วันนี้ (ศุกร์ที่ 13.09.2013 เวลา 13:30 น. ณ บ้านพัก ซ.เชิงสะพาน ถ.โรงเหล้า สาย ก. ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี) เกิดเหตุไม่คาดคิดกับตัวผมเอง ทำให้ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อชาวบ้านและประชาชนที่เจอะเจอกับเหตุการณ์เสมือนกับที่ผมเจอในวันนี้
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจทางศาสนกิจ (ละหมาดวันศุกร์) หรือกลับจากการทำหน้าที่อ่อมน้อมถ่อมตน แสดงความเคารพภักดีต่อผู้สร้าง (โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และนบีมูฮำหมัดเป็นศาสนฑูตของพระองค์)
ผมบวกกับรถคู่ชีวิต 2 ล้อ มุ่งกลับสู่บ้านพักอย่างไม่รอช้า โดยหวังที่จะไปตระเตรียมคู่มือเอกสารการเรียนและปากกาด้ามหนึ่งเพื่อเข้าห้องเรียนสันติภาพ “หลักสูตรประกาศณียบัตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อสันติภาพ รุ่นที่ 1” ณ วิทยาลัยประชาชน (People’ College)
เพียงไม่กี่วินาที่ก็ถึงที่หมาย อาจจะด้วยระยะทางระหว่างมัสยิดกับบ้านพักผมอยู่ไม่ไกลมากนัก ทำให้ถึงด้วยเวลาเพียงครู่เดียว
ทันใดนั้นใจผมก็บังคับให้นิ้วมือกดหมายเลขโทรศัพท์หาภรรยาที่เคารพให้ช่วยลงมาเปิดประตูบ้าน แต่โทรไปกี่สายก็ไม่สามารถติดต่อได้ ผมเลยสั่งการให้ใจบังคับนิ้วมือทั้งห้านิ้วเคาะประตูบ้านพร้อมเรียกภรรยาแทนด้วยชื่อที่เราสองคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สักพักภรรยาผมก็ขานรับพร้อมกับเดินลงมาเปิดประตู
แต่ใช้เวลาเปิดประตูค่อนข้างที่จะช้านิดหนึ่ง เนื่องจากบ้านผมมักใช้กุญแจล็อกหลายชั้นพอสมควร
ช่วงจังหวะที่ทำให้ใจผมเต้นแรงผิดปกติก็มาถึง เมื่อแม่กุญแจอันสุดท้ายถูกไขออกพร้อมกับประตูบ้านถูกแง้มเปิด โดยมีภรรยาผมยืนยิ้มสง่างามอยู่หน้าประตูขาว รถดำสี่ประตู Mitsubishi Triton ป้ายทะเบียน (กค 1204 ปัตตานี) ก็จอดนิ่งหน้ารั้วประตูบ้านเพียงไม่กี่วินาที ภารกิจลับชายฉกรรจ์ 4 นาย สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ 2 นาย สีเปลือกไข่ 1 นาย พร้อมสร้อยพระห้อยคอ กับอีก 1 นาย สวมเสื้อคอปกขาวทับด้วยเสื้อยีน ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะเป็นหัวหน้าฝูง เดินลงมาจากรถมุ่งสู่ประตูบ้านผมอย่างเร่งรีบ ผมไม่ทันที่จะปิดประตูก็มีหนึ่งในสี่คนดึงประตูและผลักประตูเหล็กอีกชั้นหนึ่งออก พร้อมก้าวเท้าเข้ามาในบ้านผมโดยที่เราสองคนไม่ทันตั้งตัว ภรรยาผมตกใจวิ่งหลบหลังม่านประตูบ้าน เวลานั้นเองชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวก็ก้าวเท้าถอยออกจากบ้าน (เขาอาจจะตกใจที่เห็นคนวิ่งหลบแว็บๆ)
หนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า
“นั้นใคร ?” โดยอีก 3 คนที่เหลือยืนจับเอวเสมือนกับจับอาวุธปืนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อ ด้วยสีหน้าที่เข้มงวด
ผม : ภรรยาผมเองครับ !
ชายฉกรรจ์ : แล้วหลบหนีทำไม ?
ผม : ออ...เขาไม่ทันใส่ผ้าคลุมครับ !
ชายฉกรรจ์ : อยู่ที่นี่หรอ ?
ผม : ครับ !
ชายฉกรรจ์ : แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรอ ?
ผม : …..ยืน งง นิ่ง (เงียบ)...
ชายฉกรรจ์ : ทำงานอะไร ?
ผม : นักข่าวครับ !
ด้วยประโยคถามตอบเพียงไม่กี่ประโยคพวกเขาก็เดินกลับขึ้นรถคันเดิม ผมยืนงงนิ่งอยู่สักพักเพื่อทบทวนและตั้งสติว่า “เขาเป็นใคร ? มาทำไม ? จะเอาอะไร ? แล้วเราควรทำอะไรต่อไป ?” เลยตัดสินใจโทรแจ้งเพื่อนนักข่าวถึงสิ่งที่ผมพอเจอเมื่อสักครู่และปิดประตูบ้านอย่างช้าๆ
วางสายจากหูโทรศัพท์ผมก็แง้มดูทางหน้าต่างเพื่อให้มั่นใจว่ารถคันดังกล่าวยังอยู่อีกหรือไม่ มองซ้าย มองขวา ไม่เห็นมีแม้แต่เงา สักพักเพื่อนผมก็มาถึงเลยตัดสินใจเปิดประตูบ้านพร้อมเดินออกไปคุยกับเพื่อนสักครู่หันไปทางขวามือเห็นรถคันดังกล่าวจอดหลบอยู่โดยมีชายฉกรรจ์กลุ่มเดิมหนึ่งในจำนวนนั้นยืนมองผมและเพื่อนด้วยสายตาที่ดุดันข้างหลังรถกระบะคันดังกล่าว พร้อมเดินขึ้นรถและขับออกไป
“อัลฮัมดุลิลลาฮฺ” ...เป็นคำกล่าวคำแรกที่ออกมาในใจผมหลังจากกลุ่มมัจจุราชเหล่านั้นขับรถออกไป
..........
ผมกลับมานั่งคิดแล้วคิดอีก ลองทบทวนดูแล้วดูอีกว่าที่ผ่านมาผมมีใครเป็นศัตรูบ้าง ผมเป็นนักข่าว ผมเขียนข่าวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อหวังที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อหวังที่จะช่วยถ่ายทอดข้อเท็จจริงที่ช่องสื่อกระแสหลักไม่สามารถเข้าถึงได้ ผมทำงานอย่างนี้แล้วจะให้คิดว่าใครน่าจะเป็นศัตรูผม ? แต่สังเกตจากลักษณะการแต่งกาย ท่าทาง และการพูดคุยแล้วมันเหมือนกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบน่ะ
..........
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
ขอบคุณผู้สร้าง ที่ปกป้องและมอบความปลอดภัยให้กับผม ภรรยา และลูก
ขอบคุณอัลลอฮฺ ที่มอบลมหายใจให้เราได้หายใจเข้าและหายใจออกเพิ่มอีก 1 วินาที่ / 1 นาที / 1 ชั่วโมง / และอีก 1 วัน ขอบคุณ ขอบคุณ / Jazakallah Khairan / Terima Kasih
........
“หลังจากนี้ผมคงไม่กล้านอนบ้านอีกหลายคืน..”
อิสมาอีล ฮายีแวจิ
บรรณาธิการ สำนักสื่อ Wartani
[02:27 น. 14.09.2013]
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)