ด้าน "สุุขุมพันธุ์" ระบุร่วมฝ่าวิกฤตมากมายกับคน กทม. ทั้งอุทกภัยและไฟ "เผาเมือง" และจะขอเดินหน้าต่อไป "สุหฤท" ชูทางเท้าปลอดภัย ขยะแลกสวนสาธารณะ "โสภณ" ขอวิจารณ์นโยบายผู้สมัครรายอื่น-เตรียมว่ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโชว์ปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่วน "พงศพัศ" สรุปนโยบายจราจรไร้รอยต่อ หวังลดเวลาเดินทาง 20-30%
ตะลึงป้ายหาเสียง "วรัญชัย" แบบทำมือ ระบุลงสมัครเป็นครั้งสุดท้าย
ป้ายหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 (ที่มา: เฟซบุคคุณ Soma Cruz)
บรรยากาศการหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นั้น ล่าสุดเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ผู้ใช้นามว่า Soma Cruz ได้โพสต์ภาพป้ายหาเสียงของ วรัญชัย โชคชนะ ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งเป็นกระดาษแข็ง เขียนหมายเลขด้วยสีแดง และติดรูปของตัวเองที่มุมขวาล่าง เขียนอักษรว่า "ผู้ว่า" โดยมีผู้กดไลค์ และแชร์เป็นจำนวนมาก อนึ่งวรัญชัย เคยลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. มาหลายครั้ง สำหรับการลงสมัครครั้งนี้เขากล่าวกับ สปริงนิวส์ ว่า ตัวเขาเองไม่มีเงินที่จะทำป้ายแข่งขันกับผู้สมัครรายอื่น หวังเพียงให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวหาเสียงของพวกเขาบ้าง โดยเขาจะนำเสนอเป็นผู้ว่าราชการที่จะคอยกระตุ้นและประสานให้รัฐบาลปรับปรุงและสร้างระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้คนกรุงเทพเต็มใจที่จะจอดรถไว้บ้าน และเปลี่ยนใจมาใช้รถสาธารณะแทน และการลงเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการลงสมัครครั้งสุดท้าย
สุหฤทชูทางเท้าปลอดภัย และขยะแลกสวนสาธารณะ
นโยบาย "ทุกชีวิตต้องปลอดภัยบนทางเท้า" ของสุหฤท สยามวาลา (ที่มา: Suharit Siamwalla)
ด้านสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครหมายเลข 17 ได้โพสต์ในเฟซบุค Suharit Siamwalla สดงนโยบาย "ทุกชีวิตต้องปลอดภัยบนทางเท้า" และระบุว่า "สำหรับผมแล้วทางเท้าคือการแสดงสิทธิ์พื้นฐานที่ประชาชนพึงมีครับ การจัดความปลอดภัยพื้นฐานเช่น ความขรุขระ จัดป้ายโฆษณาของกทม. และอื่นๆ ไม่ให้เกะกะ ขอทางเดินจากพ่อค้าแม่ขายให้อยู่รวมกันโดยเคารพสิทธิ์กัน และเราไม่ควรไปเดินบนถนนครับผมไม่เห็นด้วย"
คลิปอธิบาย "ขยะแลกสวนสาธารณะ" ของสุหฤท สยามวาลา
และก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 ก.พ.) สุหฤท สยามวาลา ได้โพสต์ลงในเฟซบุค DJ Suharit Siamwalla เสนอนโยบาย "ขยะแลกสวนสาธารณะ" โดยมีคำอธิบายประกอบว่า "เราผลิตขยะกันเกือบวันละ 10,000 ตัน ผมเชื่อว่าเราน่าจะนำมันมาทำประโยขน์ทำเงินได้ครับ เป็นรายได้มหาศาลที่ทำทุกอย่างให้ขึ้นมาอยู่ในระบบและเริ่มนำรายได้นั้นมาเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะครับ และมีการแจ้งรายได้การขายอย่างชัดเจนครับ..."
