Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ในงาน "พหุวัฒนธรรมกะเหรี่ยงกับสังคมไทย : วิถีชีวิตที่ปรับเปลี่ยน" ซึ่งจัดที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนั้น ในช่วงเย็นภายหลังการประชุมหารือ ระดมความคิดเห็นตลอดสองวันที่ผ่านมา เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายชุมชนกะเหรี่ยงในประเทศไทย ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ "แนวนโยบายและแผนงานในการขับเคลื่อนฟื้นฟูวิถีชีวิตกะเหรี่ยง" ตามมติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 โดยมี "ข้อตกลงที่จะนำเสนอเจตนารมณ์และข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย และกระทรวง/หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนกะเหรี่ยงได้รับทราบ และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาของพวกเราชาวกะเหรี่ยง ทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติการ" โดยมีทั้งสิ้น 7 ข้อ ได้แก่

1. เราชาวกะเหรี่ยงขอยืนยันว่า เราเป็นพลเมืองไทยที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมุ่งรักษาสืบทอดอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงเราให้ยั่งยืนตลอดไปร่วมไปกับการพัฒนาประเทศ โดยที่รัฐจักต้องยอมรับในวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ที่รัฐต้องปกป้อง คุ้มครอง ส่งเสริมและสนับสนุนให้คงอยู่ในประเทศไทยได้อย่างมีศักดิ์ศรีร่วมไปกับวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใดๆ

2. รัฐบาลต้องดำเนินการโดยนำมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนชาวกะเหรี่ยงอย่างจริงจัง

3. กระทรวงที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุในมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ต้องให้ความสำคัญและเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม โดยมีแผนปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมที่ชัดเจน รวมทั้งมีการจัดตั้งกลไกติดตามการดำเนินงานเพื่อให้บังเกิดผลตามเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว

4. กระทรวงศึกษาธิการจักต้องผลักดันให้มีการนำหลักสูตรวิถีวัฒนธรรมและภาษาของชาวกะเหรี่ยง บูรณาการเข้าสู่การเรียนการสอนของสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในชุมชนกะเหรี่ยงตามที่ระบุในมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว

5. รัฐบาลต้องส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวกะเหรี่ยง โดยการจัดตั้งคณะกรรมการหรือกลไกอื่นใดในการขับเคลื่อนงานการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงในทุกระดับตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาความเข้มแข็งขององค์กรและเครือข่ายชาวกะเหรี่ยงเพื่อให้สามารถจัดการวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. ระหว่างการดำเนินงานฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องยุติการจับกุม ข่มขู่ และคุกคามชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพในที่ดินที่ทางราชการประกาศเขตป่าอนุรักษ์ทับซ้อน นอกจากนี้ รัฐจำเป็นต้องมีมาตรการที่จะให้ความคุ้มครองกับวิถีการทำมาหากินตามจารีตประเพณีของชาวกะเหรี่ยงบนพื้นฐานของหลักการเรื่องสิทธิมนุษยชนและหลักสิทธิมนุษยชนสากล

7.เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายชุมชนกะเหรี่ยงในประเทศไทย ขอยืนยันที่จะร่วมแรงร่วมใจในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ซึ่งรวมถึงการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของชุมชนชาวกะเหรี่ยง โดยเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วม ทั้งร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏิบัติการและร่วมประเมินผลกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่องจนกว่าปัญหาและข้อเรียกร้องของชาวกะเหรี่ยงจะได้รับการแก้ไขและตอบสนองให้ลุล่วงไป อันนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนและวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงและสังคมไทยโดยรวมสืบไป

โดยกิจกรรมในวันสุดท้ายคือวันที่ 18 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 9.00 น. จะมีการพิธีผูกข้อมือประจำปีกะเหรี่ยง โดยผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยงและเครือข่ายชาวกะเหรี่ยงทั่วประเทศไทย และหลังการผูกข้อมือจะมีการแสดงไปจนถึงเวลา 16.00 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net