กลุ่มรักษ์คอนสาร ชุมนุมยืดเยื้อ ร้องอธิบดีกรมโรงงานฯ สั่งยกเลิกให้อนุญาตประกอบกิจการโรงงานยางพาราอัดแท่งในพื้นที่ พร้อมทวงสัญญาผู้ว่าฯ ทำประชาคมเอา-ไม่เอาโรงาน แต่ไร้คนเหลียวแล ประกาศทำประชาคม 31 หมู่บ้าน รัศมี 5 กม.ด้วยตนเอง

 

 

 

วันนี้ (14 ต.ค.56) ชาวบ้านคอนสารในนามกลุ่มรักษ์คอนสารหลายร้อยคนรวมตัว ณ ที่ว่าการอำเภอคอนสาร จ.ชัยภูมิ ชุมนุมเรียกร้องให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีคำสั่งยกเลิกการให้อนุญาตประกอบกิจการโรงงานยางพาราอัดแท่งในพื้นที่ พร้อมทวงสัญญาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการทำประชาคมว่าจะให้ก่อสร้างโรงงานดังกล่าวหรือไม่

 

จากกรณีการคัดค้านโรงงานผลิตยางพาราอัดแท่งรมควันขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 12,000 ตันต่อเดือน ที่บริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรีจำกัด (มหาชน) ทำหนังสือขออนุญาตตั้งโรงงานประกอบกิจการบนเนื้อที่กว่า 290 ไร่ บริเวณบ้านหินรอยเมย หมู่ที่ 8 ต.ดงบัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.56 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจะมีการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียและบ่อน้ำ

 

นายปราโมทย์ ผลภิญโญ ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวว่า ชาวบ้านกลุ่มรักษ์คอนสารได้ทำการยื่นหนังสือและร่วมเจราจากรณีการก่อสร้างโครงการดังกล่าวหลายครั้ง และจากการเจรจาเมื่อวันที่ 30 ก.ย.56 รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิในฐานะตัวแทนผู้ว่าฯ กำหนดให้มีจัดทำประชาคมหมู่บ้านในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการระยะ 5 กิโลเมตร ภายใน 10 วันหลังการเจรจา รวมทั้งให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมระดับจังหวัด แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น

 

อีกทั้งยังพบว่า ข้อเรียกร้องให้ทบทวนมติที่อนุญาตให้ก่อสร้างโรงงานยางพาราดังกล่าวถูกเพิกเฉยจากหน่วยงานรัฐในระดับอำเภอและจังหวัด โดยพบว่าอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิได้สรุปความเห็นเสนอต่ออธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว

 

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ในวันนี้ชาวคอนสารมารวมตัวกันคัดค้านโรงงานยางพาราดังกล่าวและเร่งรัดให้ให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีคำสั่งยกเลิกการให้อนุญาตประกอบการโรงงานยางพาราดังกล่าวโดยเด็ดขาด เนื่องจากความกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งต้องการให้กระบวนการเพื่อพิจารณาการก่อสร้างโรงงานมีความครบถ้วนรอบด้านมากขึ้น

 

นายปราโมทย์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ตัวแทนชาวบ้านส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกครั้ง เพื่อให้มีคำสั่งยกเลิกการให้อนุญาตประกอบการโรงงานยางพาราดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย ส่วนชาวบ้านที่รวมตัวกันอยู่ก็พร้อมปักหลักชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะได้รับคำตอบ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่าย มีเพียงนายวัฒนาศักดิ์ แสนสุข ปลัดอำเภอคอนสาร ออกมารับหนังสือจากผู้ชุมนุม โดยอ้างว่านายอำเภอติดภารกิจอยู่กับ นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ภายหลังจากตัวแทนกลุ่มรักษ์คอนสารประสานไปยัง นายเจริญและนายอำเภอคอนสาร กลับได้รับคำตอบว่าไม่มีเวลาที่จะมาพบกับผู้ชุมนุม

 

ดังนั้น ทางกลุ่มรักษ์คอนสารจึงตัดสินใจประกาศจัดทำประชาคมหมู่บ้านกันเอง ในหมู่บ้านที่มีพื้นที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรที่จะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโรงงานยางพารา รวม 31 หมู่บ้าน โดยใช้เวทีชุมนุมบริเวณที่ว่าการอำเภอคอนสารจะทำหน้าที่เป็นกองอำนายการเพื่อรวบรวมผลการประชาคม ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 58, 66 และ 67

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา มีหมายศาล จากศาลจังหวัดภูเขียวส่งถึงแกนนำกลุ่ม รักษ์คอนสาร ระบุว่า นายศราวุฒิ ทวันเวทย์ ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายที่ดิน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท โดยมีสมาชิกกลุ่มรักษ์คอนสาร จำนวน 4 คน เป็นจำเลยที่ 1 – 4 ได้แก่ นายวิเชษฐ อุสันเทียะ นายปราโมทย์ ผลภิญโญ นางอรนุช ผลภิญโญ และนางฉลอง ประสงค์ศิลป์ ตามลำดับ

 

ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวน-มูลฟ้อง ในวันที่ 4 พ.ย.56 นี้ ที่ศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

 

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ตามหมายศาล ผู้ฟ้องคดีระบุว่าเขาและแกนชาวบ้านรวม 4 คน ได้พูดให้ร้าย ดูถูก หมิ่นประมาท ก่อให้เกิดความเกลียดชังต่อตัวผู้ฟ้องให้แก่ชาวบ้านอำเภอคอนสาร เช่น ซื้อที่ดินมาถูกๆ แล้วขายแพง โรงงานนำมาซึ่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ช่วง 1 ก.ย.-8 ต.ค.ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นเวลาใด ซึ่งในขณะนั้นทางกลุ่มได้ทำกิจกรรมรณรงค์คัดค้าน เพราะวิตกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการก่อสร้างเนื่องจากมีบทเรียนจากกรณีอื่นๆ ในพื้นที่ต่างๆ มาแล้ว

 

นายปราโมทย์ กล่าวยืนยันด้วยว่า กลุ่มชาวบ้านไม่ได้คัดค้านโรงงานยางพารา เนื่องจากในพื้นที่ก็มีเกษตรกรชาวสวนยางอยู่ แต่คัดค้านเพราะความไม่เหมาะสมของสภาพพื้นที่ซึ่งเป็นที่เนินและอยู่ใกล้แหล่งชุมชน อีกทั้งไม่ได้กล่าวร้ายถึงตัวบุคคล แต่พูดเรื่องที่เป็นประโยชน์ของสาธารณะ