วันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันครบรอบปีที่ 10 ของวันต่อต้านโทษประหารชีวิตโลก ข้าพเจ้าภูมิใจที่จะพูดว่า สิทธิอันละเมิดมิได้ของการมีชีวิตได้ถูกบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญของประเทศติมอร์-เลสเตของข้าพเจ้า การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของประเทศเราไม่ใช่ไม่มีการเสียสละ ในการแสวงหาศักดิ์ศรีและการตัดสินใจด้วยตนเอง บุคคลอันเป็นที่รักของเราหลาย ๆ คนต้องเสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเตือนใจตลอดเวลาถึงคุณค่าศักดิ์สิทธิ์ของการมีชีวิต ดังนั้น สิ่งแรก ๆ สิ่งหนึ่งที่เราทำหลังจากได้รับอิสรภาพเมื่อ 10 ปีมาแล้ว คือการรับรองว่าจะไม่มีใครได้รับโทษประหารชีวิต
การเคารพชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับประสบการณ์ของมนุษยชาติในโลกปัจจุบัน ในมาตราที่ 3 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งบัญญัติขึ้นหลังสงครามโลกที่ได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปหลายสิบล้านคน กล่าวไว้ว่า “ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต” ในทำนองเดียวกัน ประเทศกัมพูชาผ่านความป่าเถื่อนของทุ่งสังหารและมีรัฐธรรมนูญซึ่งยืนยันคุณค่าศักดิ์สิทธิ์ของการมีชีวิต ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียนได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว
เมื่อปฏิญญาสากลถูกประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1948 นั้น มีเพียง 8 ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิต ในวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมานี้ นาย บันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้รายงานว่าจำนวนประเทศที่ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมีจำนวน 150 ประเทศ ขณะที่อีก 32 ประเทศยังคงโทษนี้อยู่
แม้ว่าประเทศไทยจะยังคงมีโทษประหารชีวิตอยู่ แต่มีการประหารชีวิตเพียง 2 รายตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้แจ้งต่อสหประชาชาติว่า ไทยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการยกเลิกโทษประหารชีวิต การยกเลิกโทษประหารชีวิตได้ถูกรวมไว้ในแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ. 2552 – 2556 และเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ มีการลดโทษนักโทษประหาร 58 คนให้เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต
ญัตติเรียกร้องให้หยุดโทษประหารชีวิตทั่วโลกถูกเสนอเข้าสู่สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ 3 ครั้งในปี ค.ศ. 2007, 2008 และ 2010 ในสองครั้งแรก ประเทศไทยลงคะแนนเสียงคัดค้าน แต่ในครั้งสุดท้าย ปี ค.ศ.2010 ประเทศไทยงดออกเสียง
ในเดือนธันวาคม จะมีการยื่นญัตติหยุดโทษอีกครั้งในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในฐานะมิตรของประเทศไทย ข้าพเจ้าหวังว่าประเทศไทยจะลงคะแนนเสียงสนับสนุนญัตตินี้ แม้ว่าในการลงคะแนนเสียงทุกครั้ง เสียงสนับสนุนจะมีเพียงพอที่จะผ่านญัตติโดยเสียงสนับสนุนเพิ่มจำนวนขึ้นทุกครั้ง เป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยจะลงคะแนนสนับสนุนเพื่อเป็นหลักฐานอย่างเป็นทางการของจุดยืนทางศีลธรรมของรัฐบาลและประชาชน ในเรื่องที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ข้าพเจ้าหวังอย่างจริงใจว่าประเทศไทยจะดำเนินการสืบเนื่องคำสัญญานี้โดยการหยุดการลงโทษประหารชีวิตและหยุดการประหารชีวิต
เราจะสามารถเสนอเหตุจูงใจอะไรให้แก่ประเทศที่ยังลังเลเพื่อให้สนับสนุนการก้าวไปข้างหน้านี้? เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติและนักมนุษยธรรมได้ตระหนักว่าโทษประหารชีวิตไม่ได้ยับยั้งอาชญากรรมรุนแรง ซีซาร์ เบคคาเรีย นักอาชญวิทยาชาวอิตาเลียนได้ชี้ให้เห็นในงานที่มีชื่อเสียงของเขาเรื่อง Crime and Punishment (อาชญากรรมและการลงโทษ) ว่าการประหารชีวิตไม่มีผลในทางยับยั้ง ความมั่นใจว่าจะถูกจับและถูกลงโทษเป็นสิ่งขวางกั้นเพียงอย่างเดียวของอาชญากรรม
ข้อสนับสนุนการหยุดการประหารชีวิตมีหลายประการ สภายุโรปซึ่งมีสมาชิก 47 ประเทศ ได้ตั้งให้การยกเลิกโทษประหารชีวิตเป็นข้อแม้หนึ่งในการเข้าเป็นสมาชิก โดยประกาศอย่างกล้าหาญว่า “โทษประหารชีวิตเป็นสิ่งที่ผิด เหมือนกันกับการทรมาน” โทษประหารชีวิตไม่ได้ยับยั้งอาชญากรรม แต่ว่าเราจะได้ประโยชน์มากจากการเน้นถึงชีวิตมนุษย์ที่จะละเมิดมิได้ ในประวัติศาสตร์ของเอเชีย ได้มีการเน้นถึงความเมตตา กรุณา และการให้อภัยในทุก ๆ ศาสนาและคุณค่าทางวัฒนธรรม
ในฐานะประชาชนคนหนึ่งของประเทศพี่น้องในครอบครัวของประเทศในทวีปเอเชีย ข้าพเจ้าหวังว่าทุกประเทศในเอเชียจะร่วมกับติมอร์-เลสเตในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนชีวิตเหนือความตายในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ข้าพเจ้าภูมิใจอย่างยิ่งที่ติมอร์-เลสเตไม่มีโทษประหารชีวิตและโทษจำคุกสูงสุดคือ 25 ปี เราไม่มีโทษจำคุกตลอดชีวิต
หมายเหตุ
โฮเซ รามอส-โฮร์ตา คือผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ (1996), ประธานาธิบดีประเทศติมอร์-เลสเต (2007-2012)
อดีตนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