โสภณขอวิจารณ์นโยบายผู้สมัครอื่นระบุมุ่ง "ติเพื่อก่อ" พร้อมเตรียมว่ายน้ำเจ้าพระยาโชว์
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้เผยแพร่บทวิจารณ์นโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลขอื่น โดยระบุว่า "ในช่วงหาเสียงนี้ ผมได้พบการแถลงนโยบายของผู้สมัครอื่นที่อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เกรงว่าหากนำไปปฏิบัติ อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ กลายเป็น “เข้ารกเข้าพง” ไป ผมจึงขออนุญาตวิพากษ์วิจารณ์แบบ “ติเพื่อก่อ” ให้มีการคิดต่อเพื่อพัฒนานโยบายที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นการโจมตีบุคคลแต่อย่างใด"
"กรณีรถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์ - หากเป็นรถรางแท้ๆ ที่มี “ราง” คงสิ้นเปลืองงบประมาณมาก และกีดขวางการจราจรยุคใหม่ หากเพื่อการท่องที่ใช้รถหน้าตาคล้ายรถราง ก็มีอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือกลางวันร้อนมากเหลือเกิน ควรให้มีช่วงกลางคืนที่การจราจรไม่หนาแน่น และเสริมด้วยการเปิดตลาดไนท์บาซาร์ที่ใหญ่และดีที่สุดในโลกในเกาะรัตนโกสินทร์ รอบสนามหลวง ศาลอาญาและคลองหลอด (โปรดดูแถลงการณ์ฉบับที่ 16) ผมยังขอเสนอให้ทำเรือท่องเที่ยวตามคลองโอ่งอ่างเชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองหลอด อย่างนี้จะน่าจะมีความเป็นไปได้ น่าประทับใจแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนมากกว่า"
"กรณีเพิ่มเส้นทางจักรยาน - มีข้อเสนอให้เพิ่มเส้นทางจักรยานอีก 30 เส้นทาง หรือบ้างก็ให้เพิ่มเส้นทางรอบถนนวงแหวนรัชดาภิเษกทั้งเส้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้ใช้สักกี่คน ผมเสนอไว้ตั้งแต่ 27 มกราคม 2556 (ในแถลงการณ์ฉบับที่ 2 และต่อมาฉบับที่ 32) แล้วว่าให้ทำโซนจักรยานใจกลางเมืองเพื่อรณรงค์ให้เกิดการใช้จักรยานเพื่อการสัญจรในชีวิตเป็นหลัก โดยทั้งนี้ต้องรณรงค์ต่อเนื่องด้วยการให้เช่ารถจักรยาน 40,000 คันใน 1,000 จุดจอดในเขตเมืองชั้นในและกลาง เมื่อจักรยานออกมามากๆ และมีการคุ้มครองในถนนใจกลางเมืองเพื่อความปลอดภัย ปริมาณรถยนต์ก็จะลดน้อยลง ทางจักรยานก็ไม่ต้องมีอีกต่อไป เพราะเขตชั้นในของกรุงเทพมหานครได้กลายเป็น “เมืองจักรยาน” ที่แท้จริง"
และล่าสุดในเพจของโสภณ ได้ระบุว่าในเวลา 9.30 น. วันนี้ (20 ก.พ.) จะพาสื่อมวลชนไปดูปัญหาการปล่อยน้ำเสีย ที่เชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี โดยระบุว่า "เจ้าพระยากลายเป็นที่ปล่อยน้ำเสีย และเดินเรือพาณิชย์ ประชาชนไม่ได้ใช้ สิ่งแวดล้อมเสียหาย ยิ่งกว่านั้นควรสร้างสะพานเพิ่มเพื่อกระจายความเจริญบนแนวคิดใหม่ที่ดูแลผู้ถูกเวนคืนอย่างดี ควรให้เกียรติและเคารพในสายน้ำ ผมจะลงว่ายน้ำและพยายามว่ายข้ามเจ้าพระยา ตามแนวคิดสากล urban swimming ร่วมสัมผัสเพื่อร่วมแก้ไขสภาพน้ำ"
"เสรีพิศุทธ์" ชูกรุงเทพฯ ปลอดภัย
นโยบาย "BKK 011 กรุงเทพรหัสปลอดภัย" (คลิกเพื่อดูภาพที่นี่) (ที่่มา: Sereepisutht)
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครหมายเลข 11 เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ได้โพสต์ในเพจ Sereepisutht อธิบายนโยบาย "BKK 011 กรุงเทพรหัสปลอดภัย" ซึ่งเป็นนโยบายด้านการรักษาความปลอดภัยใน กทม. โดยอธิบายว่า "ผมนำรายละเอียดนโยบาย BKK011 มาอธิบายจะได้เห็นภาพกันครับ ที่เราจะเปลี่ยนจากกล้องCCTVเป็นIPTV โดยไม่ใช้สาย ไม่ใช่เสา และครอบคลุมทั่วกทม.นั้น เป็นระบบคลื่นไมโครเวฟ เพราะจริงแล้ว CCTV แบบเดิมล้าสมัย ไม่มีคนทราบมากนะครับว่าแบบเดิมนั้นใช่ครับกล้องถูกแต่สายไฟแพง คุณสมบัติของ IPTV คือบอกรูปพรรณ ลักษณะได้แม่นยำ ผ่านอินเตอร์เนต GPS กรุงเทพจะปลอดภัยขึ้นครับ ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ ถ้าไม่มีคนโกง ไม่มีคนเอาเงินใส่กระเป๋าตัวเอง กรุงเทพมีงบประมาณพอครับที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างๆ ได้"
สุุขุมพันธุ์ระบุร่วมฝ่าวิกฤตมากมายกับคน กทม.และจะไม่ยอมแพ้ให้กับผู้คิดร้ายต่อกรุงเทพฯ
ด้านเพจของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครหมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์คลิป "เรามาไกลเกินกว่าจะตั้งต้นใหม่" และอธิบายว่า "เกือบสิบปีที่ตัวแทนจากประชาธิปัตย์ ได้ร่วมกันสร้างกรุงเทพมหานครในฐานะผู้ว่าฯ เรื่อยมา ผมได้สานต่อแนวคิด พัฒนาเมือง และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้อง กทม. จนผ่านวิกฤติต่างๆ มากมาย แต่กรุงเทพฯ ยังไม่ถึงจุดที่ฝันไว้ กรุงเทพฯ ยังสามารถเดินต่อได้อีก และผมจะพาทุกคนเดินหน้าต่อไป"
ทั้งนี้ในคำอธิบายของคลิปดังกล่าวระบุว่า "เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมกันสร้างเมืองใหญ่แห่งนี้ที่ชื่อกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นับตั้งแต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เรื่อยมาจนถึง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซึ่งก็ได้สานต่อแนวคิด และการพัฒนา ให้กรุงเทพได้กลายเป็นมหานครที่สำคัญของโลกอย่างสมบูรณ์ จนได้รับรางวัลเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก 3 ปีซ้อน เราผ่านวิกฤติไฟเผาเมือง เราผ่านวิกฤติมหาอุทกภัยที่ทำร้ายคนกรุงเทพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ลูกผู้ชายที่ชื่อสุขุมพันธุ์ก็เคียงบ่าเคียงไหล่คนกรุงเทพฯ ก้าวผ่านวิกฤติเหล่านั้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะกรุงเทพฯ คือบ้านของเขา คือเมืองที่เขารัก
เราจะไม่ยอมแพ้ให้กับผู้คิดร้ายต่อกรุงเทพ เราจะไม่ยอมให้อุปสรรคใดใดมาขัดขวางการเป็นมหานครแห่งอาเซียน เราจะไม่ยอมให้ประชาชนชาว กทม. ล้าหลังและก้าวไม่ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และเศรษฐกิจ เราจะไม่มีวันยอมให้พี่น้องชาว กทม. ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงจากภยันตรายหลากรูปแบบ ทั้งโดยธรรมชาติและไม่ใช่ธรรมชาติ เรายังไปไม่ถึงจุดที่เราฝัน แต่เราจะไม่หยุด เราจะเดินหน้าต่อไป ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งนี้ เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อีกครั้ง เพื่อให้กรุงเทพฯ เดินหน้าต่อทันที"
"พงศพัศ" สรุปนโยบายจราจรไร้รอยต่อ หวังลดเวลาเดินทาง 20-30%
ด้านพงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครหมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์คลิป "สรุปนโยบายจราจร" และอธิบายว่า "สรุปนโยบายจราจร สู่เป้าหมายการลดเวลาเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนลง 20-30% ครับ"
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เพจของพงศพัศ ได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว โดยระบุว่า "หลายๆท่านอาจสงสัยว่า รถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ Monorail นั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร คืนนี้ผมและทีมงานขอนำข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังครับ รถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยวเป็นระบบที่ได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลก รวมทั้งประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา มาเริ่มต้นกันที่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ครับ
กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย Monorail ในกัวลาลัมเปอร์ หรือ KL Monorail เปิดใช้เมื่อปี 2003 มีทั้งหมด 11 สถานี ระยะทาง 8.6 กิโลเมตร มีราง 2 รางขนานกันลอยฟ้า เชื่อมต่อกันที่สถานีศูนย์กลางสามารถต่อไปยังรถไฟฟ้าอื่นๆได้ แนวเส้นทางผ่านใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ที่เป็นย่านการค้าสำคัญ โดยวิ่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนส่งผู้โดยสาร 3,120 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการทุก 3-4 นาที ปัจจุบันชาวเมืองกัวลาลัมเปอร์ใช้บริการรถโมโนเรลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเก็บค่าโดยสารเริ่มต้น 12 บาท สูงสุดไม่เกิน 40 บาท
สิงคโปร์ แม้มีรถไฟฟ้าสายหลักให้บริการอยู่แล้ว 4 สาย สิงคโปร์ก็ยังมีโมโนเรลเป็นระบบเสริมเชื่อมโยงถ่ายเทคนจากระบบหลัก หน้าตาก็คล้ายๆกับของกัวลาลัมเปอร์ สามารถขนส่งผู้โดยสารได้หลายหมื่นคนต่อวัน วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 25-30 บาท
โมโนเรลในสิงคโปร์ ยังถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านการท่องเที่ยว ด้วยการเปิดโมโนเรลสายใหม่เส้นทางไปยังเกาะ Sentosa แห่ลงท่องเที่ยวขึ้นชื่อ เปิดบริการมาแล้ว 2 ปี เป็นรถโมโนเรลรุ่นใหม่ล่าสุดและมีขนาดเล็กที่สุด เหมาะสมทั้งต่อจุดประสงค์การใช้งานและใช้งบประมาณที่ไม่สูงมากครับ
เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครชั้นนำของอาเซียนอย่างแท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องศึกษาและพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัยทัดเทียมกับมหานครชั้นนำต่างๆของโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประชาคมอาเซียนด้วยกัน"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)