Skip to main content
sharethis

ผู้ชุมนุมมาตามนัด - ขยายเวทีเพิ่มถึงสนามหลวง 'สุเทพ เทือกสุบรรณ' อัดรัฐบาลปฏิเสธอำนาจศาล รธน. เท่ากับปฏิเสธรัฐธรรมนูญถือเป็นรัฐบาลที่โมฆะ และจะขอสู้เพื่อให้ลูกหลานมีชีวิตอยู่อย่างเสรีชนไม่ใช่เบี้ยล่างทรราชย์ ประกาศเคลื่อนขบวนเยี่ยมหน่วยราชการ-ทีวี 13 แห่ง และการต่อสู้จะจบภายใน 3 วัน

สุเทพ เทือกสุบรรณ ทักทายผู้สนับสนุนบนเวทีโค่นล้มระบอบทักษิณ  ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ที่มาของภาพ เพจสุเทพ เทือกสุบรรณ

การปราศรัยของสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย. (ที่มา: Blue Sky Channel)

 

ในการชุมนุมโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ซึ่งมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24 พ.ย. นั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีการขยายพื้นที่ชุมนุมไปตั้งเวทีที่สี่แยกคอกวัว และสนามหลวง นอกจากนี้เมื่อวันที่ 23 พ.ย. กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง (คปท.) ก็ประกาศร่วมเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพกับผู้ชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 

ประกาศตามหา 'สรยุทธ' ให้ช่อง 3 ขึ้น ฮ. รายงานข่าว

สำหรับบรรยากาศการปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น ช่วงหัวค่ำเมื่อเวลา 19.00 น. โฆษกบนเวทีได้ประกาศตามหาสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่า ควายหายตัวเดียวยังเอาเฮลิคอปเตอร์ตามได้ โดยเรียกร้องขอให้ผู้สื่อข่าวช่อง 3 และสรยุทธใช้เฮลิคอปเตอร์มาถ่ายทำการชุมนุมที่ ถ.ราชดำเนินบ้าง

ต่อมา เวลา 19.10 น. พาเมล่า บุนนาค ได้ขึ้นปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่าผู้ชุมนุมไม่ได้มาเพราะถูกกะเกณฑ์ แต่มาจากทุกสาขาอาชีพ และเตือนให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รีบเดินทางออกจากประเทศ และกล่าวว่าทักษิณไม่ใช่คนไทยแล้วเป็นคนมอนเตรนิโกร และปัจจุบันทักษิณมีเงินมากพอ น่าจะพาคนเสื้อแดงไปอยู่มอนเตรนิโกรไปพัฒนามอนเตรนิโกร และไปประธานาธิบดีของมอนเตรนิโกร ส่วนประชาชนไทยยินดีจะอยู่ที่ประเทศไทยอย่างผาสุก และกรุณาปล่อยให้พวกเราอยู่ตามลำพัง

 

'สุเทพ' วอนผู้ชุมนุมอย่าล้อมรถถ่ายทอดสด เพราะพรุ่งนี้ก็จะไปเยี่ยมอยู่แล้ว

เวลา 19.12 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำการชุมนุม ขอขึ้นปราศรัยเพื่อชี้แจงหลังเกิดเหตุล้อมรถถ่ายทอดสดของช่อง 3 และช่อง 7 ที่แยกคอกวัว โดยเขาปราศรัยว่า มีเรื่องด่วนจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องทั้งหลาย ขอความร่วมมือจากพี่น้องที่มาชุมนุม กราบขอความกรุณาจากพี่น้อง และชี้แจงว่า "ได้มีพี่น้องเราไม่พอใจที่ทีวีช่องต่างๆ รายงานข่าวการต่อสู้ของพวกเราอย่างไม่เป็นธรรม พี่น้องเราไม่พอใจ ผมต้องเรียนกับพี่น้อง ผมเองก็ไม่พอใจ แต่พี่น้องที่รักทั้งหลายเราได้ตกลงแต่แรกแล้วว่าการต่อสู้ของเราครั้งนี้ เราจะสู้แบบคนดี พลเมืองดี เพราะฉะนั้นต้องยึดหลักการนี้ ผมจึงต้องขอความกรุณา ขอความร่วมมือจากพี่น้องทั้งหลาย เก็บความไม่พอใจเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อนเดินไปเยี่ยมเขาที่สถานี"

"วันนี้ให้โอกาสเขาอีกครั้ง ให้เขาทำหน้าที่ของเขา อย่าไล่พวกเขาออกไป ผมขอแค่นี้ พี่น้องให้ได้ไหมครับ ไล่รถถ่ายทอดสดช่อง 3 ไปคันหนึ่งแล้ว ผมขึ้นมาไม่ทัน แต่นี่กำลังจะไล่ช่อง 7 อีก ผมขอบิณฑบาตก็แล้วกัน ขอให้พี่น้องล้อมรถถ่ายทอดสดของช่อง 7 กรุณารับคำขอร้อง แล้วปล่อยให้เขาทำงานต่อไปคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปคุยกับเขา"

 

วสิษฐ เดชกุญชร เชื่อเมื่อยกระดับการชุมนุม จะเห็นความร่วมมือจาก ปชช. กทม. ต่างจังหวัด

ต่อมาเวลา 19.20 น. พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ได้ขึ้นเวทีปราศรัย พี่น้องคนไทยผู้ห่วง ผู้หวนแหนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งหลาย ตั้งใจว่าเป็น 1 ในล้านให้ได้ ออกจากบ้านที่ฝั่งธนเมื่อบ่ายสี่โมง ทุ่มหนึ่งเพิ่งมาถึงนี่ ตอนจะออกพ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้

วสิษฐปราศรัยว่า การชุมนุมยกระดับมาเรื่อยๆ เมื่อแรกทีเดียวเราชุมนุมเพื่อคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ทำให้อาชญากรตัวใหญ่ตัวเล็กพ้นความผิดหมด บัดนี้วัตถุประสงค์การชุมนุมเปลี่ยนไป เราคัดค้านกฎหมายฉบับนั้นอยู่ และเราคัดค้านบุคคลที่ผลักดันกฎหมายฉบับนั้น และกฎหมายฉบับอื่นนั่นคือ รัฐธรรมนูญของเรา ท่านจะเห็นแล้วว่าพรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รวมหัวกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อำนาจ ให้ประโยชน์แก่ตัวเองให้มากยิ่งขึ้น เป็นการแก้ไขที่ไม่ต่างอะไรจากการลักหลับ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อ 20 พ.ย. ที่ผ่านมานี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แทนที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะฟังคำวินิจฉัยนั้นแล้วปฏิบัติตาม กลับแข็งข้อ เรากำลังชุมนุมแบบอารยะขัดขืน แต่การกระทำของเพื่อไทย รัฐบาล เป็นการต่อต้านแบบอนารยะขัดขืน ก็มีสภาพเหมือนกลุ่มโจรเท่านั้นเอง และไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องเชื่อถือทั้งพรรคและรัฐบาลต่อไปอีก

เราได้ตกลงยึดมั่นกันแล้วในการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ อหิงสา แบบที่คุณสุเทพ พูดแล้วพูดอีก เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราจะใช้กำลังรุนแรง จำนวนกว่าล้านคน เพียงพอที่จะทำให้เสียงต่อต้านสงบ พรุ่งนี้ เมื่อได้ยกระดับการชุมนุมไปอีกแบบหนึ่งแล้ว จะได้เห็นความร่วมมือของพี่น้องในกรุงเทพ และต่างจังหวัดมากขึ้นๆ โดยหวังว่าอุปสรรคจะมีอยู่น้อย และเห็นข้าราชการร่วมมือร่วมใจมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลยังอยู่ ถึงทักษิณยังอยู่ ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ แต่ก็จะมีสภาพเหมือนศพที่คอยในหีบ เพื่อรอฌาปนกิจ

 

สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ความบกพร่องของ 14 ตุลา คือจัดการทหารไปแล้ว แต่ยังเหลือระบอบทักษิณ

ต่อมา สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย (ศนท.) อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 มีมวลชนนับแสนมาลุกขึ้นสู้เผด็จการทหาร เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวันนี้วันที่ 24 พ.ย. 2556 เป็นวันที่ประชาชนทั่วแผ่นดินลบสถิติเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้ว 14 ต.ค. มีนิสิตนักศึกษาหลานแสน แต่วันนี้พี่น้องประชาชนมาร่วมกันเป็นล้าน

ความบกพร่องของ 14 ตุลาคม 2516 คือเรากำจัดเผด็จการทหารไปได้ แต่ที่เราต่อสู้กันอยู่วันนี้ เรากำลังเผชิญเผด็จการที่ยิ่งใหญ่กว่าระบอบทหาร คือเผด็จการระบอบทักษิณ ถ้าเราปล่อยให้ระบอบเผด็จการยังคงอยู่ วันนี้ผมยังต้องพูดกับพี่น้องประชาชนว่าเราสู้ ณ ถนนสายนี้ ถ้าเราไม่สามารถจัดการระบอบทักษิณได้ ลูกหลานจะเป็นทาสระบอบทักษิณ ซึ่งพวกเราไม่ยอม พวกเราจะต้องสู้ ต้องสู้ให้ได้ชัยชนะเด็ดขาด วันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่มหาประชาชนนับล้านมาแสดงเจตจำนงค์แน่วแน่ พร้อมต่อสู้กำจัดระบอบทักษิณให้สิ้นซาก การต่อสู้ในวันนี้ ไม่ใช่การต่อสู้ของพี่น้องประชาชนชาวไทยเท่านั้น ในทางวิชาการถือว่าเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ประชาชนทั่วโลกต้องเรียนรู้จากเรา และจะนำชัยชนะถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

 

นิชาระบุมาชุมนุมเพื่อก้าวข้ามความกลัวไปให้ได้ และมาในฐานะภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า และเพราะรักในหลวง

ในเวลาประมาณ 21.00 น. นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ผู้สูญเสีย พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จากเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 กล่าวว่า วันนี้ที่ออกมาชุมนุมได้นึกถึงสามีที่จากไป บอกเขาว่า "พี่รู้ไหม พี่จากไปเกือบสี่ปีแล้ว เหตุการณ์ยังไม่จบ ต้องเดินออกมาสู้โดยลำพังโดยไม่มีเขา" ถามตัวเองว่ากลัวไหม เป็นผู้หญิงคนเดียวเดินออกมาคนเดียวย่อมมีภัยเกิดขึ้นได้ แต่เรากลัวไม่ได้แล้ว เราต้องข้ามความกลัวไปให้ได้ นี่คือชัยชนะของคืนวันที่ 24 พ.ย.

เชื่อว่าทุกท่านที่มาในวันนี้มาด้วยแรงบันดาลใจที่ต่างกัน ดิฉันมายืนตรงนี้เพราะเป็นภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารที่รักแผ่นดิน รักพระมหากษัตริย์ รักประชาชนชาวไทย 10 เมษายน 2553 เขาต้องพลีชีพที่นี่ด้วยเหตุการณ์การเมือง ใครก็ตามที่ใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือ เขาไม่มีวันได้ชัยชนะ

สี่ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าความรุนแรงไม่สามารถนำชัยชนะมาสู่ใคร ผู้ที่ใช้ความรุนแรงกับทหารกับประชาชนไม่ชนะ สิ่งเดียวที่จะชนะได้คือต้องชนะใจประชาชนเท่านั้น

ชีวิตทหารที่ตายไปที่ถนนดินสอ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บาดเจ็บราวใบไม้ร่วง น้อยกว่าน้อยนักที่คนในรัฐบาลจะกล่าวถึง ไม่เคยมีใครให้คุณค่ากับทหารที่มารักษาความสงบในคืนวันนั้นเลย ทุกครั้งที่พูดเรื่องนิรโทษกรรมมันเสียใจ ช้ำใจ นายกรัฐมนตรีสอนให้ให้อภัย อยากบอกว่า ท่านไม่เคยสูญเสียคนที่ท่านรัก ท่านไม่มีสิทธิสอนดิฉันเรื่องการให้อภัย

ดิฉันมามายืนบนนี้ในฐานะข้าราชการอีกฐานะหนึ่ง ข้าราชการที่มีสำนักมีหน้าที่ ไม่ยอมเป็นเครื่องมือนักการเมือง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นดิฉันจึงกล้าที่จะยืน และมาในฐานะคนไทยอีกหน้าที่หนึ่ง คนไทยที่ไม่สามารถจะเห็นบ้านเมืองนี้ย่อยยับอับจนไปต่อหน้าต่อตาในชั่วชีวิตเรา โดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขอเสียสละผู้มาทำหน้าที่ในฐานะคนไทย ที่วันนี้จะสามารถจะตอบบรรพบุรุษที่เสียเลือดเสียเนื้อให้บ้านเมืองของเรา

นอกจากนี้การเดินมาในวันที่ 24 พ.ย. ในฐานะของลูกคนหนึ่งของพ่อหลวง อยากเป็น 1 ในล้านดวงใจ ณ ที่นี้ ถวายความจงรักภักดี ถวายของขวัญในวันเฉลิมพระชมนพรรษาที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้ มาในฐานะของล้านดวงใจเพื่อจะบอกว่าเรารักในหลวงยิ่งชีวิต

 

สุเทพขึ้นเวทีระบุคนมาชุมนุมมากเป็นประวัติศาสตร์

โดยเมื่อเวลา 21.20 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี และแกนนำการชุมนุมได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยสุเทพ ปราศรัยว่ามีคนชุมนุมมากเป็นประวัติศาสตร์ วันที่พวกผมประกาศว่า 24 พ.ย. เป็นวันที่เราหลอมดวงใจล้านดวงเข้าด้วยกัน วันที่เราประกาศเช่นนั้นมีคนปรามาสเราเยอะแยะ มีคนดูถูกว่าคนไทยทั้งหลายไม่มีวันที่จะกล้าแสดงตัวอย่างชัดเจนเป็นจำนวนมากขนาดนั้นหรอก เพื่อนร่วมชาติที่มายืนเคียงบ่าเคียงไหล่นั้นมากกว่าล้านคนแล้ว โดยออกมาชุมนุมเพราะทนเสียงหัวใจตัวเองไม่ได้

"คืนนี้ได้ปรากฏแก่สายตาว่าพี่น้องร่วมชาติลุกขึ้นมาเคียงบ่าเคียงไหล่พี่น้องที่รักชาติรักแผ่นดินมากกว่าล้านคน สนามหลวงคนเต็ม ถนนระหว่างสนามหลวงและศาลฎีกาคนแน่น รถมอเตอร์ไซต์วิ่งผ่านไม่ได้ คนล้นเข้าไปบนสะพานปิ่นเกล้า ที่สนามหลวงมีปัญหาการรับภาพ ผมจึงไปขึ้นเวทีสนามหลวงพูดคุยกับทุกคนระหว่างทางเดินมาเวทีนี้มีผู้รักชาติเต็มหมด จากถนนดินสอ ถึงศาลาว่าการ กทม. เดินไม่ได้ ลานคนเมือง ไม่มีจอไม่มีลำโพง แต่พี่น้องนั่งเต็มไปหมด แต่สื่อบางส่วนรายงานว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 4 หมื่นคน เหมือนกับที่นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พูดที่ราชมังคลากีฬาสถาน" สุเทพ บรรยายจำนวนผู้ชุมนุม

 

ลั่นไม่กลัวระบอบทักษิณแล้ว ออกมาต่อสู้เพื่อให้ลูกหลานอยู่อย่างเสรีชน ไม่ตกเป็นเบี้ยล้างทรราชย์

สุเทพ ปราศรัยว่า มีข้าราชการตำรวจไม่กี่คนที่ขายวิญญาณแก่ระบอบทักษิณ ถึงได้ข่มขู่พวกเราทุกวัน ฝ่ายรัฐบาลทั้งนั้นที่ปล่อยข่าวว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธ ระวังจะเกิดเหตุร้าย ขู่ว่าอย่าออกมาเดี๋ยวจะเกิดเหตุร้าย เดี๋ยวจะบาดเจ็บ ล้มตาย มึงมาดูการขู่ของมึงสิว่าคืนนี้มาเท่าไหร่ และกล่าวว่า "ผมขอคารวะหัวใจของชาวไทยผู้รักชาติทุกท่าน"

"วันนี้พี่น้องทั้งหลายได้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่า กูไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ไม่กลัวตำรวจ ไม่กลัวเสื้อแดง ไม่กลัวเสื้อดำ ไม่กลัวระบอบทักษิณ กลัวอย่างเดียว กลัวลูกหลานจะเป็นขี้ข้าของมัน ถ้าไม่สู้วันนี้ ที่เราออกมานั้นเราตัดสินใจกันเด็ดเดี่ยวแล้วว่าลูกเราหลานเรา จะต้องมีชีวิตอยู่ในประเทศไทยนี้อย่างเสรีชน ไม่ใช่อยู่เป็นเบี้ยล่างของรัฐบาลทรราชย์อีกต่อไป พอกันที ไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว เราได้ทนกับระบอบทักษิณ 10 กว่าปีแล้ว มันทำชาติเราย่อยยับหนักหนาแล้ว"

หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ร่วมกันตะโกนว่า "ออกไป ออกไป ออกไป" อย่างกึกก้อง ถ.ราชดำเนิน

 

จะไม่เลิกต่อสู้จนกว่าระบอบทักษิณจะหมดสิ้นไป ยุบสภา-ลาออกก็ไม่หยุด

สุเทพปราศรัยต่อไปว่า "พี่น้องทั้งหลาย ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่คนไทย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพทั้งที่เป็นนักเรียน นักศึกษาครูบาอาจารย์ ชาวไร่ ชาวนา ชาวกรุง และชาวต่างจังหวัด จะสามัคคีกันขนาดนี้ เมื่อมาถึงขั้นนี้ ขอเอาหัวใจของผม หัวใจคณะกรรมการแกนนำทุกคน ลงมาวางเคียงคู่กับหัวใจของพี่น้องทั้งล้านคน"

"พี่น้องทั้งหลาย ณ มหาสมาคม เราจะไม่เลิกต่อสู้ จนกว่าระบอบทักษิณจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ออกมาเป็นล้านไม่หยุดแล้ว ยุบสภาก็ไม่หยุด ลาออกก็ไม่หยุด"

 

หวังปฏิรูปประเทศให้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแท้จริง

"เราจะหยุดต่อเมื่อระบอบทักษิณหมดสิ้นไป จะได้สร้างประเทศไทยสำหรับลูกหลาน เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วย 'ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง' ไม่ให้พวกทรราชย์ นายทุนสามานอาศัยคราบประชาธิปไตยมากดขี่ เราจะต้องร่วมกัน สร้างเกราะ สร้างกติกา ไม่ให้ประเทศไทย เป็นประเทศของนักทุจริต คอรัปชั่นอีกต่อไปแล้ว เราจะต้องร่วมกัน กำหนดกฎเกณฑ์กติกาให้เสียงของประชาชน อธิปไตยของประชาชนเป็นจริง และทุกคนต้องฟังประชาชนใช่ไหมพี่น้อง"

"พี่น้องเราเป็นพลเมืองดี ประกาศแต่ต้นต่อสู้ว่าเป็นสิทธิพลเมือง ปกป้องแผ่นดินนี้ ชาตินี้ และประกาศว่าจะต่อสู้อย่างสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ อหิงสา และจะยืนยันอย่างนั้นอยู่ และตั้งแต่เราต่อสู้มา คืนนี้เป็นคืนที่ 25 ไม่เคยทำผิดกฎหมายเลยแม้แต่ข้อเดียว เพราะเป็นพลเมืองเลยไม่คิดเผาสมบัติใคร หรือปล้นใคร ไม่เหมือนไอ้พวกของรัฐบาลนี้ เราระมัดระวังการเคลื่อนไหวของมวลชน ทุกขั้นทุกตอน เราค่อยๆ ปรับความคิดให้มวลชนให้มีความคิดระดับเดียวกัน ทีละขั้นทีละตอน และเราหลีกเลี่ยงที่จะพามวลชนออกเดิน เพราะมวลชนของเรา แกนนำของเรา เป็นมือใหม่หัดขับกันทั้งสองฝ่าย"

 

นัดเคลื่อนขบวนไปสถานที่ราชการ - ให้ ขรก.หยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วระบอบทักษิณก็จะสิ้นสภาพ

"ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กันมา เราเดินขบวนวันเดียวเท่านั้นคือ 4 พ.ย. จากสามเสน มาไหว้พระแก้วมรกต ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระบรมหาราชวัง แล้วประกาศปณิธานร่วมกันว่าการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนคราวนี้สู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชนเท่านั้น ไม่มีผลประโยชน์อื่น แล้วจึงมายึดถนนราชดำเนินเป็นที่มั่นในการต่อสู้ของเรา ไม่เคยยกขบวนไปที่ไหนเลย แต่คืนนี้ วันนี้ เราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าเป้าหมายของเราคือจัดการระบอบทักษิณ ฉะนั้นพรุ่งนี้เราจะเคลื่อนขบวน"

"การที่จะให้ระบอบทักษิณล้มลงไปเอง สิ้นสภาพไปเอง ที่นุ่มนวลที่สุดก็คือถ้าข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ปฏิเสธที่จะรับใช้ระบอบทักษิณต่อไป มันก็เป็นง่อยไปทั้งระบบ มันจบตรงแค่นั้น ต้องเก็บกระเป๋าหอบพี่หอบน้องหนีไปอยู่ดูไบแน่นอน" สุเทพกล่าวถึงวิธีจัดการระบอบทักษิณ และกล่าวต่อไปว่า

 

ชี้รัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับไม่ยอมรับ รธน. ถือเป็นรัฐบาลโมฆะ

"ผมขอส่งเสียงนี้ ถึงบรรดาข้าราชการทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ท่านทั้งหลายเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นข้าของประชาชน ผมพูดแทนคนล้านคน ว่าบัดนี้ คนล้านคนที่มาชุมนุมอยู่ที่นี่ เป็นตัวแทนอีก 14-15 ล้านคนที่อยู่ที่บ้าน และไม่ได้มา ทุกคนมีความเห็นอย่างเดียวกันแล้ว ว่าระบอบทักษิณเป็นพิษเป็นภัยที่ร้ายแรงของประเทศไทย ต้องขจัดไปให้หมด แล้วผมเรียนไปถึงพี่น้องข้าราชการทั้งหลาย ไม่ต้องหัวหมอกับประชาชน ไม่ต้องมาเถียงว่ารัฐบาลนี้เขายังชอบธรรมอยู่ ผมจะบอกให้ รัฐบาลนี้เป็นโมฆะตั้งแต่วันประกาศต่อต้านรัฐธรรมนูญแล้ว"

"เมื่อพรรครัฐบาล ส.ส. ส.ว. รัฐบาล ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ออกมาปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ นั่นคือการปฏิเสธรัฐธรรมนูญ ไม่เคารพกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นรัฐบาลต่อไปไม่ได้ บรรดาข้าราชการท่านต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ฝ่ายรัฐบาลที่เป็นโมฆะหรือฝ่ายประชาชน" สุเทพกล่าว

 

ประกาศเคลื่อนขบวน 13 จุดไปถามข้าราชการว่าจะอยู่ข้างใคร

"ถ้าพวกผม ลุกขึ้นตั้งคำถามนี้ ถ้าท่านคิดไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้ พรุ่งนี้ประชาชนจะไปถาม พรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันเดินขบวนจริงของพวกเรา ผู้รักชาติ รักแผ่นดิน เราจะเดินไปหาข้าราชการเหล่านั้น กระซิบถามอย่างสุภาพว่าท่านจะเลือกอยู่ข้างใคร จะเอาดอกไม้ไปให้ เอานกหวีดไปให้ ถามว่าจะอยู่กับยิ่งลักษณ์ หรือจะอยู่ในอ้อมใจประชาชน ถ้าข้าราชการเหล่านั้นทั้งประเทศตัดสินใจได้ ประกาศยืนข้างประชาชน ระบอบทักษิณก็ล้มทันที โดยสดุดี และโดยดุษฎี"

นอกจากนี้ สุเทพกล่าวถึงสถานีโทรทัศน์ที่ผู้ชุมนุมจะไปเยี่ยมว่า "คุณจะเป็นสื่อมวลชนของประชาชน หรือสื่อมวลชนระบอบทักษิณกันแน่ พวกเราปวดหัวใจเหลือเกิน คนมาชุมนุมเป็นล้านวันนี้ มันไม่มีข่าวเลย มันกลัวคนทั้งประเทศรู้ว่าที่นี่มีคนล้านคน ขอประกาศให้เฉลิม ยิ่งลักษณ์ทราบด้วย ให้ขี้ข้าทราบด้วย พรุ่งนี้ขบวนมหาประชาชนจะแบ่งเป็น 13 เส้นทาง"

ทั้งนี้ 13 เส้นทางประกอบด้วย 1.กองบัญชาการทหารสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นำโดย สกลธี ภัททิยกุล 2. กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง นำโดยวิทยา แก้วภราดัย 3.กองทัพบก แกนนำคือเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ 4.กองบัญชาการกองทัพเรือ นำโดยสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม 5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดยพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์ 6.กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดยชุมพล จุลใส 7. ช่อง 3 นำโดยณัฐพล ทีปสุวรรณ 8. ช่อง 5 นำโดยอิสสระ สมชัย 9.ช่อง 7 นำโดยชาญวิทย์ วิภูศิริ 10.ช่อง MCOT นำโดยถนอม อ่อนเกตุพล 11.ช่อง 11 นำโดยนายถาวร เสนเนียม 12. กระทรวงมหาดไทย จะให้สมาชิก อบต.ที่มาร่วมชุมนุมไปทวงเงินกระทวงมหาดไทย และ 13.สำนักงบประมาณ จะไปบอกกับสำนักงบประมาณ และข้าราชการหยุดจ่ายเงินให้อีปูเอาไปผลาญได้แล้ว โดยขบวนที่ 13 สุเทพจะเป็นผู้นำไปเอง

 

จะให้เวลาข้าราชการและสื่อมวลชนตัดสินใจ 1 วัน และการต่อสู้จะต้องจบภายใน 3 วันนี้

สุเทพกล่าวด้วยว่า พรุ่งนี้เหนื่อยกันหน่อย จะเป็นการเดินขบวนครั้งสำคัญ ทั้งนี้มีคนท้วงติงเขามาก มีคนรักและเคารพเตือนผมว่า อย่าไปยุ่งกับสื่อมวลชนเดี๋ยวจะเสียคะแนน แต่ผมตัดสินใจแล้วไม่กลัวเสียคะแนน เพราะกล้าลาออกจาก ส.ส.มาต่อสู้ไม่รู้จะได้กลับไปหรือไม่ ประโยชน์ของชาติ ประโยชน์ของประชาชนต้องมาก่อนตัวเอง เราจะไปแบบสุภาพชน เราจะเดินแบบสันติ สงบ อหิงสา เดินไปร้องเพลงไป ไปชวนข้าราชการ โดยการต่อสู้ต้องจบภายใน 3 วันนี้ ถ้าข้าราชการสื่อมวลชนยังสมัครใจรับใช้ระบอบทักษิณ รับใช้รัฐบาลที่เป็นโมฆะ เราจะตัดสินใจภายคืนวันที่ 26 พ.ย. เป็นอะไรก็เป็นกันให้มันรู้ไป ไม่มีเวลามายื้อ บ้านเมืองยับเยินมาพอแล้ว หลังจากเดินไป 13 เส้นทางแล้ว เราจะกลับมาประเมินสถานการณ์ที่นี่ ให้เวลาข้าราชการและสื่อมวลชนตัดสินใจ 1 วัน จากนั้นจะพิจารณาจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

ทั้งนี้มีการนัดหมายว่าในเวลา 8.30 น. จะมีการจัดขบวนและแยกย้ายออกมาจาก ถ.ราชดำเนิน โดยคาดว่าจะไปถึงแต่ละสถานที่ในเวลา 10.30 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net