไทยอยู่ทั่วโลก หนีความผิด ชอบอยู่เมืองนอก ก็เชิญคุณทักษิณไปขึ้นศาลโลก คดีฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ คดีฆ่าพี่น้องมุสลิมที่กรือเซะ ที่ตากใบ เดี๋ยวกรรมก็ตามทัน ไม่ทันแก่"

"พี่น้องทั้งหลายครับ ที่ผมเอามาเรียนอย่างนี้นั้น ที่จริงนั้นไม่พูดมาเลยนะครับ เหมือนกับท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ประมาณปีเศษ ๆ หลังจากที่พ้นตำแหน่งจากการเป็นรัฐบาล เราก็ได้ยินฝ่ายพรรคเพื่อไทย ฝ่ายคุณธิดา ถาวรเศรษฐ์ หมอเหวง คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ พ่นทุกวัน โกหกทุกวัน จนพี่น้องประชาชนที่ลืมเรื่องราวไปแล้ว เกิดกังวลใจ นึกว่าความเป็นจริงอย่างที่เขาพูด วันนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเอาความจริงมาเล่าให้ฟัง และต่อไปนี้จะพูดความจริงให้ชัด ให้ละเอียด เป็นแต่ละฉาก แต่ละตอน เหมือนที่ท่านอภิสิทธิ์ ได้บอกกับพี่น้องไว้ว่า วันเสาร์หน้าที่สวนลุมพินี ตอนเย็น จะพูดเรื่องชายชุดดำกันให้ชัดเจนเลย เอาคลิปวิดีโอ เอาภาพข้อเท็จจริง แสดงกันให้เห็นจะ ๆ ไปเลย ดูซิว่า ทั้งเหลิม ทั้งธาริต ทั้งประเวศ มันจะเอาหน้าไปซุกอยู่ตรงไหน เพราะมันเป็นของจริง"

"พี่น้องครับ ว่าที่จริงแล้วพวกผมนั้นไม่ต้องการฟื้นฝอยหาตะเข็บ ความเป็นจริงเป็นอย่างไร ให้เป็นอย่างนั้น จะผิดจะถูกตรงไหน ดำเนินการไปตามตัวบทกฎหมาย ยินดีอยู่แล้ว ร่วมมืออยู่แล้ว ตำรวจเรียกผมไปสอบ ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนครับ ทีละ 7 ชม. 8 ชม. ผมก็ไป กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบผม 10 ชม. ข้าวน้ำไม่ได้กิน ผมก็ไป ไม่ได้ว่าอะไร พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่การที่เอามาพูดจาปลุกระดมให้พี่น้องประชาชนในประเทศนี้เข้าใจกันผิด แล้วมีความเกลียดชังต่อกันนั้น ผมคิดว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบ้านเมือง ผมไม่รู้ว่าคนพวกนี้มันกินอะไรเข้าไป มันถึงใจดำขนาดนั้น มันบังอาจครับ เอาความเท็จมามอมเมาประชาชน แล้วแบ่งแยกประชาชนเป็นฝักเป็นฝ่าย ให้ประชาชนลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกัน ผมรับไม่ได้"

"เหตุการณ์ที่คนเสื้อแดง มาตีกับคนที่ไปช่วยครูที่กองปราบฯ วันนั้นเป็นสัญญาณที่ผมอนาถใจอย่างยิ่งครับ นี่ถ้าผมเจอทักษิณ ผมจะถามว่า หัวใจคุณทำด้วยอะไร เห็นแก่เงิน 46,730 ล้าน เห็นกับการที่ตัวเองจะได้เป็นอภิสิทธิชนไม่ต้องขึ้นศาล ไม่ต้องถูกจำคุกตามคำสั่งศาล แล้วให้คนบาดเจ็บ ให้คนล้มตายอย่างนี้กันต่อไป ให้คนไทยต้องลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันนั้น คุณไม่รู้สึกว่าเป็นบาปบ้างเหรอ"

"ผมเห็นที่คณะกรรมการ คอป. เขาแนะนำครับพี่น้องครับ บอกว่าเหตุการณ์ในประเทศไทยนี้ จะสงบเรียบร้อยยุติได้ ถ้าคุณทักษิณเสียสละเพียงคนเดียว แต่ผมเชื่อว่า ไม่มีวันเกิดขึ้น เรารู้จักคุณทักษิณกันมามากแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าในพจนานุกรมของแกนี่เปิดเจอคำว่า เสียสละเพื่อชาติ หรือประชาชนหรือไม่"

"สิ่งที่ผมกังวลใจก็คือว่า 1. เขาจะเดินหน้าต่อเพื่อออกกฎหมายลบล้างความผิดให้กับคุณทักษิณ และสมุนบริวารที่ลุกขึ้นมาก่อการร้าย ก่อจลาจล เผาบ้านเผาเมืองทุกคน 2. เขาพยายามที่จะทำต่อเพื่อจะเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ให้เอื้อเฟื้อต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้มามีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตรงนี้ครับ ผมต้องกราบเรียนกับพี่น้องว่า แม้ว่าจะเป็นคนที่รักความสงบ ถ้าเขาดึงดันทำอย่างนี้เราคงยอมไม่ได้ เพราะว่ามันจะทำให้ประเทศไทยนี้หมดสภาพความเป็นนิติรัฐ มันจะทำให้กฎหมายของประเทศไทยนี้ไม่สามารถใช้บังคับอย่างศักดิ์สิทธิ์ได้อีกต่อไป มันจะทำให้บ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อ ไม่มีแป มีคนบางคนบางกลุ่ม บางพวกเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างดี นอกนั้นเสร็จหมด"

"พี่น้องทั้งหลาย ลูกหลานเราจะต้องเติบโต มีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะมาทำหน้าที่เป็นประชาชนพลเมืองแทนคนรุ่นเรา ถ้าประเทศไทยต้องกลายเป็นประเทศแบบคิวบา แบบเกาหลีเหนือ หรือแม้แต่แบบเขมร พวกเราถึงตายไปแล้วก็นอนตายไม่หลับ เป็นห่วงลูก เป็นห่วงหลาน ผมจึงขอถือโอกาสนี้กราบเรียนเชิญชวนพี่น้องประชาชน คนไทยทั้งประเทศ ขอให้ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างมีสติ เปิดหู เปิดตาให้กว้าง รับข้อมูลทุกฝ่าย แล้วใช้จิตใจที่บริสุทธิ์ ที่เที่ยงธรรมของตัวเอง กลั่นกรอง วิเคราะห์ให้ถึงแก่น อย่าฟังความข้างเดียว ฟังทุกด้านแล้วชั่งใจ แล้วพิจารณา ถ้าพี่น้องทั้งหลายเห็นว่า ไอ้การที่เขาอ้างว่าเขาจะปรองดอง เนื้อแท้คือเขียนกฎหมายลบล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้ต้องติดคุก ให้คืนเงิน 46,730 ล้าน ให้คุณทักษิณ ลบล้างความผิดให้กับคนที่ยิงวัดพระแก้ว ลบล้างความผิดให้กับคนที่เผาศาลากลาง ลบล้างความผิดให้คนที่ฆ่าทหาร ฆ่าตำรวจ ฆ่าประชาชน ลบล้างความผิดให้พวกที่เผาบ้านเผาเมืองทั้งหลาย เราต้องพร้อมใจกันบอกเขาว่า เราไม่ยอม"

"ผมไม่ได้ชวนพี่น้องลุกขึ้นไปทุบไปตีไปสู้เขาครับ แต่ให้แสดงพลังของเจ้าของประเทศที่แท้จริง ลุกขึ้นชูมือ ชูป้าย บอกให้ชัด เหมือนที่ท่านชูป้ายอย่างนี้แหละครับบอกว่า เราไม่ยอม ไม่ต้องไปตีกับเขาครับ เขียนป้ายติดไว้ที่หน้าบ้านเราก็ได้ ถ้ากลัวเสื้อแดงมันจะรังควาญก็กลางคืนแอบไปเขียนไว้หน้าบ้านมันเลย ไปเขียนป้ายติดไว้ที่ศาลากลางจังหวัดก็ได้ เขียนไว้ที่กำแพงวัด กำแพงโรงเรียนเขียนไว้หน้าบ้านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ทำการอบต. อบจ. เขียนที่ราวสะพาน ขึ้นป้ายให้เห็นว่า เจ้าของประเทศที่แท้จริงคือพวกเรา ไม่ยอมให้คุณลบล้างระบบนิติรัฐ ทำลายหลักกฎหมาย ต้องทำครับ ตอนนี้เขาให้เงินกระทรวงมหาดไทยไปเกือบร้อยล้าน บอกว่าให้ไปตั้งเวที เสวนากันว่าจะปรองดอง แล้วเขาจะเลือกเชิญประชาชนเฉพาะบางกลุ่มไปเข้าเสวนา พี่น้องไม่ต้องรอให้เขาเชิญไปด้วยเลยครับ ไปด้วยเลย แล้วไปนั่งหน้าเวทีอย่างนี้เลยครับ นั่งให้ติดเลย เอาป้ายไปด้วย ยกไว้เลยไม่ต้องเถียงหรอก ไม่ยอม ไม่เอา ไม่ร่วมมือ นี่ไม่ใช่วิธีปรองดอง"

"พี่น้องครับ ผมกราบเรียนด้วยหัวใจ จริงใจ ตรงไปตรงมา ผมไม่เคยโกรธเคืองพี่น้องเสื้อแดง พี่น้องเหล่านั้นเป็นประชาชนคนไทยเหมือนเรา แต่ผมโกรธเคืองคนบงการ แกนนำ คนสั่งการ คนปลุกปั่น คนยุยคนที่มอมเมาประชาชน ไอ้คนเหล่านี้น่ารังเกียจ พี่น้องต้องไม่ลืม ทั้งคุณจตุพร ทั้งคุณณัฐวุฒิ ทั้งคุณเหวง คุณธิดา ทั้งคุณเจ๋ง ดอกจิก ทั้งหลายเหล่านั้น ตัวร้ายทั้งสิ้น วันนี้ณัฐวุฒิ เปลี่ยนจากไพร่เป็นอำมาตย์ไปแล้ว ส่วนจตุพรนั้นรู้สึกสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไปตัดเครื่องแบบรอการปรับครม. หวังจะเป็นอำมาตย์ ผมจะอดทนรอดูวันที่คุณคางคกจตุพรได้เป็นอำมาตย์ ให้มันรู้สึกสะใจ ให้มันรู้สึกเจ็บ จะได้จำไว้นาน ๆ ว่า คนที่เป็นผู้นำสั่งคนเผาบ้านเผาเมือง สั่งคนฆ่าประชาชน วันนี้มันได้ดิบได้ดีกันหมดแล้วประเทศนี้"

ในตอนท้ายการปราศรัยนายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เคยแตะต้อง ไม่เคยตำหนิ ให้ร้ายนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพราะผมเห็นว่าแต่งตัวสวย หรือเอ็นดูว่านายกรัฐมนตรีพูดผิด ๆ ถูก ๆ แต่คิดว่าเราต้องเคารพกฎเกณฑ์กติกา เมื่อเขาชนะเลือกตั้ง เขารวบรวมเสียงข้างมากได้ เขาก็เป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี เชิญเขาบริหารบ้านเมืองไป เรามีหน้าที่ติดตามตรวจสอบ กำกับการทำงานของรัฐบาล ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านไป และยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชนเพื่อทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีความสงบเหมือนในอดีต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net