ทำไมญี่ปุ่นจึงเลือก 'โดราเอมอน' เป็นทูตพิเศษประจำการแข่งขันโอลิมปิก 2020

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
 
โดราเอมอน หรือ โดเรมอน ที่ออกมาโลดแล่นสู่จอแก้ว นับได้ว่าเป็นตัวการ์ตูนที่จะพูดไป คือ เจ้าแมวอ้วนท้วม มากด้วยของวิเศษ ในแง่มุมของเด็ก ณ ตอนนั้น คือ โดเรมอน มีความเก่ง ความเก่งนั่นก็คือ ความคิด ไม่ใช่เพียงเจ้าแมวที่ชอบทานแป้งทอด และไม่ได้สร้างประโยชน์กับผู้ใด ผู้เขียนชอบดู โดเรมอนตั้งแต่เด็ก เทียบเท่ากับ โคนัน เจ้าหนูยอดนักสืบ ไม่ใช่เพราะความสนุก แต่การชมสองเรื่องนี้มักจะให้ความหมายในเชิง “ความคิด” เสียมากกว่า
 
 
แม่เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลานสาว คนหนึ่งไปสอบสัมภาษณ์ อาจารย์ที่สัมภาษณ์มีคำถามทดลองนักศึกษาคนนั้นว่า หากให้เธอเลือก เธออยากเป็นอะไร ระหว่างโดเรมอนและซุปเปอร์แมน? ด้วยมโนความคิดและภาพลักษณ์ของซุปเปอร์แมนในภารกิจช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยกว่า ซุปเปอร์แมนจึงเป็นคำตอบที่สร้างความประทับใจให้กับกรรมการ ภาพลักษณ์ของซุปเปอร์แมนที่มาดเข้ม หล่อเท่ สามารถโจนทะยาน หมายถึงความเป็นสาธารณะที่ปราดเปรี้ยว แต่หากมองตามสภาพความเป็นจริงแล้ว สังคมกำลังรอให้มีคนอย่างซุปเปอร์แมนที่จะช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากเพียงคนเดียวหรือ ภาพของซุปเปอร์แมนจึงเป็นภาพอุดมคติ ที่น้อยนักจะเจอคนเช่นนี้ เพราะซุปเปอร์แมนเองก็คงต้องเหนื่อยที่จะช่วยเหลือคนกว่า 60 กว่าล้านคน (เฉพาะประเทศไทย)
 
ฉะนั้นภาพลักษณ์ของตัวการ์ตูนโดเรมอนจึงถูกมองว่าเป็นตัวการ์ตูนที่สร้างความสนุกให้กับเด็กๆ และผู้ปกครองสามารถดึงตัวการ์ตูนมาสอนลูกในด้านของ “ความรับผิดชอบ” โดยจะเห็นว่า โดเรมอนมักจะใช้ความคิด และมักเตือนสติเสียเป็นส่วนใหญ่ กับการใช้เทคโนโลยีหรือสิ่งประดิษฐ์ แต่จุดที่ผู้ชมโดเรมอนอาจมองว่าไร้สาระเพราะสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถย้อนเวลาในอดีตและอนาคตนั้นกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง แต่ความไร้สาระนี้ ไม่ได้ไร้สาระเลย หากไตร่ตรองดูแล้ว โดเรมอนเป็นตัวการ์ตูนที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยหากเมื่อคุณมีปัญหา คุณสามารถเรียกใช้โดเรมอนได้ทันทีและนั่นคือการแทนภาพของคนญี่ปุ่น คนที่ไวต่อการมองอนาคตในเรื่องของนวัตกรรม
 
ญี่ปุ่นสามารถฟื้นฟูประเทศหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง อดีต (Past time) หรือประวัติศาสตร์ชาติตรงนี้ต่างหากที่ญี่ปุ่นจดจำและเอามาเตือนสติ การตกอยู่ในสถานะของผู้แพ้สงครามและพบกับความสูญเสียจนทุลักทุเล กลายเป็นภาพที่แสดงว่า การอยู่กับปัจจุบันและการมองอนาคตที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์อดีตที่ตัวเองเผชิญ สงครามจึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ญี่ปุ่นจะไม่หันกลับไปอีก แต่เน้นการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งสร้างมูลค่ามหาศาลแทน ความคิดของคนญี่ปุ่นดูเหนือกว่า และเป็นไปได้ เห็นได้จากการคิดค้นหุ่นยนต์เพื่อมาช่วยเหลือคนภายในประเทศ สังคมญี่ปุ่นจึงเป็นสังคมที่สอนให้รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองคิด
 
แต่โดเรมอนไม่ได้หยิบเอาเทคโนโลยีหรือเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อมาช่วยเหลือเด็กเท่านั้น การ์ตูนยังสะท้อนให้เห็นว่า การสอนวิธีการใช้เครื่องมือเหล่านั้นและเตือนสติผู้ใช้ว่าหากใช้เกินกำลังจะส่งผลอย่างไร ซึ่งผู้เล่นมิซซูโอะมักจะไม่ค่อยคำนึงนัก เพราะสุดท้ายคนที่พึ่งพาเทคโนโลยีกว่าทั่วโลกก็คงจะมาลงความรับผิดชอบที่โดเรมอน หากกล่าวในเชิงนี้จะเป็นการมองโดเรมอนในฐานะของผู้ช่วยเหลือทางด้านความคิด เตือนสติกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
 
 
แต่โดเรมอนตัวเดิม กลับถูกนำมาคิดใหม่ เมื่อญี่ปุ่นได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬาโอลิปปิก ทั้งนี้ น้อยครั้งมากที่ผู้เขียนจะเกาะติดสถานการณ์โอลิมปิก โอลิมปิกจึงไม่ใช่เพียงแค่การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมหรือสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้านกีฬา แต่ทุกปีจะมีการเลือกมาสคอต (mascot) หรือทูตพิเศษประจำการแข่งขันโอลิมปิก นอกจากนี้แล้วประเทศเจ้าภาพต้องการนำเสนอ รูปลักษณ์ของประเทศผู้ซึ่งเป็นเจ้าภาพด้วย นี่เป็นโอกาสหนึ่งที่หลายประเทศต่างช่วงชิง เพราะไม่เพียงแต่การเป็นเจ้าภาพแข่งขันโอลิมปิกจะนำมาซึ่งการกระชับแน่นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว เหตุผลเรื่องเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะมีการจับจ่ายใช้สอยและอาจจะเกิดการลงทุนใหม่เพื่อต้อนรับการเป็นพื้นที่โอลิมปิก
 
ดังนั้นคำถามที่ว่า ทำไมญี่ปุ่นจึงเลือกโดราเอมอน ซึ่งต่างจากหลายประเทศก่อนหน้าที่มักจะสรรหาสัตว์ซึ่งมีอยู่จริงตามธรรมชาติประจำชาตินั้นๆ มาเป็นทูตเชิงสัญลักษณ์ สื่อต่างๆ ต่างมองว่าเพราะโอดาเอมอนเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิต แต่หากวิเคราะห์ในภาพรวมแล้วจะพบว่า โดราเอมอนมีความหมายที่มากกว่าการเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิต ที่เด็กก็ดูได้ ผู้ใหญ่ก็ดูดี หลักๆ 3 ประการดังนี้
 
หนึ่ง โดราเอมอน คือสิ่งที่สะท้อนถึงความสำเร็จของญี่ปุ่นในการพลิกฟื้นประเทศด้านเทคโนโลยี โดเรมอนจึงเป็นสัตว์สมมติที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี อันเป็นภาพลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น
 
สอง สิ่งที่สะท้อนว่าญี่ปุ่นคือประเทศเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปสักเพียงใด ญี่ปุ่นจะผลิตเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าได้เสมอ เสมือนกับความสามารถในการมองอนาคต ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์ แม้จะมีหลายประเทศที่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีได้แล้วก็ตาม แต่ความก้าวหน้าและความน่าค้นหาของญี่ปุ่นจึงเกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้นเจ้าแมวแป้งทอดตัวนี้จึงไม่ธรรมดา
 
สาม ที่ผ่านมาญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาสึนามิ จนกระทั่งบ้านเรือนย่อยยับ ต้องสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเยียวยาและก่อสร้างอาคารที่พักให้กับประชาชนของตัวเอง อีกทั้งยังกลายเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงทั้งภัยธรรมชาติและพื้นที่เสี่ยงจากสารกัมมันตภาพรังสีที่แฝงฝัง นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้าไปลงทุนนัก การให้โดราเอมอนซึ่งมีภาพลักษณ์ของความน่ารักเพื่อมาดึงความสนใจและเป็นจุดขายก่อให้เกิดแรงกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้น
 
ด้วยเหตุนี้ หากนับเวลาโอลิมปิกที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่า โดราเอมอนสมมตินี้จะพากองทัพนักกีฬาและกองทัพสื่อที่จับจ้องค้นพบสิ่งใดบ้างในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นกำลังคิดค้น ประดิษฐ์สร้างนวัตกรรมใดเพื่อต้อนรับบรรดาผู้นำประเทศ คงต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท