Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


การปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทางโซเชียลมีเดียในเวียดนามถึงขั้นรุนแรงแล้ววันนี้ คือมีการห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ห้ามให้ร้ายรัฐบาล ทำไมเวียดนามถึงมีวันนี้ได้

ทำไมประเทศที่ชาวโลกมองเห็นว่ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดและก้าวเข้าสู่เวทีนานาชาติ กลับดูกลายเป็นกำลังเดินสวนทางกับโลกสากล ทำไมประเทศที่ชาวไทยเกรงว่าจะก้าวล้ำไทยในทุกๆ ด้านนี้ กลับเลือกทางเดินเช่นนี้ ขอเล่าเงื่อนไขพื้นฐานบางประการในเวียดนามที่คนไทยไม่ค่อยใส่ใจนักให้รับทราบคร่าวๆ ดังนี้

(1) ก่อนหน้านี้นับปีกว่าแล้วที่มีข่าวคราวการจับกุมและลงโทษเว็บบล็อกเกอร์ในเวียดนามขั้นรุนแรงเป็นจำนวนมาก การวิจารณ์รัฐบาลมีหลายมิติ ทั้งเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผลประโยชน์ของนักการเมือง เรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เร่่ืองปัญหาความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ปัญหาเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ปัญหาที่ดินทำกิน และปัญหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรอย่างไม่สมดุลกับอุปทานต่ออสังหาริมทรัพย์ ในแง่นี้ การวิจารณ์รัฐบาลจึงพัวพันกับปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าประเทศอยู่ในขณะนี้

(2) ปัญหาเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจกังวลต่อการเปลี่ยนผ่านของเวียดนาม จากการเป็นประเทศสังคมนิยมเต็มรูป ไปสู่ประเทศเศรษฐกิจการตลาดในกำกับของรัฐอยู่ตลอดเวลา โครงสร้างการเงินของเวียดนามนั้นยังคงอยู่ในมือของรัฐอย่างเข้มแข็ง ธนาคารสัญชาติเวียดนามล้วนเป็นธนาคารของรัฐ นักวิเคราะห์ทางการเงินกังวลเสมอมาว่า การควบคุมบัญชีการให้กู้ของธนาคารเวียดนามจะเป็นอย่างไร หากการกู้เงินเป็นแบบอัฐยายซื้อขนมยายอยู่อย่างนี้

ในด้านการลงทุน ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติของเวียดนามในหลายปีที่ผ่านมานี้ทำให้กลายประเทศตื่นตะลึง แต่หากพิจารณาสักหน่อย จะพบว่ามาจากการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในหัตถอุสาหกรรม เนื่องจากค่าแรงราคาถูก และมาจากเงินกู้ต่างประเทศในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่

(3) ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในกรณีหมู่เกาะในทะเลแปซิฟิค ระหว่างประเทศจีนและหลายประเทศในแปซิฟิค รวมทั้งประเทศเวียดนาม ความกดดันต่อประเด็นนี้มิได้มาจากประเทศจีน แต่มาจากประชาชนของประเทศเวียดนามเอง ชาวเวียดนามรวมตัวกันในเมืองใหญ่ อย่างฮานอยและโฮจิมินห์ซิตี้ ต่อเนื่องกันตั้งแต่สองปีที่แล้วเพื่อวิจารณ์รัฐบาลเวียดนาม เพราะพวกเขามองว่ารัฐบาลเวียดนามอ่อนข้อต่ออำนาจครอบงำของจีน แม้รัฐบาลพยายามชี้แจงว่ารัฐบาลไม่ได้อ่อนข้อแต่อย่างใด แต่ประชาชนก็ยังรู้สึกว่ารัฐบาลยังไม่ได้แสดงท่าทีที่แข็งขัน ส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่ารัฐบาลต้องการง้อเงินลงทุนจากจีนที่เป็นแหล่งทุนใหญ่ให้เวียดนามในขณะนี้

ปัญหาคือ รัฐบาลเกรงว่าการชุมนุมนี้เปิดช่องให้มีการแทรกแซงจากพวกที่เรียกร้องประชาธิปไตยและการเมืองระบบหลายพรรคในเวียดนามและจากชาวเวียดนามในต่างประเทศ ผลก็คือ รัฐบาลจับกุมผู้ชุมนุมและผู้ระดมการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง และนี่ยิ่งกดดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมในนามของความรักชาติยิ่งถามหาประเด็นที่ใหญ่กว่านั้นมากขึ้น คือเรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน

(4) โครงสร้างการเมืองที่ตรวจสอบได้ยาก ทำให้ประชาชนกังวลสงสัยนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ ข่าวคราวการยักยอกในวงการบริหาร ข่าวการหาผลประโยชน์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ข่าวผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองระดับสูง สะพัดอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครตรวจสอบได้ชัดเจน หากแต่พลังประชาชนพยายามถกเถียง ตั้งคำถาม และนำไปสู่การวิจารณ์รวมทั้งขุดคุ้ยข้อมูลโยงในธุรกิจกับผลประโยชน์อันเนื่องมาจากการดำรงตำแหน่งสูงในทางการเมืองอย่าวต่อเนื่องในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา

(5) ปัญหาที่ทำกิน กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในเวียดนามปัจจุบัน หลังจากการปรับระบบการถือครองที่ดินให้ที่ดินซึ่งเดิมเป็นของสาธารณะทั้งหมด ให้กลายเป็นที่ดินเอกชนแทบทั้งหมดในปัจจุบัน นำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างชาวนากับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์-หัตถอุตสาหกรรม-ธุรกิจการท่องเที่ยว ปัจจุบันชาวนาขายที่ดินทำกินกันมากขึ้น แต่ที่ดินจำนวนมากถูกขายไปด้วยราคาที่ชาวนารู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เมื่อมีการทักท้วงจนกระทั่งเกิดการประท้วงขึ้น ภาพที่ออกมากลายเป็นว่า นักลงทุนต่างชาติได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจากนักลงทุนมักร่วมทุนกับรัฐในการลงทุนต่างๆ และเจ้าหน้าที่รัฐบางกรณีใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม จนกลายเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลกเมื่อปีกลาย

(6) สิทธิเสรีภาพด้านอื่น ในบางมิติ เวียดนามกำลังแสดงให้เห็นว่าตนเองกำลังพัฒนาการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เช่น การยอมให้มีการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องสิทธิการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน การสนับสนุนให้สร้างภาพยนตร์คนรักเพศเดียวกัน การให้สิทธิในการแสดงออกทางวัฒนธรรมอย่างการนับถือลัทธิบูชาเจ้าแม่ต่างๆ รวมทั้งการทรงเจ้าเข้าผี และการให้สิทธิกลุ่มชาติพันธุ์และร่วมรื้อฟื้นวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรมของชนกลุ่มน้อย แต่น่าแปลกใจที่รัฐบาลในขณะนี้มีนโยบายเรื่องสิทธิในการแสดงออกที่สวนทางกับสิทธิทางวัฒนธรรม

การก้าวสู่เวทีโลกของเวียดนามดำเนินไปอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง ปัจจุบันตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนตกอยู่กับชาวเวียดนาม ได้แต่หวังว่าประเทศและประชาชนที่เคยต้องทนทุกข์กับภาวะไร้สันติสุขมายาวนานจะร่วมกันแก้ปัญหาและก้าวไปอย่างมั่งคง เสมอภาค และเปี่ยมสันติธรรมต่อไป



เนื่องในวันชาติเวียดนาม 2 กันยายน 2013


(สมัคร รักสันติธรรม)
ผู้ปรารถนาดีต่อประเทศและประชาชนเวียดนาม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net