นิค นอสติทซ์ หอบภาพเบิกคดี ‘พลฯ ณรงค์ฤทธิ์’ พยานยันจุดเกิดเหตุมีแต่ จนท.

ไต่สวนการตายพลทหารณรงค์ฤทธิ์ เหยือกระสุน 28 เม.ย.53 นิค นอสติทซ์ ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน นำภาพเหตุการณ์ยื่นต่อศาล เบิกความ จนท. ตะโกนให้กลุ่มผู้ตาย "หยุดๆ" ก่อนถูกยิง ประจักษ์พยานเบิกความจุดเกิดเหตุไม่มีผู้ใดนอกจาเจ้าหน้าที่ ไต่สวนต่อ 14 มี.ค.

22 ก.พ. 56 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 811 ศาลอาญา รัชดา ศาลนัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำที่ อช.4/2555 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 5 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของพลทหาร ณรงค์ฤทธิ์ สาละ (ได้รับเลื่อนยศเป็น ร้อยตรี หลังเสียชีวิต)อดีตทหารสังกัด ร.พัน.2 พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุการณ์การปะทะกันของตำรวจ ทหาร กับผู้ชุมนุม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เขตบางเขน ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 28 เม.ย.53

โดยในวันนี้ได้มีพยาน 3 คน เข้าเบิกความประกอบด้วย นิค นอสติทซ์(Nick Nostitz)อายุ 44 ปี สื่อมวลชน-ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน  นายธีระ ปะติตัง อายุ 49 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการหมู่บ้านจัดสรรแกรนด์ ไอ-ดีไซน์ วิภาวดี ซึ่งทั้ง 2 เป็นประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งนายประยูร อนุสิทธิ์ อายุ 40 ปี คนขับแท็กซี่ ในฐานะพยานแวดล้อมในเหตุการณ์

นิค ขณะรอเข้าเบิกความต่อศาล

นิค นอสติทซ์ เบิกความว่า พยานมาอยู่ไทย 20 ปี มีภรรยาเป็นคนไทย เป็นผู้สื่อข่าวอิสระ ที่ส่วนมากทำเกี่ยวกับสังคม และการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลือง เกี่ยวกับคดีนี้ 28 เม.ย. 53 เดินทางออกจากบ้าน 11 โมงด้วย จักรยานยนต์ส่วนตัวโดยไปที่ราชประสงค์ก่อนเพื่อดูเหตุการณ์ชุมนุม นปช. ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปประจำทุกวันเพื่อตามข่าวความเคลื่อนไหว โดยเมื่อถึงที่ชุมนุมผู้ชุมนุมได้ประกาศจะไปให้กำลังใจเสื้อแดงที่ปทุมธานีและแจกซีดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ 10 เม.ย.53 หลังจากนั้นพยานได้โทรเพื่อนตนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และทราบว่าจะมีการสกัดเสื้อแดงที่ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พยานจึงตามผู้ชุมนุมที่เคลื่อนขบวนด้วย รถจักรยานยนต์ รถยนต์และรถเครื่องเสียง ถึงแยกพหลโยธิน และขับนำหน้าผู้ชุมนุมเพื่อไปดักรอจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อจะทราบการปฏิบัติการ

เมื่อพยานถึงจุดที่อนุสรณ์สถานฯ ประมาณ 13.00 น. พยานเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ  ยืนจับกลุ่ม  ทหารเกือบทุกคนตรงนั้นสวมชุดทหารลายพราง และมีนอกเครื่องแบบมาด้วย โดยขณะนั้นถนนยังเปิดอยู่ พยานจึงจอดรถละเดินมาทางทหาร แต่มีทหารเข้าห้ามไม่ให้เข้าใกล้ จนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนมีตำรวจเห็น จึงเข้ามาเจรจาและให้พยานเข้าไป ยืนอยู่ในแนวทหาร

นิค เบิกความอธิบายถึงเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำอยู่จุดเกิดเหตุด้วยว่ามีผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนหลายคน ทั้งทหารและตำรวจมีอาวุธปืนลูกซองยาวทั้งที่เป็นกระสุนลูกยาง ซึ่งจะเป็นปอกกระสุนสีแดงและกระสุนลูกปราย ที่จะเป็นอีกสีเทาขาว ซึ่งเป็นกระสุนจริง ซึ่งทั้งทหารและตำรวจจะมีกระสุน 2 ชนิดผสมกัน โดยพยานได้นำปอกกระสุนจริงดังกล่าวที่เก็บได้ในสถานที่เกิดเหตุส่งให้ศาลพิจารณาด้วย นอกจากปืนลูกซองแล้ว ในส่วนของทหารมีปืน M16 และ HK ด้วย

พยานเบิกความต่อว่า ถึงเวลา13.30 น. มีการปิดถนนวิภาฯ เฉพาะขาออกทั้งหมด โดยทหารใช้การการยืนแนว โดยเลนถนนด้านนอกจะใช้รั้วลวดหนามขดวางโดยมีทหารยืนเป็นแถวหลังรั้วลวดหนาม ส่วนเลนถนนในจะเป็นทหารกับตำรวจผสมกัน ทำให้ถนนคู่ขนานขาออกรถติดมาก ส่วนฝั่งขาเข้านั้นยังไม่มีการปิดถนน ขณะนั้นพยานเดินไปมา จากการปิดกั้นดังกล่าวส่งผลให้ นปช. ไม่สามารถเคลื่อนไปต่อได้ ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งจึงเดินเท้าและขับจักรยานยนต์เข้ามายังบริเวณที่เจ้าหน้าที่ตั้งแนวอยู่  จนเกิดการปะทะกันโดย นปช. จะยิงหนังสติ๊กใส่ ขณะที่ทหารใช้ลูกซองยิง แต่พยานไม่ทราบว่าใครเริ่มก่อน เมื่อมีการปะทะ นปช. ได้วิ่งหนี ทำให้ทหารก็เดินหน้าเรื่อยๆ และก็ยิงใส่ด้วยลูกซองต่อเนื่อง จนทำให้รถบางคันที่ติดอยู่กระจกแตกเนื่องจากถูกกระสุน โดยในช่วงนั้นเห็นทหารใช้ปืน M16 และ HK ยิงขึ้นฟ้าด้วย

นอกจากนั้นมี นปช. ขว้างสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่จากด้านบนโทลเวย์ด้วย ซึ่งที่เสาโทลเวย์มีทหารยิงปืนรัวใส่เสื้อแดงที่อยู่บนโทลเวย์ โดยพยานได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ด้วย ขณะนั้นทหารที่ยิงห่างพยานประมาณ 50 เมตร ซึ่งทุกครั้งที่มีการยิง จะปรากฏฝุ่นที่เกิดจากกระสุนกระทบผนังปูนของโทลเวย์

หลังจากฝนตกหนัก พยานจึงหลบอยู่ใต้โทลเวย์ ช่วงนั้น กลุ่ม นปช. อยู่ใต้ทางด่วนห่างจากพยานและแนวทหารไปประมาณ 300-500 เมตร ช่วงนั้นก็ยังคงมีทหารเล็กปืนขึ้นไปข้างบนโทลเวย์ด้วย สักพักทหารที่มียศสูงกว่าเข้ามาพูดกับทหารกลุ่มดังกล่าวว่าบนโทลเวย์เคลียร์พื้นที่หมดแล้ว ทำให้ไม่มีการเล็งปืนขึ้นไปต่อ

หลังจากนั้นฝนได้หยุดตกขณะที่พยานบริเวณทางคู่ขนาด สักพักได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ ตะโกนว่า “หยุดๆ” และตามด้วยมีการยิงปืนไป และเห็นจักรยานยนต์ล้มลง โดยพยานห่างจากทหารที่ยิงประมาณ 5-10 เมตร ก่อนที่จะมีการตะโกนบอกว่า “หยุดๆ” นั้น ทหารยังยืนตั้งแนวกั้นถนนอยู่ โดยเสียงที่บอกว่า "หยุดๆ" นั้นมีหลายคนตะโกน ทั้ง ทหารและตำรวจที่ตั้งแนว จุดตรงนั้นใช้ปืนลูกซอง ยิงหลายนัด แต่ไม่รู้ว่าเป็นกระสุนยางหรือจริง โดยก่อนหน้าพยานได้ยินทหารคุยกันด้วยว่ากระสุนยางหมดแล้วให้ใช้กระสุนจริงไปเลย ขณะเกิดเหตุ กลุ่ม นปช. อยู่ห่างออกไปประมาณ 300-500 เมตร

หลังจากนั้นพยานได้กระโดดข้ามเกาะกลางขั้นระหว่างเลนถนนเพื่อเข้ามาจุดเกิดเหตุเพื่อถ่ายภาพ แต่ถูกทหารสั่งห้ามถ่าย ขณะที่พยานเข้าไปถ่ายภาพนั้นยังเห็นทหารที่ถูกยิงยังไม่เสียชีวิต โดยขณะนั้นมีอาการชักอยู่ ขณะนั้นมีทหารประมาณ 2-3 นาย อยู่กับผู้ตาย ซึ่งขณะนั้นหัวของทหารผู้ตายหันไปทางถนนขาออก และมีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ หลังจากนั้นทหารได้นำเปลมานำศพออกไป โดยพยานมีการนำภาพที่ถ่ายร่างผู้เสียชีวิตมอบให้ศาลพิจารณาด้วย

นิค เบิกความถึงการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในลักษณะเคลื่อนที่ด้วยจักรยานยนต์เหมือนที่ทหารที่เสียชีวิตปฏิบัติการก่อนเสียชีวิตว่า เคยทราบการปฏิบัติการในลักษณะนี้มาก่อนเกิดเหตุ 3 วัน โดยช่วงนั้นทหารจะขับจักรยานยนต์เพื่อตามจับคนเสื้อแดง ซึ่งพยานก็ติดตามความเคลื่อนไหวของทหารกลุ่มนี้ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นกลุ่มเดียวกับทหารที่เสียชีวิตหรือไม่

พยานเบิกความเพิ่มเติมถึงการปฏิบัติการของทหารในขณะเกิดเหตุด้วยว่า ก่อนหน้าที่นั้นทหารจะกระจายไปทั่วบริเวณนอกจากบนถนน ทางคู่ขนาดแล้ว ยังมีบริเวณสะพานลอย โดยช่วงเกิดเหตุไม่มีเสื้อแดงอยู่บริเวณใกล้เคียงและไม่มีการปะทะตั้งแต่ฝนตกแล้ว และหลังฝนตกทหารก็มีการกระจายกำลังไปทั่วบริเวณที่เกิดเหตุ โดยมีปืนลูกซองและปืนความเร็วสูง M16 และ HK

นอกจากนี้อัยการได้นำภาพถ่ายชายสวมหมวกคลุมโม่งสีดำที่ถืออาวุธปืนสั้นซึ่งเป็นภาพแคปเจอร์จากรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราพร้อมข้อความใต้ภาพที่ระบุว่า “ผู้ต้องสงสัยเป็นชายสวมโม่งเสื้อดำ ที่มาพร้อมกับเสื้อแดง 2 คน” ซึ่งเป็นหลักฐานที่พยานฝ่ายทหารนำมาจากอินเตอร์เน็ตและอ้างส่งต่อศาลให้ นิค พิจารณาว่าขณะเกิดเหตุได้พบเห็นชายในภาพนี่หรือไม่ โดย นิค ได้เบิกความว่า ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีรา ชื่อ“เวย์น์  เฮย์(Wayne Hay)” ซึ่งเป็นเพื่อนกับพยาน  ไม่ได้มีการพูดตามข้อความใต้ภาพที่ระบุนั้น แต่ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่ถูกคนอื่นเขียนกำกับเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตภายหลัง ส่วน เวย์น์  เฮย์ เคยเล่ากับพยานว่าคนในภาพเป็นคนที่อยู่กับคนเสื้อแดงที่ถืออาวุธปืนพกสั้น ที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร และภาพดังกล่าวก็ถ่ายก่อนเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนของพยานที่เป็นนักข่าวต่างประเทศอีกคนซึ่งทำข่าวอยู่ฝั่งผู้ชุมนุมได้เคยเล่าด้วยว่าผู้ชุมนุมขณะนั้นได้เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดผู้ตายในคดีนี้ได้ขี่จักรยานยนต์เคลื่อนผ่านมาได้ โดยมีเพียงเสียงโห่เท่านั้น

