Skip to main content
sharethis

จุฬาราชมนตรีออกประกาศรวม 13 ข้อแนะให้รัฐปฏิบัติช่วงรอมฎอน ให้หนุนการปฏิบัติศาสนกิจ ผ่อนการตั้งด่านและตรวจค้นสตรี นายอำเภอสายบุรีรับลูกพิมพ์แจกให้ทุกหน่วย เพิ่ม2ข้อให้หยุดขายประทัด-ลดปฏิบัติการยกเว้นคุ้มครองครู ทหารได้ทีจัดหมอตรวจสุขภาพชาวบ้านรับรอมฎอน ตำรวจชี้แจงหัวหน้าโรงพักดูแลมุสลิม เหตุไม่สงบ เจ็บ 5 ตาย 2

สำนักจุฬาราชมนตรีได้มีหนังสือข้อเสนอแนะแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการตามที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร้องขอ เน้นให้หน่วยงานรัฐให้การหนุนเสริมการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน ให้ผ่อนปรนการปฏิบัติงานของมุสลิมและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการตั้งจุดตรวจและการตรวจค้นสตรี พร้อมเชิญชวนติดตามการประกาศผลการดูดวงจันทร์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11

ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้มีหนังสือดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2556 เรื่องคำแนะนำแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในเดือนรอมฎอนประจำปี ฮ.ศ.1343 (พ.ศ.2556) ตามที่ศอ.บต.ร้องขอ เพื่อให้ส่วนราชการยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ลงนามโดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี

ข้อเสนอแนะดังกล่าว มีเนื้อหาสำคัญ 4 ส่วน คือคำแนะนำช่วงเตรียมการเข้าสู่เดือนรอมฎอน คำแนะนำช่วงเดือนรอมฎอน ช่วงหลังเดือนรอมฎอน (ประมาณ 8 วันหลังจากวันอิฎิ้ลฟิตรี หรือวันสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน) และแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความเป็นธรรม

นอกจากนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้มีหนังสือแจ้งกำหนดการถ่ายทอดสดรายงานผลการดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช (ฮศ.) 1434 โดยสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดถ่ายทอดสดรายงานผลการดูดวงจันทร์จากสำนักจุฬาราชมนตรี ในวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2556 ในเวลา 19.45-20.00 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT (ช่อง 11)

สำหรับหนังสือข้อเสนอแนะของจุฬาราชมนตรี พ.ศ.2556 ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในจังหวัดชายแดนใต้ภาคใต้ในเดือนรอมฎอน มีเนื้อหาดังนี้

“เดือนรอมฎอน” เป็นเดือนที่อัลลอฮทรงประทานอัล-กุรอานและบัญญัติให้มุสลิมถือศีลอด รอมฎอนจึงเป็นเดือนแห่งการเพิ่มพูนคุณงามความดี การขัดเกลาจิตใจ การอภัยโทษ และการลบล้างความผิดพลาด ตลอดทั้งการหยิบยื่นความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 จุฬาราชมนตรีจึงจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางปฏิบัติต่อรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ และอย่างสันติสุขตลอดช่วงเดือนรอมฎอน โดยมีแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้

1.ช่วงเตรียมการเข้าสู่เดือนรอมฎอน

1.จัดให้มีบริการด้านสุขภาพแก่มุสลิมเพื่อเตรียมความพร้อมทางร่างกายในการถือศีลอด และปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ เช่น การตรวจสุขภาพ การชี้แจงแนวปฏิบัติของผู้ป่วยในการถือศีลอด การชี้แจงแนวปฏิบัติด้านการดูแลสุขภาพในเดือนรอมฎอน เป็นต้น

2.ให้ความรู้ด้านคุณค่าของการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน เช่น บรรยายปฏิทินกิจกรรมรอมฎอน เอกสารประกอบการถือศีลอด ฯลฯ

3.อำนวยความสะดวกและจัดสรรปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการถือศีลอดและปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนแก่ผู้ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า และผู้ต้องขังมุสลิมและครอบครัว

4.สนับสนุนอาหารในการละศีลอดและปัจจัยสำหรับการปฏิบัติศาสนกิจ อาทิเช่น ผลอินทผาลัม น้ำตาลทราย หรือชุดละหมาด แก่องค์กรศาสนาอิสลาม มัสยิด และผู้ด้อยโอกาสในชุมชนอย่างทั่วถึง

 

2.ช่วงระหว่างเดือนรอมฎอน

1.ควรผ่อนปรนเวลาปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มุสลิม โดยมีช่วงเวลาปฏิบัติงานตั้งแต่ 08.30 – 15.00 น. เพื่อให้มีเวลาเตรียมความพร้อมสำหรับการละศีลอดและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างมีคุณภาพ

2.สนับสนุนให้ละศีลอดร่วมกัน ณ มัสยิดของแต่ละชุมชน โดยหน่วยงานราชการ ไม่ควรจัดกิจกรรมละศีลอดตามสถานที่ราชการ เพราะอาจกระทบกับความปลอดภัย และการปฏิบัติศาสนกิจของบุคคลในเดือนรอมฎอน

3.ควรงดเว้นการจัดกิจกรรมอบรม ประชุมสัมมนา สำหรับเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชนมุสลิม ในช่วงเวลาสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน

4.ส่งเสริมและสนับสนุนการละหมาดตะรอเวียะห์และการเอี๊ยะติกัฟในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน โดยเฉพาะเยาวชนในทุกชุมชน และอาจให้มีรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี

5.ควรใช้สื่อของรัฐทุกประเภทเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจ เช่น การอ่านและศึกษาอัล-กุรอานตลอดเดือนรอมฎอน ถ่ายทอดการละหมาดตะรอเวียะห์จากมัสยิดหะรอม ณ นครมักกะฮ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามบทบัญญัติศาสนาอิสลาม เป็นต้น

 

3.ช่วงหลังเดือนรอมฎอน (ประมาณ 8 วันหลังจากวันอิฎิ้ลฟิตริ)

ขอความร่วมมือหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน ร่วมกับองค์กรศาสนาอิสลามจัดงานเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจที่ดีต่อกันในสังคมพหุวัฒนธรรม

 

4.แนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความเป็นธรรม

1.กำกับและชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจทุกจุด ให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เป็นปัญหา อุปสรรค และควรดำเนินการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนกับการปฏิบัติศาสนกิจ หากมีเหตุต้องตรวจค้นสตรี ต้องใช้เจ้าหน้าที่สตรีในการตรวจค้นเท่านั้น

2.สนับสนุนให้แจกจ่ายอาหารละศีลอดแก่ผู้สัญจรผ่านจุดตรวจ เช่น อินทผาลัมและน้ำ ตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

3.ให้จัดระเบียบและกวดขันแหล่งอบายมุขอย่างเข้มงวด เพื่อดำรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของเดือนรอมฎอน

 

นายอำเภอสายบุรีรับลูกพิมพ์แจกให้ทุกหน่วย

จากกรณีที่สำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกประกาศ “เรื่องคำแนะนำแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอนประจำปี ฮ.ศ.1343 รวม 13 ข้อ” หลายหน่วยงานในพื้นที่ส่วนใหญ่ขานรับกับข้อเสนอแนะดังกล่าว

นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ นายอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ทางอำเภอสายได้พิมพ์แจกจ่ายคำประกาศดังกล่าวให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหารและตำรวจในอำเภอสายบุรีเกือบทั้งหมด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อประชาชนในพื้นที่

 

เพิ่ม 2 ข้อให้หยุดขายประทัด-ลดปฏิบัติการยกเว้นคุ้มครองครู

นายไกรศร เปิดเผยต่อไปว่า นอกจากคำแนะนำของสำนักจุฬาราชมนตรี 13 ข้อแล้ว ทางอำเภอยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติมอีก 2 ข้อด้วย 1.ขอความร่วมมือจากร้านค้าห้ามร้านค้าขายลูกประทัด 2.ขอให้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหาร ตกลงกันว่าในเดือนรอมฎอนจะลดปฏิบัติการเชิงรุก เช่น ลดการลาดตระเวนเพื่อค้นหาเป้าหมายต่างๆ ในพื้นที่หรือลดการตั้งด่านตรวจบนถนน เป็นต้น แต่การปฏิบัติการในเชิงรับยังดำเนินการตามปกติ โดยเฉพาะการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยครู

“นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะลดการถือปืน เมื่อจำเป็นต้องเข้าไปในสถานประกอบศาสนกิจหรือในตลาดเพื่อให้เกียรติต่อคนในพื้นที่” นายไกรศร กล่าว

นายไกรศร เปิดเผยด้วยว่า ส่วนอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ทางอำเภอสายบุรี จะให้ทำงานตั้งแต่ 08.00 – 16.00 น. หลังจากนั้นจะอนุญาตให้กลับอยู่กับครอบครัวและประกอบศาสนกิจได้อย่างเต็มที่ ส่วนช่วงเวลาที่เหลือทางอำเภอจะให้อส.ที่ไม่ใช่มุสลิมมาปฏิบัติหน้าที่แทน

 

ทหารได้ทีจัดหมอตรวจสุขภาพชาวบ้านรับรอมฎอน

พ.อ.บุญสิน พาดกลาง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 22 (ผบ.ฉก.ทพ22) มีฐานปฏิบัติการที่เขื่อนปัตตานี เปิดเผยว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงเดือนรอมฏอนปีนี้ ทางหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ประชุมร่วมกับพล.ท.สกล ชื่นสกุล แม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับให้ทหารให้ลดปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น ตลอดจนลดการตั้งด่านตรวจ เพื่อที่จะให้เกียตริแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอนปีนี้

“นอกจากนี้ ทหารต้องไปร่วมละศีลอดกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมๆกับนำทีมแพทย์ของทหาร ไปตรวจสุขภาพและแจกจ่ายยารักษาโรคต่างๆ แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย เพื่อให้เป็นไปตามคำแนะนำของสำนักจุฬาราชมนตรี” พ.อ.บุญสิน กล่าว

 

ตำรวจชี้แจงหัวหน้าโรงพักดูแลมุสลิมช่วงรอมฎอน

พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับคำประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรีแต่อย่างใด หากได้รับแล้วก็จะนำไปทำความเข้าใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนำปฏิบัติต่อประชาชนในพื้นที่

ในช่วงวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พล.ต.ต.พีระ ได้เรียกผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดยะลา เข้าประชุมเพื่อชี้แจง และมอบนโยบายการปฏิบัติงานในช่วงเดือนรอมฎอน โดยพล.ต.ต.พีระ เปิดเผยว่า ได้นำข้อสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาชี้แจงให้แก่ตำรวจในระดับหัวหน้าสถานีตำรวจภูธร รวมทั้งข้อสั่งการจากผู้บัญชาการทหารบก โดยกำชับการปฏิบัติการดูแลพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามในช่วงเดือนถือศีลอด

“ในห้วงเดือนรอมฎอนหรือก่อนเดือนรอมฎอน ทางผู้บังคับบัญชาให้ทำมวลชนสัมพันธ์กับพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ยังคงก่อเหตุอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นในช่วงก่อนเดือนรอมฎอน” พล.ต.ต.พีระ กล่าว

เหตุไม่สงบ เจ็บ 5 ตาย 2

สำหรับเหตุไม่สงบในวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 เริ่มเกิดเหตุเวลา 11.30 น. โดยคนร้ายลอบวางระเบิดอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส บนถนนสายชนบทบ้านกำปงบูเก๊ะ หมู่ที่ 2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ทำให้อส.บาดเจ็บ 5 นาย ได้แก่ 1.อส.ท.สุนทร คงขวัญ 2.หมู่ใหญ่วิโรจน์ โทบุรี 3.อส.อ.ชาตรี ศรีรัตนะ 4.อส.ท.กิตติ สุขแดง และ 5.อส.อ.สมศักดิ์ พรมมูล

ต่อมาเวลา 12.55 น.คนร้ายใช้อาวุธปืน AK-47 ยิงนายซัมสูดิน ลาเตะ อายุ 62 ปีเสียชีวิตขณะเตรียมละหมาดในมัสยิดดารุลอามาน หมู่ที่ 4 ต.เกราะ อ.เทพา จ.สงขลา โดยนายซัมสูดินเป็นอดีนสมาชิกขบวนการพูโล

เวลา 13.45 น.คนร้ายยิงนายมาหามะ ยะราเฮม อายุ 50 ปี เสียชีวิตในบ้านพักเลขที่ 121 หมู่ที่ 5 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net