คุก 2 เดือน-รอลงอาญา คดีแจ็ค-วัชระ หมิ่นประมาทตู่-จตุพรได้ท่อน้ำเลี้ยง

ศาลตัดสินคดีวัชระ เพชรทองหมิ่นประมาทจตุพร พหรมพันธุ์ ที่ระบุว่ามีท่อน้ำเลี้ยงจากทักษิณเข้าข่ายใส่ความ จึงตัดสินจำคุก 2 เดือน แต่ให้รอลงอาญากลับตัวเป็นคนดี ส่วนอีกคดีที่กล่าวหาจตุพรว่าเป็นทาสทักษิณ ศาลยกฟ้องเพราะสังคมไทยไม่มีทาสนานแล้ว ส่วนที่บอกว่าเป็นปากเสียงทรราช ถือว่าไม่เป็นความผิดเพราะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงทำให้เสียชื่อ

18 ธ.ค. 2556 - กรณีที่จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. อดีต ส.ส.เพื่อไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332 กรณีวัชระ กล่าวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2552 ว่านายจตุพร เป็นเด็กเลี้ยงแกะไม่มีใครเชื่อคำพูด ได้รับใบปริญญามาโดยการใช้อภิสิทธิ์ นอกจากนั้นยังกล่าวหาว่านายจตุพรเป็นคางคกในกะลาครอบ ในระบอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง

ล่าสุดศาลได้ตัดสินให้วัชระ เพชรทอง  มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่เห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อนให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงรอการลงโทษ 1 ปีและให้ลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับย่อในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและข่าวสดเป็นเวลา 7 วัน คำขออื่นให้ยก

ส่วนอีกคดีที่มีการฟ้องหมิ่นประมาท จากคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2552 ศาลให้ยกฟ้อง

 

เรียกคางคก ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท เรียกเด็กเลี้ยงแกะ เป็นเพียงการพูดเชิงตั้งคำถาม

โดย เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่าศาลนัดอ่านคำพิพากษา ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก คดีหมายเลขดำที่ อ.898/2552 โดยศาลพิเคราะห์ว่าที่จำเลยเรียกโจทก์ว่าเป็นคางคกอยู่ในกะลาครอบของระบอบทักษิณ จะพิจารณาจากถ้อยคำตอนใดตอนหนึ่งเป็นอย่างเดียวมิได้ต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบและบริบทอย่างอื่น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการให้สัมภาษณ์ตอบโต้กันระหว่างจำเลยและโจทก์ ถ้อยคำที่ให้สัมภาษณ์ยังไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ส่วนที่บอกว่าโจทก์เคยเป็นเด็กวัดจนๆ และได้ขอร้องโจทก์ให้หยุดทำร้ายชาติและจะไม่มีแผ่นดินอยู่นั้น เห็นว่าเป็นการตอบโต้ในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ส่วนที่บอกว่าโจทก์ทำให้สังคมวุ่นวายเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่อาจทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

ส่วนกรณีที่จำเลยระบุว่าโจทก์เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โจทก์เป็นผู้หลอกลวงและไม่เชื่อว่าโจทก์เรียนจบปริญญาตรีเห็นว่าเป็นการใช้คำพูดเชิงตั้งคำถามโดยไม่ยืนยันข้อเท็จจริง อีกทั้งจำเลยยังต้องการให้พิสูจน์โดยให้ทดสอบแบบความรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งจำเลยต้องการทราบข้อเท็จจริง ซึ่งข้อความดังกล่าวยังไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นเพียงการคาดเดาไปเองของโจทก์ว่าเป็นการกล่าวหาทำให้เสียชื่อเสียง

 

ท่อน้ำเลี้ยงเป็นคำศัพท์ แต่เข้าข่ายใส่ความจึงหมิ่นประมาท

ส่วนที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์เห็นแก่เงินของทักษิณ เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง โจมตีนายอภิสิทธิ์เพราะมีท่อน้ำเลี้ยงจากทักษิณ นั้นเห็นว่าคำว่าท่อน้ำเลี้ยงเป็นศัพท์ ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการสนับสนุนทางการเงินในทางลับที่เปิดเผยไม่ได้ เพื่อให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางหนึ่ง จำเลยกล่าวหาโจทก์รับเงินทุนจากภายนอกย่อมแสดงให้เห็นว่าตกอยู่ภายใต้ผลประโยชน์ ไม่มีความชอบธรรมในฐานะนักการเมือง ซึ่งจำเลยเป็น ส.ส.อยู่จึงเป็นการเสื่อมเสียต่อหน้าที่โดยตรงและจำเลยเองก็ไม่ได้มีพยานหลักฐานพิสูจน์ว่าจำเลยมีพฤติการณ์อย่างที่โจทก์กล่าวหาซึ่งเป็นการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยจึงถือเป็นการใส่ความโจทก์ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

 

ศาลให้มีความผิดฐานหมิ่นประมาทคุก 2 เดือน แต่ให้รอลงอาญา กลับตัวเป็นพลเมืองดี

ส่วนที่กรณีกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติเสื่อมเสียไม่กล้ากลับบ้านที่นครศรีธรรมราชและคนในตระกูลไม่ยอมรับนั้นเห็นว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ทำให้โจทก์ไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่น ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่าจำเลยโดนขับไล่จากตระกูล และข้อความที่บอกว่าคนในตระกูล พรหมพันธุ์ไม่ยอมรับ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง กรณีนี้จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง แม้ถ้อยคำทั้งสองตอนจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่เป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งเดียวกันจึงเป็นความผิดกรรมเดียว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.อาญามาตรา 328 ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 2หมื่นบาท แต่เห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อนให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงรอการลงโทษ 1 ปีและให้ลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับย่อในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและข่าวสดเป็นเวลา 7 วัน คำขออื่นให้ยก

 

ส่วนอีกคดีที่กล่าวหาจตุพรว่าเป็นทาส ศาลยกฟ้อง เพราะทาสไม่มีอยู่ในสังคมไทยนานแล้ว

มีรายงานด้วยว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 3856/2552 ที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. โจทก์ยื่นฟ้องนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์, บริษัทสารสู่อนาคต จำกัด, นายทวีสิน สถิตรัตนชีวิน (เสียชีวิตจำหน่ายคดีออกจากสารบบ) รวม 3 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2552 นายวัชระ เพชรทอง จำเลยได้แถลงข่าวที่รัฐสภา ทำนองว่านายจตุพรเป็นทาสรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และตระกูลชินวัตรเพียงตระกูลเดียว พร้อมเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรม และคืนเงินเดือนที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้อื่น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์เป็นทาสรับใช้ทักษิณและให้คืนเงินเดือนภาษีของประชาชนนั้น ในการพิจารณาต้องคำนึงถึงบริบททางการเมืองในขณะนั้นด้วย ซึ่งเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีบทบาทบาทในพรรคเพื่อไทย และก็เคยก็โดนศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ การที่จำเลยกล่าวว่า ตัวโจทก์อยู่ในอำนาจบังคับของทักษิณนั้นก็ต้องพิจารณา ว่าตัวโจทก์เองก็ได้เคยเบิกความว่ามีความเคารพรัก และได้มีความก้าวหน้าทางการเมืองเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่แน่ที่ว่าตัวโจทก์เบิกความว่าได้รับความเสื่อมเสียดูหมิ่นเพราะเป็นการปกป้องด้วยความจงรักภักดี จึงเป็นวิจารณญาณของผู้ฟังที่จะเป็นผู้ที่ตัดสิน อีกทั้งตามคำว่าพจนานุกรมคำว่า “ทาส” ไม่มีอยู่ในสังคมไทยมานานแล้วจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นอย่างที่จำเลยกล่าวหาซึ่งถ้อยคำไม่ใช่การหมิ่นประมาทแต่เป็นวาทะกรรมทางการเมือง

 

ที่บอกว่าเป็นปากเสียงทรราช ถือว่าไม่เป็นความผิดเพราะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงทำให้เสียชื่อ

ส่วนที่บอกว่าจตุพรเป็นปากเสียงของทรราชนั้นเห็นว่ายังไม่มีคำตัดสินใดที่สรุปว่าทักษิณเป็นทรราชเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองเป็นการติชมโดยสุจริตและเป็นธรรม ซึ่งไม่อาจแปลความหมายของทรราชได้ตามที่โจทก์กล่าวหาไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงที่ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

ส่วนจำเลยที่ 2 ได้นำถ้อยคำ จำเลยที่ 1 ไปเผยแพร่ก็ถือว่าย่อมไม่มีมีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วย ส่วนที่มีการพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์มีคำว่าทักษิณเป็นบิดาจตุพรนั้น เป็นเรื่องการล้อเลียนทางการเมือง เพราะเมื่อพิจารณาจากเนื้อหาแล้ว ประชาชนย่อมไม่เชื่อและเป็นไปไม่ได้ตามที่ปรากฏความตามพาดหัวข่าวนั้น จึงพิพากษายกฟ้อง

ด้านนายวัชระกล่าวภายหลังว่า ในคดีที่ตนโดนศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือนแต่ให้รอลงอาญานั้น จะอุทธรณ์สู้คดีต่อไป ไม่หลบหนีออกนอกประเทศอย่างแน่นอน ส่วนนายจตุพรก็อยากให้ยุติบทบาทที่อาจจะสร้างความขัดแย้งในบ้านเมือง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท