Skip to main content
sharethis
นายนิคม พุทธา นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ อดอาหารและถือศีลอด ชวนทุกฝ่ายที่ขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้มีความเมตตาต่อกัน และช่วยกันหยุดยั้งความรุนแรงทางการเมือง 
 
1 ธ.ค.56 บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ นายนิคม พุทธา นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ได้ปฏิบัติการในกิจกรรม “ภาวนา...ถือศีลอด” โดยทำการอดอาหารและถือศีลอด เพื่อเชิญชวนให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้มีความเมตตาต่อกัน และช่วยกันหยุดยั้งหรือบรรเทาความรุนแรงทางการเมือง 
 
นายนิคม เริ่มอดอาหารตั้งแต่ในช่วงเช้า เวลา 6.00 น. ของวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยตามเดิมนั้นตั้งใจอดอาหารเป็นเวลา 3 วัน แต่เมื่อครบกำหนดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายนิคมเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีแนวโน้มของความรุนแรง จึงตัดสินใจที่จะปฏิบัติการอดอาหารต่อไปอีก 1-2 วัน โดยปักหลักทำการภาวนา ติดตามสถานการณ์ และพูดคุยกับผู้สนใจอยู่บริเวณด้านข้างของอนุสาวรีย์สามกษัตริย์
 
 
นายนิคมกล่าวว่า การทำกิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อเชิญชวนให้ทุกๆ ฝ่ายที่ขัดแย้งทางการเมืองกันอยู่นี้ มีความเมตตาต่อกัน มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ยอมรับความแตกต่างในความคิดทางการเมือง และหาหนทางมาเจรจาพูดคุยกัน โดยในสถานการณ์ขณะนี้เราใช้ความเกลียด ความชังนำหน้ากันมากเกินไป จึงอยากเชิญชวนให้กลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ คือการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล การใช้กำลังเข้าห่ำหั่นกันแบบนี้ คนที่บาดเจ็บและล้มตาย กลายเป็นชาวบ้าน คนเล็กคนน้อยของสังคม แบบเมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ
 
นิคม กล่าวว่าเหตุที่เลือกวิธีในการอดอาหารและถือศีลอด เพราะเห็นว่าวิธีนี้เป็นการบำเพ็ญเพียรอย่างหนึ่ง โดยคานธีเคยใช้การอดข้าวเรียกร้องให้คนอิสลามกับคนฮินดูหยุดใช้ความรุนแรงต่อกัน และก่อนหน้านี้ในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มหน้ากากขาวและคนเสื้อแดงที่จังหวัดเชียงใหม่ ตนได้ดูคลิปที่มีการรุมกระทืบกัน ทำให้รู้สึกว่าคนมีความโกรธเกลียด ความแค้นชิงชังเข้าสิงสถิตในจิตใจ มันเหมือนว่าเขาไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ตัวตนเขาแล้ว ถ้าเขาได้มีโอกาสมาดูคลิปดูวีดีโอ เขาอาจจะรู้สึกว่าไม่น่าเลย หลังเหตุการณ์นั้น ตนก็ได้มานั่งอดอาหารคนเดียวที่ลานสามกษัตริย์เป็นเวลาสามวัน โดยถือป้าย “ขอให้เรามีความเมตตาต่อกัน”  
 
ส่วนในครั้งนี้ตนคิดถึงการอดอาหารตั้งแต่มีแนวโน้มของความรุนแรง ที่ฝ่ายผู้ชุมนุมยกระดับการยึดสถานที่ต่างๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยตนได้ลงไปกรุงเทพฯ และได้ไปสังเกตการณ์ดูม็อบนกหวีดบริเวณถนนราชดำเนิน พบว่าไม่มีพื้นที่จะให้นั่ง และในกรุงเทพฯ ตนก็ไม่คุ้นเคย อากาศก็ร้อน จึงตัดสินใจกลับมาปักหลักกิจกรรมอดอาหารที่เชียงใหม่
 
นายนิคมเสนอว่าอยากให้เกิดการพูดคุยเจรจา โดยถ้ารัฐบาลจะยุบสภาหรือลาออก รัฐบาลจะยอมภายใต้เงื่อนไขอะไร และฝ่ายชุมนุมต่อต้าน ถ้าอยากจะให้เขาหยุด เขาจะมีข้อเสนออะไร แล้วเอาเงื่อนไขทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน โดยอาจจะมีคณะกรรมการ หรือคนกลางในการพูดคุยด้วยก็ดี และการพูดคุยครั้งเดียวอาจจะไม่พอ ทุกฝ่ายก็ต้องพยายามครั้งที่สอง สาม และสี่ 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเย็นของวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างการอดอาหาร นายนิคมได้จัดกิจกรรมพูดคุยแบ่งปันความรู้สึกต่อเหตุการณ์บ้านเมือง การเจริญเมตตาภาวนา และการจุดเทียนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่างทางปัญญา และเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยสติปัญญาและสันติวิธีเป็นหลัก โดยมีประมวล เพ็งจันทร์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และนักสันติวิธี เข้าร่วมกิจกรรมด้วย 
 
นอกจากนายนิคม กิจกรรมในครั้งนี้ยังมีผู้ที่ได้รับทราบข่าวสารกิจกรรมนี้จากทางโทรทัศน์ มาร่วมอดอาหารร่วมกับนายนิคมอีกหนึ่งท่านด้วย และมีผู้สนใจที่ได้ทราบข่าวกิจกรรมเดินทางมาให้กำลังใจเป็นระยะๆ
 
ทั้งนี้ นายนิคม เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ก่อนผันตัวเองมาเป็นนักกิจกรรมด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่อำเภอเชียงดาว โดยเฉพาะการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำบริเวณลุ่มน้ำแม่ปิง ก่อนหน้านี้เคยทำและร่วมกิจกรรมด้านสันติวิธีหลายกิจกรรม เช่น กิจกรรมเดินธรรมยาตราจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดปัตตานี หรือกิจกรรม “ธรรมยาตรา ศรัทธาแห่งสายน้ำ” โดยเดินเท้าจากต้นน้ำแม่ปิงไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นระยะทาง 1,200 กิโลเมตร เพื่อสื่อสารปัญหาด้านการอนุรักษ์ลุ่มน้ำ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net