Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

หากกล่าวถึงชื่อรุสนี เพียงอย่างเดียว คงยากที่จะมีคนรู้จัก แต่หากบอกไปว่า เป็นภรรยาของมะรอโซ ก็คงเป็นที่รู้จักของผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเรื่องราวของมะรอโซที่ประสบกับเหตุการณ์ที่บุกค่ายทหาร สามีของเธอเป็นผู้ที่ภาครัฐมองเป็นระดับแกนนำมาโดยตลอดหลังจากเหตุการณ์ตากใบ หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นนี้ ทำให้รุสนี เป็นที่รู้จักไปด้วยในวันนั้น

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันทางปาตานี ฟอรั่ม ลงพื้นที่นำประเด็นเกี่ยวกับมะรอโซไปเผยแพร่ เขาบอกว่า เกี่ยวกับประวัติและชีวิตอีกด้านของมะรอโซ[1] ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมมากในช่วงเวลานั้น การนำเสนอข่าวสารตามโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต ต่างนำเสนอประเด็นของมะรอโซ ทำให้ประเด็นดังกล่าวทำให้รุสนีเป็นคนที่เป็นรู้จักไปด้วย เวลาไปไหนมาไหน จะมีแต่คนเข้ามาคนเข้ามาทัก เข้ามาถ่ายรูป แต่ช่วงนั้นยังไม่พ้นอิดดะฮ์ เลยไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มาก

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัด เธอและสตรีอีกจำนวนมากที่ต้องแบกรับภาระของผลกระทบจากความรุนแรง มีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ (สามีไม่สามารถอยู่บ้านได้) บางบ้านสามีโดนจับ โดนยิงเสียชีวิต โดยควบคุมตัวทำให้ต้องหนี หลายคนเลือกที่จะไม่สู้ โดยการหนี แต่การหนี ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันลำบากทั้งสองอย่าง การหนีไม่ได้อยู่ด้วยความสะดวกสบาย ซึ่งคนที่ได้รับความลำบากอย่างเต็มๆ ก็คือ เขากับลูกๆ อย่างในกรณีของมะรอโซ ถึงแม้เขาต้องหนี แต่เขาต้องอาศัยอยู่ในแผ่นดินเกิดของตัวเองให้ได้

เหตุการณ์ที่ทำให้มะรอโซเปลี่ยนไปก็คือเกิดเหตุการณ์ตากใบ (ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงาน) มะรอโซเป็นหนึ่งในคนที่ถูกควบคุมตัว มีคนเสียชีวิตจากการประท้วง มะรอโซเป็นคนหนึ่งที่รอดชีวิต การที่เขารอดชีวิตมานั้น เขาได้กลายเป็นคนที่ขึ้นบัญชีดำจากรัฐไทย ว่าจะกลายเป็นผู้ที่ก่อความไม่สงบ ทำให้เขาต้องอยู่ในสายตาอยู่ตลอดเวลา แต่ความคิดของมะรอโซ เขาไม่คิดเกรงกลัวอะไร ทำให้เขาไม่ได้หนีไปไหน และอาศัยอยู่กับบ้านตลอดระยะเวลาหลังจากเหตุการณ์ตากใบ

วันหนึ่งมีเหตุการณ์ระเบิดที่ตากใบ เป็นการวางระเบิดที่ร้ายแรง สูญเสียเจ้าหน้าที่ทหารเป็นจำนวน 12 คน ในช่วงนี้ยังไม่ได้แต่งงาน เหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่บอกว่า เหตุการณ์นี้มะรอโซเป็นคนวางระเบิด แต่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้น เขายืนยันได้ว่า มะรอโซไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เพราะช่วงนั้นมะรอโซเดินทางมาเล่นฟุตบอลในโรงเรียน ซึ่งใกล้กับบ้านของเธอ

จากนั้นก็มีหมายจับให้มะรอโซ ในส่วนของมะรอโซ ซึ่งคิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็ยังนิ่งเฉยต่อสิ่งดังกล่าว อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามะรอโซจะถูกขึ้นบัญชีดำ มะรอโซและรุสนีก็ยังคงเริ่มที่จะวางแผนที่แต่งงานกัน แต่การแต่งงานได้ประสบกันปัญหา เพราะผู้ใหญ่ของรุสนี ไม่ยอมรับในตัวมะรอโซ เนื่องจากมะรอโซ ถูกมองว่าเป็นแนวร่วม

ผู้ใหญ่ได้บอกว่า ถ้าจะลำบากก็แต่งกันเถอะ แต่ในภายภาคหน้า มะรอโซจะลำบาก เพราะมีคดีติดตัว ซึ่งไม่ใช่คดีทั่วๆ ไป แต่ที่เขาทั้งสองได้แต่งงานกัน มะรอโซถามรุสนีว่า จะรับได้หรือไม่ หากเขาเป็นเช่นนี้ พร้อมที่จะสู้กับมันหรือไม่ ซึ่งไม่ได้สุขสบายเช่นคู่อื่นๆ เขาอาจจะไม่ได้อยู่บ้าน ไม่ได้ดูแลลูกอย่างเต็มที่ และอาจจะอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ว่าจะเกิดแบบนี้ขึ้น และเธอจะอยู่เป็นภรรยาของมะรอโซ จนวันตายสุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน

ในช่วงที่แต่งงานกัน มะรอโซเดินทางกลับมาหาครอบครัว แต่ในคืนนั้น ประมาณตอนตีสาม มีเจ้าหน้าที่ทหารมาล้อมบ้าน เพื่อที่จะจับกุมมะรอโซ เขาตกใจมากไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย เธอบอกมะรอโซว่า ถ้าสู้ก็ต้องตาย ถ้าออกไปก็คงโดนจับ ก็เลยช่วยกันหาที่ซ่อน ตอนนั้นมะรอโซตื่นเต้นและกลัวมาก ที่โดนล้อมจับ เขาเลยให้มะรอโซซ่อนตัว และรุสนีออกไปรับหน้ากับเจ้าหน้าที่ รุสนีต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งและกล้าที่จะต่อสู้  เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปค้นในบ้าน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ถอนกำลังออกไป เพราะไม่ได้เจออะไร

หลังจากนั้น ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องมีชื่อมะรอโซเป็นผู้กระทำ บ้านของรุสนี เข้ามาค้นประมาณเดือนหนึ่ง 4-5 ครั้ง ครั้งที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ห้ามชาวบ้านเข้า เข้าได้เพียงน้องชายรุสนีวัย 10 ปี

ครั้งแรกไม่พบกับสิ่งผิดปกติ สักพักมีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มเข้ามา และน้องชายก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปได้ แต่การขึ้นไปตรวจค้นครั้งที่สองนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร พบกระสุนปืนในครัวบ้านของเขา แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมตัวรุสนีไปได้ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าบ้าน แต่ทำให้แม่ของรุสนีถูกจับกุมไป เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความเกลียดชังในตัวมะรอโซ เพิ่มมากยิ่งขึ้น

แม่ถูกจับ ต้องนอนคุก 4 วัน ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่มาก สำหรับผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งที่ต้องไปนอนคุก กว่าจะได้ประกันตัวออกมา เหตุการณ์ที่ลักษณะเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นเยอะมากสำหรับผู้คนที่นี้ บางกรณีเจ้าหน้าที่จะจับผู้เป็นพ่อ หากหาพ่อไม่เจอก็จะจับลูกแทน เหตุการณ์เรื่องราวมากมาย ที่เกิดขึ้น ทำให้เขาต้องเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องสร้างความเข้มแข็งของตัวเองพร้อมที่จะสู้กับทุกอย่างที่จะเข้ามา ต้องทำหน้าที่แทนสามี และต้องดูแลลูกๆ พูดถึงเจ้าหน้าที่หลายท่านก็เข้ามา บางคนก็ดี บางคนก็ไม่ดี และได้คุยให้ไปเกลี้ยกล่อมมะรอโซให้มอบตัว แต่มะรอโซได้บอกเขาว่า เขาทำใจไว้แล้วเรื่องของตาย เขาพร้อมที่จะสู้ในแบบของเขา เพราะเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ตลอดเจ็ดปีที่อยู่ด้วยกัน มะรอโซก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อครอบครัวดีที่สุด สำหรับรุสนีแล้ว มะรอโซไม่ได้ทำหน้าที่บกพร่องเลย

ในสถานะที่ต้องอยู่หลบๆ ซ่อนๆ มะรอโซทำงานรับจ้างกรีดยาง และประกอบอาชีพทั่วไป จนวันหนึ่งมะรอโซสามารถสร้างบ้านให้ลูกกับภรรยาได้ ซึ่งตอนนั้นมะรอโซมีความกังวลใจว่า เขาจะได้มีโอกาสได้อยู่บ้านที่ตัวเองสร้างได้หรือไม่ ทำให้รุสนีรู้สึกไม่ได้แล้วว่า มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

คืนก่อนเกิดเหตุการณ์ มะรอโซบอกว่า มีงานต้องทำ ตรงนี้เองที่ทำให้รุสนีเกิดความกังวลใจ ซึ่งคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับครอบครัวประมาณครึ่งชั่วโมง กระทั่งประมาณตี 4 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอกว่า มะรอโซ เสียชีวิตแล้ว จนสุดท้ายลุกขึ้นละหมาด และเปิดโทรทัศน์ เกือบทุกช่อง ได้นำเสนอข่าวของการบุกค่ายทหารในรือเสาะ กระทั่งมีผู้เสียชีวิต 11 ราย รุสนีจึงเดินทางไปบอกที่บ้านพ่อ แม่ ของมะรอโซ

หลังจากที่ข่าวได้กระจายออกไป ได้มีคนเข้ามาเยี่ยมเป็นจำนวนมาก ทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จัก หลายคนถามว่า ทำไมรุสนีไม่ร้องไห้เลย  จากเธอกลายเป็นคนที่มีคนรู้จัก เสียงของเขาที่พูดออกมา เสียงของเธอเป็นเสียงที่มีคนรับฟัง เธอจึงคิดว่า เธอต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อเป็นการช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งบางคนจะติดต่อกับหน่วยงานข้าราชการ เป็นต้น เธอจะต่อสู้ให้กับพวกเขาเหล่านั้น โดยใช้เสียงและปากกา เสียงของสตรีเปรียบเสมือนกระสุนปืนที่พุ่งออกไป

รุสนได้สร้างกลุ่มเครือข่ายสตรีชื่อว่า “Wanita Patani” จะทำงานเกี่ยวกับการช่วยเยียวยา และเยี่ยมเยียน ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ การต่อสู้ในหนทางที่ถูกต้องเป็นเช่นไร ส่วนใหญ่กลุ่มภรรยาฝ่ายตรงข้ามของรัฐ เป็นที่ปรึกษาให้ บางคนก็มีลูกที่ยังเล็ก หรือบางคนกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งจะแนะนำให้ไม่ไปยึดติดกับเรื่องดังกล่าวนี้

 

 

หมายเหตุ บทความชิ้นนี้ได้เรียบเรียงขึ้นมาจากคำบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของมะรอโซ จันทราวดี ในเวทีสาธารณะ ผู้หญิงถึงผู้หญิง: ดอกไม้บานกลางดงสันติภาพ

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net