ผู้ตายคนสวมเสื้อเขียว (ที่มาภาพ m.vanguardia.com.mx)
27 มี.ค.56 เวลาประมาณ 10.40 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 504 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาอ่านคำสังกรณีไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีเลขที่ ช.12/2555 ในคดีที่พนักงานอัยการจากสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง หรือ ลุงคิม อายุ 55 ปี ที่ถูกยิงเข้าที่หลังด้านซ้าย กระสุนทะลุไขสันหลังและปอดขวา กระสุนไปฝังที่สะบักขวา บาดเจ็บสาหัสและเป็นอัมพาต เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 12.00 - 13.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค.53 บริเวณหน้าโรงรับจำนำน่ำเลี้ยง ถนนพระราม 4 บ่อนไก่ ช่วงที่มีการกระชับวงล้อมผู้ชุมนุมเสื้อแดงโดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ภายใต้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากนั้นนายฐานุทัศน์ ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อ 23 ก.พ. 55 เวลา 22.35 น. ที่ รพ.มเหสักข์
ซึ่งพนักงานอัยการยื่นคำร้องดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าเป็นการตายที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ขอให้ศาลทำการไต่สวนและมีคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน ตายเมื่อใด เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ตายคือนายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลมเหสักข์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 55 เวลา 22.35 น. เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของผู้ตายสืบเนื่องจากปอดอักเสบ ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลวจากโรคมะเร็งระยะลุกลาม โดยมิใช่ผลโดยตรงจากการถูกยิง
ด้าน น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) ในฐานทนายญาติผู้ตาย กล่าวหลังศาลมีคำสั่งว่า จากคำสั่งศาลไม่ได้สั่งว่าเสียชีวิตจากการกระทำของใคร ทั้งๆ ที่ตรงนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ในสำนวนคดีอยู่แล้วว่าวิถีกระสุนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ แต่ศาลก็ไม่ได้สั่ง รวมทั้งการถูกยิงจากเจ้าหน้าที่ ศาลก็ไม่ได้สั่ง ระบุเพียงว่าถูกยิง
ทนายญาติผู้ตาย กล่าวด้วยว่า คำสั่งศาลระบุว่าสาเหตุการตายมาจากโรคมะเร็งนั้น จากสำนวนหากดูจากหมอที่รักษาก่อนเสียชีวิตเขาก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง เพียงแต่หมอไม่ได้ยืนยันว่าที่เสียชีวิตมาจากการถูกยิงหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีคำเบิกความของหมออีกท่านหนึ่งที่ศาลไม่ได้นำมาใช้ในคำสั่งก็เคยเบิกความว่าผู้ป่วยที่เป็นอัมพาต ก็จะมีโอกาสเสียชีวิตจากอาการปอดอักเสบได้ และกรณีนี้การที่ผู้ตายเป็นอัมพาตก็เกิดมาจากการถูกยิง
สำหรับการต่อสู้คดีต่อไปนั้น น.ส.ภาวิณี กล่าวว่าจะต้องประชุมปรึกษาหารือกับทีมทนายก่อนเพื่อหาข้อสรุปอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ภาวิณี ชุมศรี ทนายญาติผู้ตาย
คำสั่งศาลโดยสรุป :
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและภริยาผู้ตายแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. – 19 พ.ค. 53 มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เริ่มที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธข้อเรียกร้อง นปช.จึงชุมนุมต่อเนื่องโดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และมีการขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังสี่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ ถนนเพลินจิต ถนนพระราม 1 และถนนพระราม 4 ต่อมาในวันที่ 7 เม.ย. รัฐบาลพิจารราเห็นว่า การดำเนินการชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายและนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ นายอภิสิทธิ์จึงออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีควาร้ายแรงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ พิเศษ 1/2553 จั้งตั้ง ศอฉ. โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นผู้อำนวยการ และมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ 2/2553 แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ต่อมา ศอฉ. ได้ออกข้อกำหนดห้ามกระทำการต่าง เพื่อให้เจ้าพนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 53 เวลา 12.00 น. เศษ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง นางวรานิษฐ์ อัศวสิริมั่นคง ภรรยา และลูกทั้ง 2 คน ได้ออกจากบ้านในซอยบ่อนไก่ มารอรถที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์สาขาลุมพินี ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ถนนพระราม 4 ได้มีเสียงคล้ายระเบิดและปืนดังขึ้นหลายนัด นางวรานิษฐ์และลูกจึงกลับเข้าบ้าน แต่นายฐานุทัศน์ยังคงอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ |
รวมคำเบิกความพยานในคดี :
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)