Skip to main content
sharethis


ในปี ๆ หนึ่งผมเองและเหล่าเพื่อนฝูงที่ชอบตระเวนดูหนังทั้งที่ฉายปกติและตามเทศกาลก็จะจัดอันดับกันว่าชอบหนังเรื่องไหนอย่างไร อย่างแรกคือได้แลกเปลี่ยนความชื่นชมต่อหนังซึ่งกันและกัน หลาย ๆ เรื่องที่ปรากฏในลิสต์เพื่อนแต่เรายังไม่ได้ดูก็จะเป็นการสะกิดต่อมความทรงจำว่าอย่าลืมไปดูนะจ๊ะ อย่างที่สองคือเป็นการบอกกล่าวแนะนำเพื่อนฝูงกลุ่มอื่นที่อาจจะไม่ค่อยได้ดูให้เกิดความอยาก แต่สิ่งที่พบได้บ่อยคือเวลาโพสต์คอมเมนต์เกี่ยวกับหนังทีไรจะต้องมีประโยคจำพวก “หาดูที่ไหน” ตามมาประจำ

ยอมรับว่าหนังดี ๆ โดยเฉพาะที่ฉายตามเทศกาลหรือตามโรงน้อยรอบนั้นมันมักไปแล้วไปลับ จะหาดูทีก็ต้องไปเสาะหาตาม “อ่าวโจรสลัด” บ้าง แต่ก็ใช่ว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนที่อยากดูหนังจะรู้จักอ่าวฯ หรือถึงรู้จักอ่าวฯ ก็ไม่รู้วิธีไป ดังนั้น เลยอยากแนะนำหนังสักห้าเรื่องที่เข้าฉายในรอบปีที่ผ่านมาในเมืองไทย แต่ตอนที่เข้าก็ไม่ค่อยมีคนรู้จักสักเท่าไหร่ หนังดี ๆ ก็ควรหายไปกับกาลเวลานะครับ  ที่สำคัญออกแผ่นลิขสิทธิ์แล้วนะจ๊ะ หาได้ไม่อยากที่ร้านดีวีดีตามห้างใกล้บ้านท่าน มาดูกันเลยว่าห้าเรื่องนี้มีอะไรบ้าง

 

1. Take Shelter (Jeff Nichols)
ฉากต้นเรื่องคือหนังทริลเลอร์ลึกลับว่าด้วยชายคนหนึ่งที่รู้สึกว่าชักเริ่มมีเหตุไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวพร้อมกับฝันแปลก ๆ จนเริ่มคิดว่าอีกไม่นานต้องมีพายุหนักเข้ามาถล่มแน่ ๆ  แกก็เลยเริ่มทำตัวแปลก ๆ ด้วยการไปกู้เงินมาเพื่อปรับปรุงบ้านขนานใหญ่ ขุดหลุมหลบพายุกันขนานใหญ่ ซึ่งในสายตาของคนอื่นโดยเฉพาะภรรยานั้นไม่เข้าใจจุดประสงค์เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายตัวเองต้องเผชิญกับภาวะการต่อสู้ในใจตนที่ พายุนั้นแท้จริงมีหรือไม่

ตอนหนังเข้าฉายในไทย หนังไม่ได้ดังมากมายแต่ได้รับคำชมพอควร สำหรับใครที่ชอบดูหนังจำพวกเหนือธรรมชาติ น่าลองหามาดูอย่างยิ่ง และที่สำคัญ การต่อสู้กับธรรมชาติกับจิตใจตัวเองก็โหดร้ายพอ ๆ กัน

2. Chronicle (Josh Trank)
ผมว่าทุกคนย่อมเคยคิดว่าหากวันหนึ่งตัวเองมีพลังพิเศษจะไปทำนู้นทำนี่ แล้วถ้าวันหนึ่งดันกลายเป็นมีจริง ๆ ตัวเราเองจะรับมือกับของขวัญพิเศษนี้ได้หรือเปล่า

หนังเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสามคนที่บังเอิญได้พลังวิเศษ พวกเขาสามารถควบคุมสิ่งของต่าง ๆ ไปจนถึงเหาะได้ โดยเฉพาะเจ้าตัวเอกของเรื่องที่เดิมเป็นพวก “ขี้แพ้” ที่วัน ๆ ชอบเอาแต่ถ่ายวิดีโอ ปมเรื่องต่าง ๆ ถูกขมวดเข้าไว้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น บทสรุปของเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า พลังพิเศษและกับภาวะแปลกแยกนั้นช่างเข้ากันดีเสียเหลือเกิน

เป็นหนังที่เข้มข้นทั้งดราม่าและสนุกไปกับพลังพิเศษของเด็กทั้งสามคนนี้ไปในเวลาเดียวกัน

3. Live Without Principle (Johnnie To)
จอนนี่ โต๋ หรือเฮียตู้ฉีฟงของเราทำหนังเรื่องนี้ได้ฟินมาก หนังเล่นกับประเด็นความโลภของคน ชีวิตของคนเราเมื่อมีเงินมาอยู่ต่อหน้าในขณะที่ชีวิตกำลังบรรลัย ต่อมศีลธรรมทำงานไม่เคยสำเร็จง่ายดาย

หนังเล่าเรื่องผ่านตัวละครหลักสามตัวทั้ง มาเฟีย สาวแบ๊งค์ นายตำรวจ ที่ชีวิตมาเกี่ยวสัมพันธ์กันโดยบังเอิญเพราะเงินก้อนหนึ่งซึ่งถูกขโมยไปในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังตกวูบ ตลาดหุ้นกำลังพินาศ หนังมีครบถ้วนทั้งปมเรื่องที่ซับซ้อนแต่ดูสนุกและเข้าใจไม่ยาก รวมถึงฉากแอคชั่นที่ชวนลุ้น พร้อมกับลุ้นว่าชะตากรรมของตัวละครจะจบลงได้อย่างไร
ใครชอบหนังฮ่องกงเป็นทุนเดิมนี่ ไม่ควรพลาด

4. A Simple Life (Ann Hui)
หลิวเต๋อหัวรับบทเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ที่ใช้ชีวิตอยู่กับ อาเตา คนใช้เก่าแก่ที่อยู่กับครอบครัวมาอย่างยาวนาน แต่แล้ววันหนึ่งอาเตาเกิดเส้นเลือดในสมองแตก เธอตัดสินใจขอลาออกและไปอาศัยอยู่บ้านพักคนชรา หนังเล่าความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายของทั้งสองคนสลับกับภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนชราที่ไร้คนเหลียวแล

แอน ฮุย ผู้กำกับเรื่องนี้ตั้งใจที่จะไม่ขยี้อารมณ์คนดู เธอไม่บิวด์ให้คนดูฟูมฟาย ทว่าในหลายฉากเรากลับร้องไห้เพราะอบอุ่นใจโดยไม่รู้ตัว อาเตาแม้เป็นคนใช้แต่ก็ได้รับการปฏิบัติเสมือนหนึ่งคนในครอบครัว ยิ่งบวกการแสดงอันแสนยอดเยี่ยมของแดนี่ อิป และหลิวเต๋อหัว (รายแรกนี่ขอคารวะพันจอก) ด้วยแล้ว ถือเป็นการที่ควรค่าต่อการชมอย่างยิ่ง

5. A Separation (Asghar Farhadi)
หนังอิหร่านที่ว่าด้วยความซวยของการเกิดมาเป็นคนอิหร่าน ครอบครัวของนาเดอร์และซิมินประกอบด้วยสี่ชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งฝ่ายหญิงก็ขอหย่ากับสามีเพราะทนอยู่ประเทศนี้ต่อไปไม่ได้แล้วพร้อมขอลูกสาวให้ตามเธอไปอยู่ด้วย เธอแยกไปอยู่ที่อื่นและได้ว่าจ้างหญิงท้องแก่คนหนึ่งมาดูแลพ่อของสามี แต่แล้ววันหนึ่ง ฝ่ายสามีดันมีปากเสียงกับลูกจ้างจนเกิดการผลักตกบันได และนั่นก็คือเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายวางป่วงในเวลาต่อมา

ปมประเด็นในเรื่องขมวดเกลียวจนเมื่อดูจบ เรื่องราวมากมายยังวิ่งเวียนในหัวเพราะหนังแทบไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเราเลย ฟาร์ดาฮีปล่อยที่ว่างมากมายให้เราค้นหาคำตอบเอาเอง แถมการแสดงของนักแสดงดีมากจนทำเอาหลายฉากคิดว่านี่คือการแอบมองดูเหตุการณ์จริง

ใครชอบดูงานดรามาจริงจัง ไม่ค่อยพลาดเพราะเหตุผลใด ๆ ก็ตามทั้งสิ้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net