Skip to main content
sharethis

“เสียงจากผู้หญิงชายแดนใต้ We Voice ตามหาสันติภาพ” รายการวิทยุเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคม อีกหนึ่งผู้ขับเคลื่อนด้านการสื่อสารที่ผู้หญิง (ผู้สูญเสีย) ทำเองทุกอย่าง ย้ำ“การนิ่งเฉยคือการยอมจำนนต่อความรุนแรง”

อัสรา รัฐการัณย์

นางอัสรา รัฐการัณย์ นักจัดรายการวิทยุ หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนการทำงานด้านการสื่อสารในรายการวิทยุเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมจังหวัดชายแดนใต้ ที่ผลิตรายการวิทยุเน้นการขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพในมุมของกลุ่มผู้หญิงท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้หญิงต้องเป็นเหยื่อและต้องการการช่วยเหลือเยียวยา

อัสรา ระบุว่า เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมชายแดนใต้มีการผลิตรายการออกอากาศทางวิทยุทุกปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้เป็นการออกอากาศช่วงที่ 2 โดยเครือข่ายผู้หญิงฯจะผลิตรายการวิทยุเป็นตอนๆ แล้วจัดส่งไปออกอากาศทางสถานีวิทยุในเครือข่าย

อัสราระบุว่า ขณะนี้มีสถานีวิทยุในเครือข่ายทั้งหมด 13 สถานี ส่วนใหญ่เป็นวิทยุชุมชน

“ตอนนี้เราผลิตรายการวิทยุชื่อ “เสียงจากผู้หญิงชายแดนใต้ We Voice ตามหาสันติภาพ” มีทั้งหมด 20 ตอน ที่เราออกอากาศทางสถานีเครือข่าย และเรายังออกอากาศผ่านเว็บไซต์ด้วย เพื่อให้คนนอกพื้นที่ได้รับฟัง”

สำหรับเป้าหมายคนฟังก็คือเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจ

 

สันติภาพต้องมาจากคนในและนอกพื้นที่

อัสรา บอกว่า เหตุใช้ชื่อรายการ “เสียงจากผู้หญิงชายแดนใต้ We Voice ตามหาสันติภาพ” เนื่องจากทุกวันนี้คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้กำลังเรียกร้องถึงสันติภาพ และมีกระบวนการพูดคุยสันติภาพเกิดขึ้นแล้ว หากแต่สันติภาพจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องใช้ระยะเวลา เป็นกระบวนการที่กินเวลาพอสมควร

“เราจึงอยากให้เห็นว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ที่จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพ”

 

คือผู้สูญเสียที่ส่งเสียงผ่านสื่อเพื่อสันติภาพ

อัสรา ระบุว่า ขณะนี้ในเครือข่ายผู้หญิงฯมีผู้ร่วมจัดรายการประมาณ 30 คน ทั้งจากเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเองและจากผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ก้าวข้ามความเจ็บปวดมาแล้ว

“เราชวนคนเหล่านี้ลุกขึ้นมาสื่อสารและส่งเสียงผ่านสื่อวิทยุ ให้เขามาเป็นส่วนหนึ่งของความต้องการในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดสันติภาพ”

 

เนื้อหามุ่งเน้นช่วยเหลือประชาชน

อัสรา บอกว่า เนื้อหาในการนำเสนอขึ้นอยู่กับแต่ละตอน ซึ่งมีหลากหลายตามสถานการณ์ แต่ที่เน้นคือการช่วยเหลือเยียวยาผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รุนแรงทุกเรื่อง ทุกแง่มุม เช่น ความขัดแย้งเกี่ยวกับทรัพยากรในพื้นที่ ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยพุทธ –มุสลิม ผลกระทบที่เกิดจากภาครัฐ เรื่องสื่อทางเลือก เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนในพื้นที่

 

ผู้หญิงทำรายการเอง ผลิตเองทุกขั้นตอน

อัสรา เล่าว่า ในการผลิตรายการวิทยุ มีทั้งการสัมภาษณ์และการรายงานสถานการณ์ต่างๆ เช่น เวทีการเสวนาของเครือข่ายผู้หญิง หรือการถ่ายทอดบันทึกเสียงตามเวทีสมัชชาต่างๆ มีการสัมภาษณ์ทั้งคนไทยพุทธและมุสลิมที่จะนำมาผลิตรายการ เป็นต้น

“เราไม่เน้นการทำรายการสด แต่จะเก็บเสียงสัมภาษณ์ตามเวทีต่างๆ มาผลิตเป็นรายการวิทยุ ทั้งนี้การสัมภาษณ์และการบันทึกเสียงจะเน้นความหลากหลายครอบคลุมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสันติภาพ”

“ส่วนกระบวนการผลิตและการตัดต่อทางเทคนิคเราทำเองทั้งหมด กระบวนการทำงานเป็นการทำงานของกลุ่มผู้หญิงทุกขั้นตอน”


สื่อสาร 2 ภาษา ไทย – มลายู

อัสรา บอกว่า เสียงตอบรับจากผู้ฟังดีมาก เนื่องจากมีการจัดรายการทั้งภาษาไทยและภาษามลายูท้องถิ่นในการสื่อสาร แต่รายการที่ออกอากาศที่ผ่านมาเป็นรายการภาษามลายูทั้งหมด 47 ตอน เพราะเป็นภาษาที่คนในพื้นที่สื่อสารกันอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ผู้จัดรายการที่เป็นภาคภาษามลายูหลายคนจึงได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำงานแบบเข้าถึงและเจาะลึกประเด็นได้ดี

 

มุมมองต่อสันติภาพ การนิ่งเฉยคือยอมจำนนต่อความรุนแรง

อัสรา บอกว่า สันติภาพในมุมมองส่วนตัว คือคนในทุกคนต้องลุกขึ้นมาพูดแนวทางสันติภาพที่ตนเองต้องการ หากทุกคนยังนิ่งเฉยด้วยความชินชากับเสียงปืนและเสียงระเบิด ก็คือ การยอมจำนนต่อเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้น

“ในความเป็นจริง พลังการสนับสนุนจากคนนอกพื้นที่ก็มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพ เราต้องการให้คนนอกมองคนในพื้นที่อย่างเข้าใจ และใจกว้างในการส่งพลังให้เราก็เพียงพอแล้ว”

อัสราทิ้งท้ายว่า การทำงานของสื่อมวลชนก็เช่นกัน โดยเฉพาะสื่อในท้องถิ่น สื่อชุมชนต้องช่วยกันนำเสนอข่าวของคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมที่อยู่ท่ามกลางปัญหาด้วย อย่านำเสนอเพียงประเด็นความรุนแรง การบาดเจ็บล้มตาย เพราะไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเลย

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net