“เฌอ...อย่าลืมฉัน” 3 ปีแล้วที่ลูกชายไม่กลับบ้าน

ครอบครัวศรีเทพและเพื่อน รำลึก "เฌอ" เด็กหนุ่มวัย 17 เหยื่อกระสุน พ.ค.53 แม่เผยรำลึกปีสุดท้าย เปลี่ยนเป็น “กองทุนเฌอ” ให้ทุนหนุนนักกิจกรรมทางการเมืองและสังคม พ่อวอนรัฐบาลค้นหาความจริงอย่างเป็นระบบ เผยคดีไม่คืบเพราะไม่มีประจักษ์พยาน

15 พ.ค.56 เวลา 18.00 น. บริเวณบาทวิถีตรงข้ามสถานีจำหน่ายนำมันเชลล์ ถนนราชปรารภ ครอบครัวและเพื่อนของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ "เฌอ" นำโดยนายพันธ์ศักดิ์และนางสุมาพร ศรีเทพ ผู้เป็นบิดาและมาดารของ "เฌอ" จัดกิจกรรม “เฌอ...อย่าลืมฉัน” เพื่อรำลึก 3 ปีการเสียชีวิตของ "เฌอ" ณ บริเวณดังกล่าว ที่มีหมุดซึ่งได้มีการปักไว้เมื่อปีที่แล้ว พร้อมข้อความว่า “Cher laid down his life here. 15.05.2010 เฌอถูกยิงเสียชีวิตที่นี่”

"เฌอ" เด็กหนุ่มวัย 17 ปี นักกิจกรรมทางสังคม เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ที่ถูกยิงเสียชีวิตช่วงสายของวันที่ 15 พ.ค.53 จากการกระชับวงล้อมผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)

โดยกิจกรรมประกอบด้วย  การอ่านบทกวี เล่นดนตรี ร้องเพลง ละครใบ้ ละครเสียง ภาพยนตร์สั้นกว่า ศิลปะการเคลื่อนไหวร่างกาย แสดงกายกรรม ศิลปะติดตั้งจัดวาง วางดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 100 คน

นายพันธ์ศักดิ์และนางสุมาพร ศรีเทพ ผู้เป็นบิดาและมาดารของ "เฌอ"

นายพันธ์ศักดิ์ “พ่อเฌอ” อธิบายถึงกิจกรรมดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กถึงคำถามที่ว่า “ตายแล้วไปไหน” มักจะเป็นคำถามที่ข้องใจใครหลายหลายคนที่สนใจเรื่องชีวิตหลังความตาย บางคนอาจไม่ได้ไปไหน เอาแต่วนเวียนอยู่รอบข้างคนที่เขารัก หรือคนที่เธอคิดว่าต้องรับผิดชอบกับการตายของเธอ บางเขาอาจนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด บางเธออาจจะถูกขังอยู่ในแก้วน้ำที่คว่ำทิ้งไว้รอใครสักคนมาเลื่อนไปตามแผ่นอักษร ฯลฯ แต่เราเคยตั้งข้อสงสัยกับตัวเองหรือไม่ว่า จะเป็นอย่างไร หากเราตายตามคนที่เรารักแต่เขาหรือเธอกลับจำเราไม่ได้ ครอบครัวศรีเทพ ขอชวนมิตรสหายที่ไม่ติดภารกิจและอยากหาคำตอบให้กับตัวเอง ร่วมกิจกรรม “เฌอ...อย่าลืมฉัน” ณ จุดที่ สมาพันธ์ "เฌอ" ศรีเทพ ถูกพรากดวงวิญญาณออกจากร่างด้วยลูกกระสุนจากฟากฟ้าแสนไกล

นางสุมาพร “แม่เฌอ” กล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่ 15 พ.ค. อีกครั้งหนึ่ง 3 ปีแล้วที่ลูกชายคนหนึ่งไม่กลับบ้านเลย ยังไม่รู้เหมือนกันว่าไปเที่ยวอยู่แถวไหน ปีที่ 1 และ 2 ก็ยังทำใจไม่ได้ รู้สึกว่าเราอาจจะฝันไปก็ได้ เขาอาจจะกลับมา แต่ปีที่ 3 เราเริ่มทำใจแล้วว่ามันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัวของเรา วันนี้ขอบคุณมากๆที่ทุกคนมาร่วมรำลึกด้วยกัน สำหรับปีนี้ก็คงเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้มีโอกาสมานั่งตรงนี้พร้อมๆกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของปัจเจกชนที่เราจะต้องมารำลึกถึงเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เราควรจะมีกิจกรรมที่จะให้คนอื่นมากกว่า สำหรับเฌอคงไม่รู้หรอกว่าใครมาตรงนี้บ้าง แต่สำหรับพ่อกับแม่ของเฌอรู้ และเห็น และขอบคุณมากๆ อยากเชิญทุกคนร่วมรำลึกถึงเจ้าเด็กเกเรคนนั้นที่ไม่ยอมเชื่อแม่และก็ออกมากลางคืนคืนนั้น”

นางสุมาพร “แม่เฌอ”

แม่เฌออธิบายถึงเหตุที่ปีนี้จะจัดงานรำลึกเป็นปีสุดท้ายว่า เนื่องงานการจัดงานเราเป็นเพียงผู้รับจากหลายๆ ฝ่ายในการจัดงาน รู้สึกว่าครอบครัวเป็นผู้รับมากเกินไปแล้ว จึงอยากเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้ครอบครัวเป็นคนให้คนอื่นบ้าง จึงอาจจะจัดเป็นลักษณะของการให้ทุนเป็นกองทุนสำหรับคนที่ทำกิจกรรมทางการเมือง หรือเป็นนักเขียนนักศิลปะที่ผลักดันเรื่องการเมืองและสังคมวงกว้างมากกว่า

