Anna Jarvis ชาวสหรัฐ ผู้ให้กำเนิดวันแม่คนแรกของ
Jarvis รณรงค์ให้สหรัฐมีวันแม่แห่ง
ความจริงวันแม่ของโลกนี้เคย
การระลึกถึงแม่ของคนธรรมดามีอย่างกว้างขวางหลังจากความ
อย่างไรก็ตามหลายประเทศในโล
ในประเทศไทยก็เพิ่งจะมีวันแ
ปี 2519 เป็นที่เข้าใจดีว่าอยู่ในกร
แม่ของข้าพเจ้านั้นเสียชีวิ
**************************************************
แม่ : A discourse
เขียนต่ออีกสักหน่อย ที่ว่าแม่ข้าพเจ้ามิได้มานั่งทวงบุญคุณอะไรในวันแม่นั้นก็เป็นเรื่องจริง แม่ของหลายคนก็คงเช่นกัน แต่วันนี้ก็เห็นหลายคนโพสรูปพาแม่ไปกินข้าว ซื้อของให้แม่ หรือแสดงออกซึ่งความรักแบบต่างๆต่อแม่ หลายคนก็ประชดประชันต่างๆนานาสุดแท้แต่ว่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับแม่และวันแม่กันอย่างไร
พยายามจะค้นประวัติศาสตร์วันแม่ เท่าที่จะพอมีเวลาทุกๆ webpage ลอกกันมาเสมอหน้ากันหมดว่าเมื่อก่อนวันแม่ไม่ใช่วันที่ 12 สิงหาคม แต่เป็น 15 เมษายน แต่ไม่มีใครบอกว่าทำไมเปลี่ยนจากวันนั้นมาเป็นวันนี้ หาประกาศราชกิจจานุเบกษาไม่เจอ (ท่านผู้ใดมีเวลาช่วยหน่อยก็ดี) แต่ดูบริบททางการเมืองแล้ว การเปลี่ยนแปลงวันแม่นั้นรับใช้อุดมการณ์ทางการเมืองแบบราชาชาตินิยมอย่างแน่นอน เพราะวันที่ 15 เมษายน มันไม่บอกอะไรในทางการเมืองเลย
การบอกให้ประชาชนรักแม่ในวันนี้จึงไม่ใช่แม่ของพวกเราท่านทั้งหลายที่พากันมาโพสต์ตามเฟสบุก จะทำอย่างนั้นก็ได้ แต่รัฐไม่ชื่นชมนักดอก รัฐต้องการให้ประชาชนชืนชมแม่ในความหมายอื่น เราจะเห็นแม่ในความหมายที่รัฐปรารถนาปรากฎอยู่ในสื่อกระแสหลักมากกว่าใน social media ในความเห็นของรัฐนั้น ประชาชนจะรักแม่ของตัวเองหรือไม่อย่างไร ไม่สำคัญ ขอให้รักแม่แห่งชาติเป็นพอ
รัฐประสบความสำเร็จอย่างมากในระยะหลังในการประสานแม่ของปัจเจกเข้ากับแม่แห่งชาติ ด้วยการจัดประกวดแม่ลูกดีเด่นดัง บรรดาแม่ๆเหล่านั้นก็อาจจะเลี้ยงลูกแบบที่คนทั่วๆไปเขาเลี้ยงกันนั่นแหละ (หลายท่านดูๆไปแล้วไม่น่าจะเลี้่ยงลูกเป็นด้วยซ้ำไป) แต่ท่านจะกลายเป็นแม่ดีเด่นหากว่าลูกท่านโดดเด่นอะไรสักอย่างขึ้นมา อาจจะด้วยตัวเขาเองหรือแม่หรือใครส่งเสริมก็ตามที แต่แม่ดีเด่นจะหมดความดีไปในบัดดลหากว่าท่านเหล่านั้นเอ่ยวาจาใดที่ไม่แสดงถึงความภักดีต่ออุดมการณ์หลักของชาติ น้องเมย์ได้เป็นแชมป์โลกก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจสำหรับเพื่อนร่วมชาติ แต่ชัยชนะของเธอมีประโยชน์ทางการเมืองอย่างมาก เพราะมันมาในโอกาสวันแม่แห่งชาติ แม่ของเธอซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นโคชแบดมินตันแต่อย่างใด ย่อมเป็นแม่ดีเด่นแห่งชาติ รางวัลที่เธอได้มาจะเอาไปตั้งโชว์ไว้ที่บ้านก็ไม่เป็นการสมควร แม้จะมีใครดักคอไว้ก่อนว่าให้เก็บรางวัลนั้นเป็นความภูมิใจของตัว แต่เธอก็ทำเช่นนั้นไม่ได้
นอกจากนี้การกำหนดความรักแม่ของปัจเจกเข้ากับอุดมการณ์หลักของชาติก็อาจจะมีผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งในทางเศรษฐกิจด้วยคือ ทำให้ประชาชนที่เป็นลูกต้องจับจ่ายใช้สอยเพื่อการแสดงออกถึงความรักแม่กันมากขึ้น ปกติเราก็อาจจะดูแลแม่อยู่แล้ว แต่การดูแลแม่เป็นพิเศษในวันพิเศษแห่งชาติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วยแล้วมันจะยิ่งได้อานิสงฆ์มากขึ้น (รัฐบอกกับเราอย่างนั้น) ธุรกิจร้านอาหาร ของขวัญ ดอกไม้ ของที่ระลึก การประกันภัยผู้สูงอายุ และการสื่อสาร ก็จะมีรายได้ในวันนี้ ยิ่งถ้าประชาชนแสดงออกถึงความรักแม่มากเท่าใด ธุรกิจเหล่านี้ก็จะเฟื่องฟูขึ้น
ความจริงแล้วรัฐอาจจะมองผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งเพิ่มเติมคือการที่ลูกๆถูกเรียกร้องให้กตัญญูและเลียงดูบุพาการีนั้นช่วยลดภาระของรัฐได้เป็นอย่างดี เพราะรัฐไม่ต้องจัดสวัสดิการสังคมให้ผู้สูงอายุมากนัก ที่จ่าย 600-700 บาทต่อเดืิอนอย่างในปัจจุบันนี้ไม่พอเลี้ยงชีพแน่ๆ แต่รัฐก็จะไม่ให้มากกว่านี้ ดังนั้นการผลักภาระให้คนหนุ่มสาวโดยอ้างจารีตประเพณีแห่งความกตัญญูกตเวทีเช่นนี้ได้ผลดีกว่า
กล่าวในแง่นี้ทั้งรัฐและทุนต่างสมประโยชน์สมประสงค์ จึงพร้อมกันอำนวยอวยชัยให้แม่กันถ้วนหน้า ใครๆก็มีแม่ คนส่วนใหญ่คงรักแม่ แม้คนเป็นกำพร้ายังรักแม่ ความรักต่อแม่มันดีอย่างนี้นี่เอง
วันนี้เป็นวันจันทร์ เป็นวันช้างและวันไดโนเสาร์อีกด้วย แต่ใครจะสนใจเล่า ช้างนั้นเหลือภาระกิจทางการเมืองนิดหน่อย (เฉพาะช้างเผือกเท่านั้น) ส่วนไดโนเสาร์นั้นไม่เคยอยู่ร่วมสมัยกับมนุษย์วาทกรรมเกี่ยวกับพวกสัตว์โบราณนี้มีอยู่อย่างเดียวคือเอาไว้ด่ากันแถมด่าไม่เจ็บเท่าไหร่ด้วย
หมายเหตุ: เพิ่มเติมส่วน "แม่ : A discourse " เมื่อ 19.20น.