Skip to main content
sharethis

เหตุการณ์คนร้ายบุกเข้ายิงผู้อำนวยการโรงเรียนและครูในโรงอาหาร ขณะรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนบ้านบาโง อ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิต 2 คน และกรณีคนร้ายกราดยิงร้านน้ำชาที่ตังหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุร้ายครั้งล่าสุดที่สะเทือนขวัญ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมติให้ปิดโรงเรียนเป็นเวลา 2 วัน และเร่งระดมความเห็นหามาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก ในขณะที่ข้าวบ้านดามาบูเวาะห์ ต.ตันหยงลิมอที่เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน แม้ได้รับการเยียวยาในเบื้องต้นจากรัฐ แต่ทุกคนยังมีคำถามคาใจในมาตรการการรักษาความปลอดภัย

 

เหตุการณ์เศร้าสลดที่โรงเรียนบ้านบาโง

ผู้ใหญ่บ้านสะตอปา ดอเลาะ เล่าให้ฟังว่า เป็นปกติที่เวลาพักกลางวันครูจะให้เด็กนักเรียนกลับบ้าน เพราะนักเรียนทั้งหมดมีบ้านอยู่ใกล้ๆ โรงเรียน ขณะที่เด็กนักเรียนกลับบ้าน บรรดาครูจะมารับประทานอาหารที่โรงอาหารที่อยู่ติดถนนหน้าโรงเรียน

วันที่เกิดเหตุร้ายนั้น ขณะที่ครูทั้งหมดกำลังรับประทานอาหารกลางวัน มีชาย 5 คนเข้ามาในบริเวณโรงเรียนกับรถมอเตอร์ไซค์ 3 คัน แต่งกายคล้ายทหาร ซึ่งครูที่กำลังรับประทานอาหารต่างคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาเยี่ยมเยียน อันเป็นเวลาที่นักการภารโรงและ ชรบ. ประจำหมู่บ้านที่ประจำอยู่อีก 2 คนกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ โรงเรียน

เมื่อคนร้ายสองคนเข้าไปในโรงอาหารก็ได้ยกปืนขึ้นจี้ครูสมศักดิ์ ขวัญมา ให้ส่งกุญแจรถ เมื่อครูสมศักดิ์ไม่ยอม คนจึงเข้าไปแย่งกุญแจที่แขวนอยู่ที่เอวแล้วโยนให้เพื่อนที่รออยู่หน้าประตู แล้วหันมายิงครูสมศักดิ์ เสร็จแล้วจึงหันไปยิงครูตติยารัตน์ ช่วยแเก้ว ที่เป็น ผอ.โรงเรียนฟุบลงอีกคน โดยที่ครูคนอื่นๆ ต่างหมอบลงกับพื้นด้วยความกลัว จากนั้นทั้งหมดจึงขับรถกระบะของครูสมศักดิ์ออกไปทางประตูหน้าโรงเรียน

เวลาเดียวกันเมื่อชาวบ้านในหมู่บ้านได้ยินเสียงปืน ต่างวิ่งมาที่โรงเรียนทันที ซึ่งผู้ใหญ่บ้านสะตอปาเล่าว่าชาวบ้านมาเร็วมาก ไม่มีใครกลัวหรือรอเวลาให้ผ่านไป ในขณะที่อีหม่ามของหมู่บ้านบอกว่า ช่วงนี้เวลาละหมาดดุฮรีจะเร็วกว่าปกติประมาณเที่ยงตรงก็ได้เวลาละหมาด ทำให้ช่วงเวลานั้นในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบทำให้คนร้ายสามารถก่อเหตุอย่างสะดวก

โรงเรียนบ้านบาโงตั้งอยู่ริมถนนกลางหมู่บ้าน ด้านหลังเป็นท้องนา มีอาคารหลังใหม่เป็นตึกสีเหลืองตั้งเด่นตระหง่าน หน้าตึกเป็นสนามโรงเรียนที่อีกสองด้านมีอาคารไม้กลางเก่ากลางใหม่ตั้งอยู่ โรงอาหารอยู่ติดถนนไม่เกิน 30 เมตร อีหม่ามเล่าว่า โรงเรียนนี้เคยถูกเผามาแล้ว 2 ครั้ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ห่างจากโรงเรียนบ้านบาโงประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของโรงเรียนบ้านปานัน ซึ่งด้านข้างติดกับรั้วโรงเรียนปานันเป็นที่ตั้งของหน่วยปืนเล็กที่ 3 โดยเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยนี้จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยครูและหมู่บ้าน ทั้งนี้เนื่องจากหน่วยนี้ไม่มีพลลาดตระเวนด้วยรถมอเตอร์ไซค์ จึงได้จัดกำลังคุ้มครองครูมายังโรงเรียนบ้านบาโง โดยการวางกำลังตามแนวถนนเป็นจุดๆ จากหน่วยถึงโรงเรียนในตอนเช้าและช่วงเวลาเลิกเรียนตอนเย็น ส่วนในช่วงกลางวันจะมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว

ความตายของครูสองคนซึ่งเป็นครูไทยพุทธที่มีอยู่ในโรงเรียนบ้านบาโงได้สร้างรอยแผลที่ไม่อาจเยียวยาให้กับหลายๆ คน เด็กนักเรียนต่างเดินและวิ่งเล่นหน้าโรงเรียน ไม่มีใครเข้าไปเล่นในสนามโรงเรียน ในขณะที่พ่อแม่กล่าวว่า อยากให้เด็กได้มาเรียนที่โรงเรียน แต่วันนี้ไม่มีใครอยู่ นอกจากคนต่างถิ่นที่มาทำข่าว ผู้ใหญ่บ้านสะตอปาชี้ไปที่ต้นลิ้นกระจงในกระถางซิเมนต์ขนาดใหญ่หน้าโรงอาหารว่า เป็นต้นไม้ที่ครูผู้อำนวยการปลูกไว้ พร้อมกับกล่าวถึงครูว่า เป็นคนดี ทุกคนรักใคร่ มาบริหารเพื่อการศึกษาจริง ไม่มีงานรับเหมาหรือธุรกิจ

เหตุการณ์เศร้าสลดนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด แต่เมื่อสอบถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยก็ได้คำตอบที่ไม่กระจ่าง กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในอาคารโรงเรียนพังเสียหาย ไม่ได้รับการดูแล และที่ติดตั้งอยู่ที่เสาไฟหน้าโรงเรียนใช้การไม่ได้ ประตูรั้วโรงเรียนเปิดอ้าเอียงกะเร่เท่ใช้การไม่ได้

 

โศกนาฏกรรมร้านน้ำชา ชาวบ้านถามว่าเกิดได้อย่างไร

 

ร้านน้ำชาและขายข้าวเช้าในหมู่บ้านดามาบูเวาะห์แห่งนี้ เป็นร้านน้ำชาแห่งเดียวของหมู่บ้านที่เปิดขายมากว่า 30 ปีแล้ว เดิมตั้งขายในตัวบ้านที่ตั้งอยู่ด้านหลัง เมื่อเจ้าของบ้านขยายตัวบ้านให้ใหญ่ขึ้นด้วยจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น จึงทำเพิงขายอาหารอยู่หน้าบ้านพร้อมกับตั้งโต๊ะเก้าอี้สำหรับลูกค้า

เช้าวันเกิดเหตุ เวลาประมาณก่อน 7 โมงเช้า ก่อนเวลาที่บรรดานักเรียนตัวเล็กๆ ในหมู่บ้านจะออกมารอรถรับเหมารับส่งไปโรงเรียนอย่างที่เป็นปกติทุกวัน ขณะนั้นมีลูกค้าและแม่ค้า 6 คน กำลังซื้อขายอาหารเช้าที่เพิงขายอาหาร ที่ด้านหลังมีนางซีตีรอหิมะห์ มามะ ในวัย 70 ปี กำลังป้อนข้าวให้หลาน ด.ญ.อินฟานี สาเมาะ วัย 11 เดือนที่กำลังหัดเดินเตาะแตะ

พลันรถกระบะสีบรอนด์คันหนึ่งวิ่งมาจอดเยื้องๆ ร้านน้ำชาห่างออกไปไม่เกิน 10 เมตร ชายฉกรรจ์ 3 คน กระโดดลงจากกระบะหลังรถ ใช้อาวุธสงครามกราดยิงทุกคนในร้านน้ำชา กระสุนจากกระบอกปืนสงครามสองนัดพุ่งทะลุกะโหลก ด.ญ.อินฟานี สมองทะลัก และอีกหลายนัดเข้าชายโครงทะลุหลังคุณยายซีตีรอหิมะห์ ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กตายคาที่ โดยที่คุณยายอาการโค่ม่าขณะที่ชาวบ้านช่วยนำส่งโรงพยาบาล

ท่ามกลางเสียงปืนกระหน่ำยิงไปยังร้านน้ำชา กระสุนนัดหนึ่งพุ่งเจาะลำต้นมังคุดขนาดเท่าลำแขนที่ปลูกติดชายคาร้านนำชาหักโค่น และกระสุนจากกลุ่มชายฉกรรจ์อีกห่าใหญ่พุ่งเจาะร่างชาวบ้านที่นั่งกินอาหารเช้า ลูกปืนจำนวนหนึ่งพุ่งเจาะกะโหลกนายซาบรี เถาะ เสียชีวิตทันที ขณะที่ร่างนายปะเงาะ นิแม ชายชราอายุ 70 ถูกกระสุนทั้งที่แขนซ้าย ที่ขาขวา และเจาะเข้าแผ่นหลัง ขณะที่ น.ส.นิสบะห์ มูซอ ถูกกระสุนเจาะที่หน้าอก ทั้งคู่อาการสาหัสและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

ทุกคนที่อยู่ที่ร้านน้ำชาในเช้าวันนั้นไม่มีใครรอดพ้นกระสุนปืน นายต่วนมา ตีงี ถูกกระสุนยิงเข้าบริเวณแผ่นหลังและไหล่ขวา ด.ช.มูฮำหมัดดัรวิสฮากีมี แยนา อายุ 10 ปี กระสุนถูกบริเวณหน้าท้องได้รับบาดเจ็บ นางซีตีรอหิมะห์ มามะ อายุ 70 ปี กระสุนถูกบริเวณชายโครงทะลุหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส และที่โชคดีที่สุดของวัน คือนายฮามีซี เจ๊ะโด อายุ 23 ปี ที่ถูกกระสุนปืนเฉี่ยวบริเวณนิ้วก้อยด้านซ้าย

นายฮามีซีเล่าว่า ตนเป็นเพียงชาวบ้านคนหนึ่งที่มีอาชีพกรีดยางในหมู่บ้าน ไม่คาดคิดว่าชีวิตต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ขณะได้ยินเสียงปืน ตนนั่งหันหลังให้ถนน ด้วยความตกใจจึงวิ่งออกทางด้านหลังร้านน้ำชาอย่างไม่คิดชีวิตจนถึงทุ่งนาหลังหมู่บ้าน และเมื่อเสียงปืนสงบจึงได้ย้อนกลับมา ตนไม่อาจบอกได้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร แต่ได้เห็นและเป็นประจักษ์พยานของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น

ร้านน้ำชาเลือดในหมู่บ้านดามาบูเวาะห์ ตั้งอยู่ริมถนนสายตังหยงลิมอ ออกสู่แยกตอหลัง หางไปประมาณ 500 เมตรเป็นด่านตรวจและที่ตั้งของฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4505 นราธิวาส และอีกด้านหนึ่งเป็นระยะทางที่น้อยกว่า เป็นที่ตั้งของสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลตำหยงลิมอ ห่างออกไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรที่บ้านตะโละ มีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ทหาร ด้วยลักษณะพื้นที่เช่นนี้ทำให้ชาวบ้านในละแวกนี้มีคำถามว่า ทำไม่ผู้ก่อเหตุสามารถกระทำการร้ายอย่างง่ายดาย

แม้ว่าประตูรั้วโรงเรียนบ้านบาโงจะอยู่ในสภาพพัง เปิดปิดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ ชรบ. ประจำหมู่บ้านพักรับประทานอาหารกลางวัน เด็กนักเรียนกลับบ้าน และเป็นเวลาที่ชาวบ้านส่วนใหญ่พักผ่อนหลังจากกลับจากท้องนา แต่หมู่บ้านบาโงมีเจ้าหน้าที่ทหารตรวจตราอยู่เป็นนิจ หน่วยปืนเล็กที่ 3 มายอ ตั้งอยู่ที่โรงเรียนบ้านปานันห่างกัน 2 กิโลเมตร แต่เหตุสลดเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ ชาวบ้านที่นี่ล้วนมีคำถามว่า เขาจะสามารถพึ่งใครได้ เมื่อมองหากล้องวงจรปิดก็เห็นมีที่ติดตั้ง แต่สภาพเหลือเพียงกล่องเปล่าไม่มีใส้ใน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net