นายพันธ์ศักดิ์เล่าถึงเหตุการณ์วันเกิดเหตุจากการรวบรวมข้อมูลและคำบอกเล่า รวมทั้งคำบอกเล่าของเฌอและภาพถ่ายที่เฌอถ่ายก่อนถูกยิงด้วยว่า ตั้งแต่เฌอออกมาจากบ้านคืนวันที่ 14 พ.ค.53 ก็มาอยู่บริเวณที่เกิดเหตุจนเช้า(วันที่ 15 พ.ค.)และก็กลิ้งยางไปจนสุดท้ายถูกยิงโดยทหาร แต่ยังไม่เสียชีวิตในทันทีและไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยชีวิตหรือเอาร่างออกไปได้ การช่วยเหลือจึงเป็นไปโดยผู้ชุมนุมเอง ประกอบกับมีคนเจ็บคนอื่นที่อาการไม่หนักและมีโอกาสรอดมากกว่าจึงเอาออกไปก่อน หลังจากนั้นเฌอก็เสียชีวิต

นายพันธ์ศักดิ์เผยถึงความคืบหน้าของคดีว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอบอกว่ากรณีเฌอนี้ไม่มีประจักษ์พยานที่จะให้ปากคำในจุดที่เฌอเสียชีวิต เมื่อเทียบกับกรณีใกล้เคียงอย่างนายชาญรงค์ พลศรีลา ก็จะเห็นว่ามีประจักษ์พยาน หรือกรณี 6 ศพ วัดปทุม ก็จะมีตำรวจที่เป็นประจักษ์พยานให้ ส่วนคดีของเฌอนั้นมีปัญหาเรื่องประจักษ์พยาน อย่างพยานที่มีก็เป็นเพียงพยานแวดล้อม การมีประจักษ์พยานก็เพื่อจะสามารถนำคดีขึ้นไต่สวน แม้เคยเจอประจักษ์พยานที่เคยมาคุยด้วยกับตนเอง แต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตัว จึงไม่สามรถคาดคั้นให้เขามาเป็นประจักษ์พยานในคดีได้

“สิ่งที่ครอบครัวมองคือ คดีส่วนใหญ่นำขึ้นไต่สวนแล้วเป็นปฏิบัติการทางการทหารจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบนี้(ถนนราชปรารภ)ที่เขายืนยันว่าเป็นทหารแน่นอน แม้ในทางคดีทางกฎหมายเราทำอะไรไม่ได้ แต่ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันเป็นอย่างนั้น หรือกรณีภาพของเฌอที่ส่วนใหญ่เป็นภาพมุมสูงมา แต่ก็มีภาพมุมล่างที่เห็นว่าฝั่งตรงข้ามก็คือทหาร หรือกรณีที่ดีเอสไอมาดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือวิถีกระสุน หรือเวลาที่ทหารเข้ามา มันก็คือทหารอยู่แล้ว” นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว

นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลเพื่อไทยต่อกรณีการแสวงหาความจริงการเสียชีวิตของเฌอด้วยว่า ไม่มีการเร่งรัดจากรัฐบาลที่จะดึงกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษของคดีพิเศษคนที่ดูคดีของเฌอก็มีภารกิจอื่นซึ่งก็เข้าใจการทำงานของดีเอสไอ แต่ว่ารัฐบาลก็สามารถสั่งเรื่องนี้ได้ในการดึงคนเข้ามาทำ ถ้าเทียบกันจริงๆ แม้ตนเองไม่ให้น้ำหนักอะไรกับ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)แต่อย่างน้อยรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังตั้ง คอป.ในการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบ กรณีการเสียชีวิตของเฌอนั้นมีคนได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ก็ควรที่จะมีความพยายามในการหาประจักษ์พยานได้ รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมต้องดำเนินการตรงนี้ไม่ใช่ผลักภาระให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปหา

“เราจะเห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษกับคดีสังหารหมู่ประชาชนเลย การเยียวยาเป็นสิ่งที่ คอป. เสนอมาและเขาตั้ง ปคอป.(คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ) ไปรองรับ เยียวยาเป็นผลงานอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำ เพียงแต่มาอนุมัติในยุคของเพื่อไทยเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าอภิสิทธิ์เป็นนายกต่อไปเขาก็อาจจะทำต่อก็ได้” นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว

นายศุภวัฒน์ เกตุสุวรรณ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้รับผิดชอบภาพรวมคดีบริเวณถนนราชปรารภ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการส่งศาลเนื่องจากยังไม่ชัดเจนเรื่องทิศทางกระสุนและพยาน ทั้งนี้ในส่วนคดีบริเวณราชปรารภมี 3 กรณีคือพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณและนายชาญรงค์ พลศรีลา ที่ส่งศาลไปก่อนหน้านี้เนื่องจากมีภาพและวิดีโอชัดเจน และศาลก็ได้ตัดสินแล้ว ดังนั้นของเฌอจึงต้องรอนโยบายของทางผู้บังคับบัญชาอีกที เพราะขณะนี้หลักฐานยังคงไม่ชัดเจนเกรงว่าส่งศาลไปแล้วอาจไม่สามารถระบุว่าใครยิง ส่วนเรื่องพยานในที่เกิดเหตุขณะนี้มีพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนอยู่ ซึ่งบริเวณที่เฌอถูกยิงในเวลานั้นนอกจากเฌอก็มีศพอื่นด้วย และต้องดูประกอบกัน

 

ภาพบรรยากาศกิจกรรม :

ส่วนหนึ่งของร่องรอยกระสุนบริเวณที่เกิดเหตุที่ยังคงหลงเหลือพอพบเห็นได้

ได้รับความสนใจจากประชาชนที่อยู่บริเวณนั้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท