Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ข้อดีของการเป็นนักอ่านคือมีนักเขียนทั่วโลกให้เราวิจารณ์ได้วันละสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอนบางคืนหากไม่มีกิจพิเศษใดให้ทำ แต่เมื่อใดที่เรากลายร่างเป็นนักเขียน เมื่อนั้นเตรียมตัวรับก้อนอิฐจากชาวบ้านที่ส่งมาให้แบบวิถีโค้งได้เลย แถมส่วนใหญ่จะลงกลางกระหม่อมเสียด้วย (เรื่องชื่อเสียงเกียรติยศและรายได้-มากบ้างน้อยบ้างนั้นช่างมันเถอะ ของแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากได้)

เช่นเดียวกับนักแปล บรรณาธิการ เจ้าของสำนักพิมพ์ และบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ วัยวุฒิ วจีวุฒิ และมโนวุฒิทั้งหลายต่างก็ต้องเตรียมตัวยอมรับดอกไม้และก้อนอิฐกันไปมากบ้างน้อยบ้างตามสถานการณ์ 

*** นอกเรื่องหน่อย นี่เริ่มเครียดแล้วนะเนี่ย... ผมกำลังจะพิมพ์ความเห็นส่วนตัวต่องานแปลเล่มหนึ่งที่กำลังมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์อยู่ และ "มิตรสหายหลายท่าน" ก็ข้องเกี่ยวกันกับฝ่ายที่ขัดแย้งกันทั้งคู่อยู่ ขอบอกกล่าวไว้ก่อนว่าจะตั้งใจทำตัวให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่ประสบการณ์ชีวิตจะอำนวยครับ***

ในมือผมมี "การเดินทางเที่ยวสุดท้ายของเรือปีศาจ" ของ ฯ มาเกซ ผู้เขียนหนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยวอยู่ หนังสือเล่มนี้เป็นรวมเรื่องสั้นที่แปลโดย แดนอรัญ แสงทอง นักเขียนและนักแปลผู้มากลวดลาย (เป็นหนึ่งในคนที่คอยยืนค้ำหัวไม่ให้ผมเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอยู่จนทุกวันนี้ ด้วยว่าถ้าเราเขียนไม่ได้ดีอย่างนั้นก็อย่าเขียนเสียดีกว่า) แดนอรัญเขียนไว้ในคำนำว่า...

"...ข้าพเจ้าแปลโดยไม่ได้ขอลิขสิทธิ์ กรุณาอย่าได้จ้างทนายความข้ามโลกมาฟ้องข้าพเจ้าและผู้จัดพิมพ์ หนังสือของท่านขายได้ไม่เท่าไหร่หรอกในประเทศของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ค่าจ้างแปลไม่กี่บาทหรอก ผู้จัดพิมพ์ หากเขาจะได้กำไร เขาก็ได้กำไรไม่กี่บาทหรอก (เกรงเสียแต่่ว่าจะเจ๊งมากกว่า)"

จากนั้นเขียนร่ายอีกหนึ่งย่อหน้าที่บอกเป็นนัยให้เรารู้ว่า "หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยวนั้นก็แปลกันอย่างไม่มีลิขสิทธิ์เช่นกัน ส่วนหนึ่งนั้นด้วยว่าติดต่อ ฯมาเกซ ไปอย่างไรเขาก็ไม่ติดต่อกลับ เลยจับมาแปลเสียดื้อ ๆ 

ทั้งหนึ่งร้อยปี ฯ และการเดินทางเที่ยวสุดท้าย ฯ นี้จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ สามัญชน นะครับ

เอาเป็นว่าถ้าประเทศเราไม่มีใครสามารถติดต่อ มาเกซได้ และไม่มีใครสามารถซื้อลิขสิทธิ์หนึ่งร้อยปี ฯ มาได้ และไม่มีใครแปลเพราะกลัวจะโดนนักเขียนนามอุโฆษฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ดีไม่ดีจะเป็นหลักล้านเอาได้ คนไทยที่ไม่สามารถอ่านวรรณกรรมต่างภาษาได้ก็คงเสียโอกาสนั้นไปอีกนาน (รอให้คนเขียนตายไปสักพักแล้วค่อยเอามาแปลได้อย่างถูกต้องนะครับ แต่คงนานกว่าชาตินี้เป็นแน่)

กระนั้นเมื่อเราไม่สามารถเสพรสวรรณกรรมภาษาต่างประเทศได้ การมีใครสักคนเสี่ยงภยันตรายทั้งปวงเพื่อแปลสารพัดหนังสือมาให้เราอ่านอย่างไม่ถูกลิขสิทธิ์นั้นทำให้เรารู้สึกขอบคุณและรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณอย่างล้นเหลือจริง ๆ - อันนี้พิมพ์จากใจจริง ๆ ไม่ได้ประชด (อย่างน้อยถ้าใครตั้งทนายมาฟ้องนี่หมดทางชนะแน่ ๆ)

สมมติว่าวันดีคืนดี มาเกซพาลูกเมียมาเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงันแล้วเห็นคนไทยถือ หนึ่งร้อยปี ฯ อ่านกันเต็มหาด แล้วมาเกซก็ไปจ้างทนายมาฟ้องสำนักพิมพ์ ก็เป็นภาระของสำนักพิมพ์ที่ต้องรัีบความเสี่ยงอันนี้ไป แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าถ้างานแปลชิ้นนั้นมันทำออกมาได้ดี คนอ่านอ่านแล้วเข้าถึง มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ดีไม่ว่าสำนักพิมพ์จะโดนฟ้องลิขสิทธิ์หรือไม่ แม้ว่าจะต่อให้ศาลตัดสินว่าผิด หากงานแปลมันมีคุณค่า มันก็ยังคงคุณค่าในตัวมันอยู่เสมอ ส่วนจะไปทำให้ถูกลิขสิทธิ์อย่างไรนั้นคงต้องเป็นภาระของสำนักพิมพ์เสียแล้ว

เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ไม่งั้นคืนนี้ไม่จบ.. เวลา 19.30 น. วันนี้ (24 สค. 56) หน้าเพจ bookvirus & filmvirus พิมพ์ข้อความว่า "ตามที่สำนักพิมพ์กำมะหยี่ ทักท้วงเรื่องลิขสิทธิ์ "ศรีนวลจัดหนัก" เราขอต่อความยาวสาวความยืดอย่างอหังการ์มหากาพย์ว่าเป็นจริงอย่างที่กล่าวหา" 

ทาง bookvirus ยอมรับว่าได้แปลเรื่องสั้นหลายเรื่องจากนักเขี่ยนหลายคนโดยการคัดสรรเอาเรื่องที่เห็นว่าเหมาะสมมาลง และมีการทักท้วงจาก สำนักพิมพ์กำมะหยี่เรื่องลิขสิทธิ์เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของนักเขียนที่กำมะหยี่ซื้อลิขสิทธิ์มา (ผมไม่แน่ใจว่าครอบคลุมถึงเรื่องที่ bookvirus แปลหรือไม่  เพราะ post ต้นฉบับไม่อยู่แล้ว)

เท่าที่อ่านแถลงการณ์ของ bookvirus ทั้งหมดนั้นผมเข้าใจและเห็นใจ bookvirus เป็นอย่างยิ่ง ผมเข้าใจว่าทางสำนักพิมพ์ทำงานแปลออกมาโดยจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มเล็ก แต่กระนั้นก็ยังมีหนังสือวางขายในตลาดทั่วไปอยู่ และเห็นใจว่าด้วยกลุ่มลูกค้าเล็ก ๆ นี้จะสนับสนุนสำนักพิมพ์(และงานภาพยนตร์)ให้อยู่ต่อไปได้ยาก แต่สิ่งที่ไม่เห็นในแถลงการณ์คือการขอโทษและการประนีประนอมหรือชดใช้ความเสียหายให้ทางกำมะหยี่

อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าการออกมายอมรับผิดนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย คุณค่าในงานแปลมันก็มีอยู่ในตัวเองตลอดมา จริง ๆ ผมอยากให้ยอมรับผิดและเจรจาค่าเสียหายให้เรียบร้อย คือมาทำให้มันถูกต้องแล้วก็จบ-หายกันไป ทุกคนทำธุรกิจกันอย่างถูกต้อง ขายหนังสือได้เงิน(ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร)ก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้เจ้าของสิทธิ์ ...นี่แทบจะทำให้ผมต้องย้ายไปพิมพ์ใน ipad เลยนะนั่น window ของผมก็ใช้ว่าจะลิขสิทธิ์เสียเมื่อไหร่ แต่ถึงกระนั้นมันก็คนละประเด็นกัน

***หมายเหตุ: ในแถลงการณ์ของ bookvirus พูดถึง "ธุรกรรมวาวแพร" ไว้ดังนี้

"บางทีการได้ถอนหนังสือออกจากตลาด ทำธุรกรรมวาวแพร คงเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญงานบรรณาธิการหลายคนปรารถนาจะเห็นในตอนนี้"

เรื่องนี้ไปค้นจาก google จะไม่ได้เรื่องอะไรนะครับ แต่เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นเรื่องของนักเขียนใหม่คนหนึ่งที่ใช้ชื่อจริงแต่งนิยาย แต่กลับไปเหมือนกับนามปากกาของนักเขียนดังคนหนึ่ง(ที่ไม่ได้ใช้นามปากกานี้เขียนหนังสือมาหลายปีแล้ว) ทำให้นักเขียนดังถึงกับต้องส่งข้อความไปยังสำนักพิมพ์ให้เก็บหนังสือออกจากตลาด และห้ามนักเขียนใหม่ใช้นามปากกานี้เขียนหนังสืออีกต่อไป เราเข้าใจดีว่าสำนักพิมพ์เล็กนั้นถ้าต้องทำแบบนี้ก็แทบถึงกาลล่มสลายกันเลยทีเดียว ทาง bookvirus คงอยากเปรียบเทียบให้เห็นว่าการถอนศรีนวลออกจากท้องตลาดอาจถึงกับทำให้ bookvirus มีอันเป็นไปอย่างสำนักพิมพ์เล็กโดนคำสั่งจากนักเขียนใหญ่นั่นเอง **ไป search จาก google โดยใช้คำว่า "นามแฝงโหล ๆ drama addict" ได้นะครับ

ประเด็นนี้หากได้ความกระจ่างจากกำมะหยี่จะเป็นการเริ่มต้นหาทางออกที่ดี ผมเองไม่อยากให้เก็บหนังสือออกจากตลาด (อันนี้ไม่ทราบว่าเป็นข้อเสนอของกำมะหยี่ หรือทาง bookvirus เขียนเปรียบเทียบเอาเอง) แต่ควรเริ่มต้นด้วยการเจรจาค่าลิขสิทธิ์ครับ 

หวังว่าจะได้ทางออกที่ดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายนะครับ

 

ต้นเรื่องจาก bookvirus

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=610260069018965&id=125068220871488#

โดยที่ Wiwat filmsick ในตำแหน่ง บก.เล่ม นำไป repost โดยไม่มีความเห็นเพิ่ม

เรื่องจากทางสำนักพิมพ์กำมะหยี่

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151545461496975&set=a.10151545470606975.1073741849.102174971974&type=1&comment_id=9581419&ref=notif&notif_t=like

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net