จดหมายขอบคุณผู้บริหารไทยพีบีเอสที่ช่วยให้สังคมตาสว่าง

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

เรียน บรรดาท่านผู้บริหารโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส

 
ผมอยากถือโอกาสแสดงความยินดีถึงบรรดาท่านผู้บริหารทุกท่านมา ณ ที่นี้ที่ช่วยกรุณาทำให้สังคมไทยและชาวโลกตาสว่างประจักษ์ถึงการเซ็นเซอร์ของสื่อ ว่าแท้จริงแล้ว ไทยแลนด์คือแดนเซ็นเซอร์ชิป และไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อที่อ้างเสรีภาพอย่างไทยพีบีเอส
 
ขอบอกตามตรงว่าสิ่งที่พวกท่านได้ตัดสินใจทำเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยการถอดรายการตอบโจทย์ตอนสุดท้ายเรื่องสถาบันกษัตริย์ต่อหน้าจอทีวีของคนไทยทั้งประเทศ ได้ช่วยให้ประชาชนตาสว่างและเข้าใจธรรมชาติของการเซ็นเซอร์ตนเองเกี่ยวกับสิ่งใดๆ ที่เท่าทันเจ้า อย่างที่ไม่มีคำใดที่ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล จะสามารถพูดโน้มน้าวหรือพิสูจน์ให้ประจักษ์ได้ ว่าแท้จริงแล้วสังคมไทยคือสังคมที่เซ็นเซอร์และกดทับความเห็นต่างที่เท่าทันเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียง
 
ขอพูดด้วยความจริงใจแบบขำๆ ว่า เมื่อคืนนี้พวกท่านได้กระทำทำหน้าที่กระชากหน้ากากการเซ็นเซอร์ตนเองเรื่องเท่าทันเจ้าในสังคมไทยได้ดีกว่าทุกสิ่งที่ อ.สุลักษณ์ อ.สมศักดิ์ หรือผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา จะสามารถกล่าวหรือกระทำได้ เพราะพวกท่านได้เปิดเผยธาตุแท้ของความคลั่งเจ้าในสังคมไทยและ กะลา ม.112 แห่งการเซ็นเซอร์ปิดหูปิดตาสังคมไทยให้เห็นประจักษ์ชัดเจน
 
ผมอยากถามว่า ถ้า อ.สุลักษณ์ อ.สมศักดิ์ และคุณภิญโญ พร้อมที่จะเอาเสรีภาพของตนที่มีอยู่อย่างจำกัดภายใต้ ม.112 เป็นประกัน โดยการพูดและอัดรายการตอบโจทย์เท่าทันเจ้าตอนสุดท้ายให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับชม แต่การที่ผู้บริหารไทยพีบีเอสไม่พร้อมเพราะอ้างว่าถูกคน (รักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียง) หรือกองกำลังคนรักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียงที่ใส่เสื้อยืด ‘รักพ่อภาคปฏิบัติ’ ประท้วง – สิ่งเหล่านี้มันบอกอะไรเกี่ยวกับสื่อที่เรียกตนเองว่าเป็นสื่อสาธารณะและสังคมไทย?  

ด้วยความ ‘ชื่นชม’ ในบทบาทกระชากหน้ากากตนเองและสังคมไทยที่พวกท่านทำได้ดีเหนือคาดโดยอาจไม่รู้ตัว
ประวิตร โรจนพฤกษ์
16 มีนาคม 2556
เขียนที่ประเทศไทย แดน 'เสรี'?

 

 

ปล. 1 มีผู้ชมในทวีตภพ ( @iGanesha) เพิ่งทวีตถึงผมว่าด้วยเรื่องนี้ดังนี้ครับ:  ‘เซ็นเซอร์และสั่งปิดหรือบล้อคเว็บ/ข่าว คือ สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าไทยยังอยู่ใต้อุ้งตีนเผด็จการ แต่ที่ท้อแท้สุด คือ มีสื่อบางแห่งอาสาเชื่องเอง’

ปล. 2 โจทย์ที่ว่าสื่อไทยสามารถแสดงความเห็นเท่าทันเจ้าต่อสาธารณะได้ไหม ได้รับคำตอบอย่างชัดเจนแล้ว ผมขอขอบคุณคุณภิญโญที่ทำตนเป็นก้อนหินที่ปูทางให้ผู้อื่นและให้สังคมตระหนักถึงข้อจำกัดของเสรีภาพการแสดงออกในสังคมไทย - อย่าไปโกรธคนรักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียงเลยนะครับ พวกเขาก็ได้กระชากหน้ากากตนเองและหน้ากากของไทยพีบีเอสไปแล้วโดยไม่รู้ตัวครับ

ปล. 3 ผมต้องขอบคุณกองกำลังคนรักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียง ที่ใส่เสื้อยืด ‘รักพ่อภาคปฏิบัติ’ มาปฏิบัติการที่สำนักงานของไทยพีบีเอสมา ณ ที่นี้ด้วย พวกคุณมีส่วนสำคัญยิ่งในการกระชากหน้ากากตนเองและหน้ากากสังคมไทย มันตอกย้ำมุมมองของผมที่ว่า การเซ็นเซอร์ที่น่ากลัวและมีประสิทธิภาพที่สุด คือการเซ็นเซอร์ตนเองและผู้อื่นที่ปฏิบัติเองโดยมิต้องให้มีใครสั่ง ความเห็นของคุณคนหนึ่งในโลกไซเบอร์ที่อ้างโดย Thai E News  (ดู http://thaienews.blogspot.de/2013/03/tpbs_16.html) ว่าถึงเหตุการณ์คืนวันศุกร์ที่ 15 ที่ไทยพีบีเอสนั้นชัดเจนจนเกินกว่าผมต้องอธิบายอะไรต่อเกี่ยวกับความคิดรุนแรงและไร้สติของคนบางคนครับ > ‘วันนี้กะไว้ว่า.......3ทุ่มครึ่ง.....คำตอบออกมาว่า.............ยังไงทางสถานีต้องออกอากาศตามปกติ.............ใจเราคิดเลยว่า........กูจะต่อยปากคนที่มาแจ้งข่าว......แล้วกูก็จะทุ่มเก้าอี้ของพวกมึง’

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท