Skip to main content
sharethis

ลาวก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเขตสามเหลี่ยมทองคำชายแดนรอยต่อแม่น้ำโขงระหว่าง ลาว-ไทย-เมียนมาร์ แต่ลาวยังเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าต่อไทยตลอดมา

เฉลิมพล พงศ์ฉบับนภา พาณิชย์จังหวัดเชียงรายของประเทศไทย ได้ยืนยันว่า สภาวะการค้าระหว่างไทยกับลาว, เมียนมาร์ และจีนในเขตสามเหลี่ยมทองคำ ได้ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 25% ในปี 2012 ที่ผ่านมา โดยคิดเป็นมูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับลาว เมียนมาร์ และจีน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 35,000 ล้านบาท หรือ 9.275 แสนล้านกีบ หรือประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์

ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะการค้าชายแดนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำในปีที่ผ่านมาดังกล่าวนี้ ก็ยังถือว่าเป็นปีแรกที่ลาวได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ซึ่งปกติแล้วเมียนมาร์จะเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยมาโดยตลอด ตามด้วยลาวเป็นอับ 2 และจีนเป็นอันดับ 3

พร้อมกันนี้ ท่านเฉลิมพลยังยืนยันอีกว่า ไทยยังคงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบดุลการค้าทั้งต่อลาว เมียนมาร์ และจีนในปีที่ผ่านมา และในปี 2013 นี้ ไทยก็ยังจะได้เปรียบดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศลาวที่อาจต้องขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากการลงทุนของต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในแขวงทางภาคเหนือของลาว ทำให้ลาวต้องนำเข้าวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ท่านนาม วิยะเกด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ได้แถลงยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ว่า เป้าหมายสำคัญในด้านการค้าต่างประเทศของรัฐบาลลาวนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงปี 2015 ก็คือการเพิ่มมูลค่าส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศให้ได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ลาวไม่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดดุลการค้ากับต่างประเทศอีกภายในปี 2015

ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของลาวในปัจจุบันคือ ไทย จีน เวียดนาม กลุ่มประเทศอาเซียนอื่นๆ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ตามลำดับ โดยเฉพาะไทย จีน และเวียดนาม นั้นถือเป็น 3 ประเทศที่มีมูลค่าการค้ารวมถึงกว่า 90%  ของมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมดของลาวอีกด้วย

ในปี 2012 ที่ผ่านมานั้น ลาวกับไทยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเกินกว่า 4,300 ล้านดอลลาร์ โดยลาวส่งออกสินค้าไปไทยมูลค่า 1,200 กว่าล้านดอลลาร์ สินค้าหลักคือไม้แปรรูปและทองแดง และนำเข้าสินค้าจากไทยมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าหลักคือสินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง ทำให้ลาวขาดดุลการค้าต่อไทยมากกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 54,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านกีบ ส่วนการค้ากับจีนนั้น มีมูลค่ารวมมากกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์ โดยลาวได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9,000 ล้านบาท หรือ 2.3 แสนล้านกีบ ส่วนการค้าระหว่างลาวและเวียดนามในช่วงเดียวกัน มีมูลค่ามากกว่า 900 ล้านดอลลาร์ โดยลาวเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 200 ล้านดอลลาร์ โดยลาวตั้งเป้าหมายจะขยายการค้าระหว่างลาวและเวียดนามให้เพิ่มขึ้นถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2015 ให้ได้ ในขณะเดียวกัน ก็จะเพิ่มมูลค่าการค้ากับจีนให้ถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าการค้ากับไทยให้ถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ทั้งนี้ ทางการลาวคาดว่าการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่ง จะส่งผลดีต่อดุลการค้า โดยการส่งออกกระแสไฟฟ้าไปยังประเทศไทย เวียดนาม และจีนตอนใต้ จะช่วยทำให้มูลค่าการส่งออกของลาวโดยรวมเพิ่มขึ้น และลดการขาดดุลการค้าในระยะยาว


แปลและเรียบเรียงจาก: http://lao.voanews.com


เกร็ดความรู้เรื่องลาว

เงินกีบลาวในปัจจุบันเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในการค้า เนื่องจากการรณรงค์ให้ใช้เงินกีบภายในประเทศและการออกธนบัตรกีบชนิดใหม่ที่มีมูลค่ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลาวยังต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ทำการค้าชายแดนต้องการรับเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะบาทไทยและดอลลาร์สหรัฐมากกว่าจะรับเงินกีบที่ผ่านการแลกเปลี่ยน

ปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยต่อเงินกีบ อยู่ที่ประมาณ 262-264 กีบต่อ 1 บาท และดอลลาร์สหรัฐที่ 7,880-7950 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่หากไปใช้เงินบาทซื้อสินค้าในประเทศลาวแล้ว โดยมากพ่อค้าแม่ค้าจะคิดในอัตรา บาทละ 250 กีบ หรือ พันกีบต่อสี่บาท และดอลลาร์ละ 7,500 กีบ ดังนั้นการแลกเงินกีบไปใช้ในประเทศลาวจึงทำให้ผู้ใช้จ่ายได้รับผลประโยชน์ รวมถึงทำให้เศรษฐกิจของลาวมีความมั่นคงมากขึ้นด้วย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net