ภาพชายถือปืนสั้นซึ่งถูกแคปเจอร์ภาพจากรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา

ธีระ ปะติตัง เบิกความว่าพยานไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช. และไม่เข้ากับฝ่ายไหน วันเกิดเหตุ ช่วงบ่าย ทำงานกับลูกน้อง ที่หมู่บ้านแกรนด์ ไอ-ดีไซน์  ขณะนั้นผู้ชุมนุม นปช. จะเดินทางจากดอนเมืองไปปทุมธานี โดยมีทหารและตำรวจสกัดอยู่แยกอนุสรณ์สถานฯ ซึ่งโดยโครงการที่ พยานทำงานมีสำนักงานอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิต ขณะนั้นทหารยืนเป็นแถวสกัดผู้ชุมนุมไว้ โดยพยานอยู่ข้างๆ พยานเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนผ่านจะสกัดของทหารโดยมีรถจักรยานยนต์ รถยนต์ เป็นขบวนใหญ่ รวมทั้งมีผู้ชุมนุมเดินท่าด้วย โดยเมื่อผู้ชุมนุมเคลื่อนเลยสถานีจำหน่ายนำมัน ปตท. ทหารและตำรวจก็ยิงด้วยอาวุธปืนใส่ ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเดินทางต่อไปไม่ได้และร่นถอยมาที่สถานีจำหน่ายแก๊ส ของ ปตท. พยาน เบิกความด้วยว่า ตอน การ์ด นปช. เข้ามา แต่งชุดดำใส่ผ้าพันคอ เจ้าหน้าที่ก็จะมีการยิงสกัดดัวยกระสุนยาง จนทำให้ นปช. ถอยออกไป แต่ก็จะกลับเข้ามาอีก เข้าออกประมาณ 3 รอบ กลุ่ม นปช. มีหนังสติ๊ก บั้งไฟ และไม้ แต่ไม่เห็นว่า มีอาวุธปืน โดยกลุ่มนปข.แต่งเสื้อแดงและสีอื่นด้วย กลุ่มการ์ด นปช.เท่าที่พยานเห็นนั้นก็ไม่มีอาวุธ

โดยสถานีจำหน่ายแก๊สกับที่ทำงานของพยานห่างประมาณ 300-400 เมตร และอยู่ฝั่งเดียวกันของถนนคือฝั่งขาออกของถนนวิภาวดีฯ หลังจากนั้นเกิดฝนตกหนักและนานประมาณ 1 ชม. โดยขณะฝนตกกลุ่มทหารส่วนหนึ่งประมาณ 10 นาย ที่ตั้งแนวสกัดก็มีการเดินเข้ามาที่สำนักงานของพยานเพื่อมาหลบฝน เข้าห้องน้ำ และดื่มน้ำ ขณะที่ทหารที่เข้ามาหลบนั้น มีปืนแทบทุกนาย เป็นปืนยาว แต่งกายในชุดพรางของทหาร และมีผ้าพันคอ

พยานเบิกความต่อว่าหลังจากนั้นฝนหยุด ทหารได้จัดแถวใหม่ ที่ ถนนวิภาวดีฯ โดยที่บางนายที่ยังไม่ได้ไปที่ด้านหน้าที่ตั้งแถว ยังมีบางส่วนที่อยู่หน้าสำนักงานของพยาน และมีนักข่างและคนดูด้วย นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่บางคนก็อยู่บริเวณเสาตอม่อโทลเวย์และเกาะกลางถนนหน้าโครงการของพยาน โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดถืออาวุธปืนและถือท่าเตรียมพร้อม หลังจากนั้นมีทหารขับรถจักรยานยนต์เข้ามา และถูกยิง โดยก่อนหน้านั้นมีการ์ด นปช. เข้ามาก่อนแล้วถูกยิงสกัดจนต้องถอยร่นออกไป หลังจากนั้นจึงมีทหาร ขับจักรยานยนต์เข้ามา หาแนวทหาร โดยทหารที่ขับเข้ามานั้นมีการขับมาในลักษณะเดียวกับกลุ่มการ์ด นปช. ขับเข้ามาประมาร 3-4 คัน บางนายขับโดยลำบัง บางคนจะมีทหารนั่งซ้อนท้ายด้วย ซึ่งตอนนั้น พยานยืนดูอยู่หน้าสำนักงาน โดยจุดที่ทหารถูกยิงล้มลงนั้นห่างจากพยานเฉียงไปทางขวาประมาณ 10 กว่าเมตร  ทหารที่ถูกยิงแต่งชุดดำซึ่งแต่งกายต่างจากทหารที่ตั้งแนวสกัด

ขณะเกิดเหตุพยานได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ประมาณ 4-5 นัด เห็นทหารที่ขับจักรยานยนต์มาล้ม และทหารก็วิ่งเข้าไปช่วย หลังจากนั้นมีนักข่าวเข้าไปถ่ายภาพ และทหารวิ่งเข้าไปช่วยและนำร่างขึ้นรถพยาบาลไป ทราบชื่อทหารที่ถูกยิงภายหลังว่าชื่อ ณรงค์ฤทธิ์ สาละ

ธีระ เบิกความด้วยว่าไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิง แต่รู้ว่าเสียงปืนดังมาจากลุ่มทหาร ซึ่งขณะทหารถูกยิงล้มลงนั้น การ์ด นปช.ไม่ได้เข้าไป  และกลุ่ม นปช. อยู่ห่างไกลออกไปเป็น 100 เมตร และหลังจากที่ทหารถูกยิง ไม่มีกลุ่ม นปช. เข้าไปในที่เกิดเหตุ โดยจุดที่ทหารถูกยิงนั้นมีแต่เจ้าหน้าที่ทหารอยู่ ส่วนข้างถนนจะมีชาวบ้านเดินด้วย  ส่วนกลุ่มการ์ด นปช.ขณะนั้นก็ไม่มีอยู่ด้านข้างถนน

ประยูร อนุสิทธิ ซึ่งเป็นพยานแวดล้อมบิกความโดยสรุปว่า ขณะเกิดเหตุพยานขับแท็กซี่รับผู้โดยสารจากหลักสี่ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เมื่อขับมาตามถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ก่อนถึงสนามกีฬาธูปะเตมีย์และสถานีจำหน่ายน้ำมัน ปตท. ไม่สามารถขับต่อไปได้ สักครู่หนึ่งเห็นทหารเดินเรียงแถวสวนมา และยิงปืนลูกซองยาวขึ้นฟ้า ในมุม 45 องศา ส่วนปืนเอ็ม 16 ที่ติดตัวมาด้วยไม่ได้ยิง ขณะเดียวกันก็เห็นกลุ่ม นปช. ยิงหนังสติ๊กใส่ทหาร และถอยร่นไปเรื่อยๆ ส่วนอาวุธอื่นในกลุ่ม นปช. นั้นพยานไม่เห็น

ต่อมาทหารบอกให้พยานทิ้งรถแล้วไปหลบในโรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา โดนในระหว่างหลบอยู่นั้นเกิดฝนตกหลักและได้ยินเสียงปืนต่อเนื่องหลายนัด แต่ไม่ได้ออกมาดูเหตุการณ์

หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 14 มี.ค.56 เวลา 09.00 น. มีพยานปากสำคัญ คือผู้สื่อข่าวสำนักข่าวสปริงนิวส์ ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวขณะที่พลทหารณรงค์ฤทธิ์ถูกยิงไว้ได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท