Skip to main content
sharethis

สมาคมองค์การพิทักษ์รธน.ไทย ยื่นฟ้องปลอดประสพ สุรัสวดี ต่อศาลปกครอง ฐานกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากการตำหนิภาคประชาชนที่ต้านการประชุมด้านน้ำแห่งเอเชียแปซิฟิกว่าเป็น “พวกขยะเกะกะ” ชี้เข้าข่ายละเมิดสิทธิและเสรีภาพปชช.

20 พ.ค. 56 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน เดินทางไปศาลปกครองกลางเพื่อยื่นฟ้องนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยการให้สัมภาษณ์ตำหนิภาคประชาชนที่จะใช้สิทธิในการชุมนุมประท้วงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในเวทีการประชุมด้านน้ำแห่งเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 ที่เชียงใหม่ ว่า “จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมดำเนินคดีทั้งหมด” และเปรียบเปรยผู้ที่จะมาชุมนุมว่าเป็น “พวกขยะเกะกะ” 

นายศรีสุววรณระบุว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 29 ให้การคุ้มครองไว้ ผนวกกับมาตรา 63 ก็ได้บัญญัติสิทธิของประชาชนว่าสามารถทำได้ ซึ่งคำพูดดังกล่าวเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 297 ประกอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 ข้อ 11 และข้อ 12 ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องใช้อำนาจตามข้อ 30 ในการสั่งลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือต้อง “สั่งปลด” รัฐมนตรีที่กระทำการละเมิดประมวลจริยธรรมดังกล่าว แต่นายกรัฐมนตรีก็เพิกเฉย หาได้กระทำการใด ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไม่ สมาคมฯ จึงร่วมกับภาคประชาชนมายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษา 3 ข้อ คือ
 
1) ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี ห้ามการกระทำหรือให้สัมภาษณ์ในลักษณะดูถูก เหยียดหยาม หรือละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนและผู้ฟ้องคดี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่งทางปกครองหรือทางการเมือง และให้รายงานให้ศาลและผู้ฟ้องคดีทราบทุก ๆ 3 เดือน หรือตามดุลยพินิจศาล
 
2) ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีกล่าวคำขอโทษประชาชนและผู้ฟ้องคดี ผ่านสื่อโทรทัศน์สาธารณะของรัฐและเอกชน รวมทั้งประกาศถ้อยคำขอโทษในหนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของประเทศไล่เรียงกันลงมาอย่างน้อย10 ฉบับ เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 15 วัน โดยค่าใช้จ่ายของผู้ถูกฟ้องคดี หรือตามดุลยพินิจศาล
 
3) ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการลงโทษผู้ถูกฟ้องคดีตามความร้ายแรงแห่งการกระทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 ภายใน 7 วัน หรือตามแต่ศาลจะเห็นสมควร
 
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ล่าสุด ศาลปกครองกลางได้รับคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1039/2556 แล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net