นายจักรพันธ์ถูกจับกุมครั้งแรกช่วงเดือนพฤษภาคม 2552 โดยถูกกักขังที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ 1 วันและได้รับการปล่อยตัว จนกระทั่งถูกจับกุมอีกครั้งในวันที่ 24 มิถุนายน 2553 หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 53 โดยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักประกันเงินสด 200,000 บาท พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ส่งฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2554 ”อัยการส่งฟ้องคดีเสื้อแดง “ดีเจหนึ่ง" ข้อหาปลุกปั่นฯ คดีเก่าปี 52” และดำเนินกระบวนการสืบพยานตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 จนเสร็จสิ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2556 รวมทั้งสิ้นเป็นพยานโจทก์ 16 ปาก พยานจำเลย 4 ปาก โดยมี ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์เข้าให้การต่อศาลในฐานะพยานจำเลยด้วย แต่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 5 กันยายน 2556 อ่านรายละเอียดคดีนี้ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th
ศาลให้เหตุผลว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญจึงต้องส่งให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ตรวจก่อน แต่เนื่องจากยังตรวจไม่แล้วเสร็จและยังไม่ส่งสำนวนคดีคืนกลับมา จึงต้องขอเลื่อนไปก่อน ในการพิจารณาคดีมีผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาในวันนี้มีประมาณ 10 คน ประกอบด้วยแฟนรายการวิทยุ สื่อมวลชน และนักกิจกรรมสังคม
นายจักรพันธ์ บริรักษ์ กล่าวว่า ประเด็นที่โดนฟ้อง คือ เขาใช้คำพูดของผม ที่พูดว่า "ปิดถนน" ผมก็ยอมรับว่าผมพูดจริงๆ ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าผมไม่ได้พูด แต่คำพูดสามคำของผมไม่น่าจะเข้าหมวดกฎหมายด้านความมั่นคง ดังนั้นจึงน่าจะผิดแค่ พ.ร.บ.จารจร ไม่น่าผิดกฎหมายอาญามาตรา116 ข้อหานี้เป็นข้อหาที่แรงเกินไป
วัฒนา เจนนภา ทนายความผู้รับผิดชอบคดีจากกลุ่มทนายยุติธรรมล้านนาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ว่า
“ในทางพิจารณาจำเลยรับว่าได้กล่าวข้อความว่า “ปิดถนนดอยติ” จริง เอกสารซีดีบันทึกเสียงจะมีการตัดต่อหรือไม่เราจึงไม่ได้ต่อสู้ตรงนั้น ต่อสู้เท่าที่ว่าจำเลยไม่มีเจตนาหรือไม่มีมูลเหตุจูงใจใดๆ ให้ประชาชนปิดถนนหรือเปลี่ยนแปลงการปกครอง
“ในทางข้อกฎหมาย ม.116 อยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร การที่ประชาชนไปละเมิดพรบ.จราจรทางบกและพรบ.ทางหลวงนั้นไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง จึงไม่สมควรตีความเกินกว่าเจตนารมณ์ของกฎหมาย
“การสืบพยานดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะเหตุผ่านมาหลายปี มีการตั้งคณะกรรมการทำสำนวนคดี พนักงานสอบสวนหลายคนโยกย้ายไปหลายจังหวัด ทำให้ต้องตระเวนไปสืบพยานในภูมิลำเนาของตัวพยาน”
ต่อคำถามถึงความมั่นใจในการต่อสู้คดี ทนายวัฒนากล่าวว่า “กฎหมายอาญาไม่มีบอกว่าคดีใดเป็นคดีการเมือง เมื่อถูกฟ้องก็พิจารณาแต่องค์ประกอบตามกฎหมายเหมือนกันหมด ที่มาสู้นี่ไม่เคยมั่นใจ ตราบใดที่ไม่ได้ตัดสินเองจะไปมั่นใจได้อย่างไร 7 ปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียน เพียงแต่ยังศรัทธาว่าความยุติธรรมน่าจะยังมีอยู่บ้าง”.
มาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)