1) มาตรฐาน “ความเป็นกลาง”
มาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อที่ป่าวประกาศกัน คือ “การรายงานข้อเท็จจริงทุกด้านอย่างสมดุล การเสนอความเห็นของทุกฝ่ายอย่างสมดุล” โดยมาตรฐานนี้ ในแวดวงสื่อมวลชนต่างวิจารณ์กันเองว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน สื่อค่ายต่างๆ ได้ทำลายมาตรฐานความเห็นกลางแห่งวิชาชีพของตนเองลง เพราะสื่อล้วนแต่เลือกข้างทางการเมือง
“การเลือกข้างทางการเมือง” จึงเป็นการทำลายมาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อ นี่เป็น “ความหลงผิด” ภายในวงการสื่อมวลชน (หรือความหลงผิดของมุมมองทางวิชาการด้วย) ที่สรุปว่า “การเลือกข้างทางการเมืองของสื่อเป็นการทำลายความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อ”
2) มาตรฐานความเป็นกลางที่เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่ต้น
ความหลงผิดตามข้อ 1) เกิดจากการไม่ยอมรับความเป็นจริงว่า ขั้วขัดแย้งทางการเมืองมีความสลับซับซ้อนและดำเนินไปภายใต้อุดมการณ์ และกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือไม่ free and fair ที่จะให้สื่อ (นักวิชาการหรือใครก็ตาม) สามารถเสนอข้อเท็จจริงทุกด้าน และเปิดพื้นที่เสนอความคิดเห็นของทุกฝ่ายอย่างสมดุลได้จริง
เช่น ไม่สามารถรายงานข้อเท็จจริงเบื้องหลังรัฐประหาร หรือการอภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเบื้องหลังรัฐประหารได้ใน “ระดับเดียว” หรือใน “มาตรฐานเดียว” กับการเสนอข้อเท็จจริงและอภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลของนักการเมือง เป็นต้น
ฉะนั้น กติกาที่ free and fair ในการรายงานข้อเท็จจริงและการเปิดพื้นที่เสนอความคิดเห็นทั้งสองด้านอย่างสมดุลมันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก มาตรฐานความเป็นกลางแห่งวิชาชีพสื่อตามทฤษฎีจึงนำมาใช้กับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นมาและเป็นอยู่เวลานี้ไม่ได้เลย ความเป็นกลางของสื่อจึงมีไม่ได้เลย
3) ความลื่นไหลบนความไร้หลักการ
หากหลักการของความเป็นกลางคือกติกาที่ free and fair ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก การอ้างความเป็นกลาง ความสมดุลในการเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นทุกด้าน ก็เป็นเพียงการแสดง “ความลื่นไหล” หรือพูดให้ตรงๆ คือ “การโกหกตอแหล” เท่านั้นเอง
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ กลุ่มบรรณาธิการข่าวการเมืองของ Thaipbs (ที่อ้างว่าเป็น “ทีวีสาธารณะ” ใช้ภาษีประชาชน เสนอข่าวสารและความเห็นที่เป็นกลางเพื่อประโยชน์ของประชาชน) กดดันเป็นการภายในให้งดออกอากาศรายการตอบโจทย์ที่เสนอการดีเบตเรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ระหว่าง ส.ศิวรักษ์ กับสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โดยอ้างว่า เป็นการนำเสนอความเห็นที่ไม่สมดุล เนื่องจากให้เวลาแก่สมศักดิ์ (ซึ่งตั้งคำถาม วิพากษ์โครงสร้างสถาบัน) มากกว่า ดังที่เป็นข่าวและมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในแง่ต่างๆ ไปแล้วนั้น
ข้ออ้างดังกล่าวนี้ เป็นความพยายามหลอกสังคมอย่างทื่อๆ เพราะข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้เลย คือ 1) ไม่มีกติกาที่ free and fair ให้สื่อเสนอข้อเท็จจริงและความคิดเห็นที่สมดุลอยู่จริงในประเทศนี้ และ 2) สื่อหลักทุกช่องต่างนำเสนอข้อมูลข่าวสารเชียร์สถาบันกษัตริย์อย่างล้นเกินอยู่แล้ว ไม่เปิดพื้นที่ให้กับการตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์ได้อยู่แล้ว ฉะนั้น การให้เวลาสมศักดิ์ออกมาตั้งคำถามเป็นครั้งแรกเพียง 3 ตอน จะสรุปว่าไม่สมดุลในการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสถาบันไม่ได้เลย
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ เมื่ออ้าง “ความสมดุลในการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบัน” แล้ว พอระงับรายการตอบโจทย์ที่ ส.ศิวรักษ์ กับสมศักดิ์ดีเบตตอนที่สอง (ต่อมาให้ออกอากาศคืนวันจันทร์) ในคืนวันศุกร์ พอคืนวันเสาร์ Thaipbs ก็นำวงดนตรีทหารอากาศบรรเลงเพลงแนวสรรเสริญพระบารมีออกอากาศในรายการ “ดนตรีกวีศิลป์” จากนั้นรายการนี้ก็นำเสนอดนตรีแนวสดุดีพระราชา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้นมาออกอากาศเรื่อยมา จนกระทั่งคืนวันเสาร์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาก็มีการนำเสนอการร้องเพลงสรรเสริญ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพ่อ โดยบรรดานักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ประชาชน
ราวกับว่า Thaipbs กำลัง “ไถ่บาป” ที่อาจสำนึกว่าตนหลงผิดให้สมศักดิ์ไปออกรายการตอบโจทย์!
นี่คือตัวอย่างของ “ความลื่นไหล” ในความหมายของคำว่า “สมดุล” ในการเสนอข่าวสารและความคิดเห็นสองด้านของ “ทีวีสาธารณะ” (โดยมิพักต้องเอ่ยถึงการเสนอข่าวประจำวันของทีวีช่องนี้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลแทบทุกเรื่อง)
4) ความเป็นกลางจะมีได้เมื่อร่วมกันต่อสู้ให้ความเป็นกลางเป็นไปได้
ปัญหาที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า “สื่อเลือกข้างทางการเมืองทำลายมาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อ” อย่างที่พูดๆกัน แต่อยู่ที่สื่อเลือกข้างอย่างไรต่างหาก
คุณเลือกข้างที่ต่อสู้เพื่อให้ความเป็นกลางเป็นไปได้หรือไม่? คือเลือกข้างที่ต่อสู้เพื่อทำให้มาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อไปได้ในทางปฏิบัติหรือไม่ ถ้าเลือกทางนี้คุณก็กำลังต่อสู้เพื่อให้สื่อสามารถเป็นกลางได้จริง ซึ่งหนีไม่พ้นที่ต้องร่วมกันต่อสู้ในหลายๆวิธีการ เพื่อสร้างกติกาที่ free and fair แก่ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต่อสู้เพื่อให้ยกเลิก ม.112 การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ระบบยุติธรรม กองทัพ ให้อยู่ภายใต้อุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
หากไม่ต่อสู้เพื่อให้ความเป็นกลางเป็นไปได้ การกล่าวอ้างความเป็นกลาง อ้างการนำเสนอข่าวสาร ข้อเท็จจริง ความคิดเห็นทุกด้านอย่างสมดุล ก็เป็นเพียงการแสดงออกอย่าง “หลงผิด” หรือเป็นเพียงการหลอกตัวเองและลวงโลกไปวันๆเท่านั้นเอง