Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการแท็บเล็ตนักเรียนสั่งบอกเลิกสัญญาซื้อแท็บเล็ต ป.1 ปี 2556 กับ บ.เซินเจิ้น อิงถังฯ แล้ว พร้อมริบเงินประกันสัญญา 120 ล้านบาทกับปรับล่าช้าอีกกว่า 100 ล้านบาท เดินหน้าเปิดประมูลใหม่ ขณะเดียวกันให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกสัญญา โดยให้ดำเนินการซื้อแท็บเล็ต ม.1 กับ บ.สุพรีม ต่อไป

7 ก.พ. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ที่ห้องประชุม สำนักพัฒนาสมรรถนะและบุคลากรอาชีวศึกษา ว่า ที่ประชุมมีมติให้แจ้งบอกเลิกสัญญาการซื้อ-ขายแท็บเล็ตโซนที่ 1 (สำหรับนักเรียน ป.1 ในภาคกลางและภาคใต้) และโซนที่ 2 (สำหรับนักเรียน ป.1 ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวนรวมกว่า 900,000 เครื่อง ที่ทำกับบริษัทเซินเจิ้น อิงถัง อินเทลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ภายหลังบริษัทอิงถังฯ ทำหนังสือเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557 ขอยกเลิกสัญญาซื้อขาย โดยอ้างความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ทั้งนี้ ให้ริบเงินประกันสัญญาและเรียกค่าปรับจากการจัดส่งล่าช้าจนถึงวันบอกเลิกสัญญา โดยให้เตรียมเปิดประมูลอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ภายใต้คุณลักษณะเดิม คาดจะดำเนินการเริ่มประกวดราคาในอีก 7-10 วัน และได้ผู้ขายแท็บเล็ตรายใหม่ภายใน 45-50 วัน คาดว่านักเรียนจะได้รับแท็บเล็ตประมาณเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อขึ้นชั้น ป.2 แล้ว

ทั้งนี้ ตามสัญญาระบุว่าสามารถริบเงินค้ำประกันสัญญา จากบริษัทอิงถัง ร้อยละ 5 ของวงเงิน หรือประมาณ 120 ล้านบาท และค่าปรับการจัดส่งล่าช้าวันละร้อยละ 0.2 ของราคาขาย หรือประมาณวันละ 2.2 ล้านบาท นับแต่วันครบกำหนดส่งของคือ 26 ธันวาคม 2556 ถึงวันบอกเลิกสัญญา ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557   หรือประมาณ 46 วัน คาดว่าเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท

"ส่วนการที่ไม่กำหนดสเปคใหม่แม้เวลาผ่านไป 1 ปีแล้วนั้น เพราะจะทำให้เกิดความล่าช้า และการเรียกค่าเสียหายจากบริษัทอินถังจะทำได้ยากขึ้น กรณีที่ต้องซื้อราคาแพงขึ้น แต่หากมีชิ้นส่วนใดที่เลิกการผลิตไปแล้ว ก็อาจมีความจำเป็นต้องกำหนดรายละเอียดใหม่เฉพาะชิ้นส่วนนั้น" นายจาตุรนต์กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่บริษัทสุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีคำสั่งยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตโซนที่ 3 (สำหรับ ม.1 ภาคกลางและภาคใต้) นั้น ที่ประชุมเห็นชอบให้ ยกเลิกคำสั่งยกเลิกสัญญาและให้มีการดำเนินการต่อไป เนื่องจากไม่พบความผิดที่ชัดเจน และแม้มีราคาสูงกว่าผู้เสนอราคารายอื่น แต่ก็เห็นได้ชัดเจนจากกรณีบริษัทอิงถังแล้วว่า การเสนอราคาต่ำก็ไม่สามารถดำเนินการได้จริง ขณะที่การจัดซื้อในโซนที่ 4 (สำหรับ ม.1 ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) แม้ผู้ขายมีการจัดส่งสินค้าล่าช้า แต่ได้เริ่มดำเนินการจัดส่งให้ตรวจรับแล้ว ขณะนี้ประมาณ 18,000 เครื่อง

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ให้ สพฐ.สรุปบทเรียนจากการจัดซื้อที่ทำให้เกิดปัญหาความไม่สำเร็จของโครงการกับประเด็นการกำหนดระเบียบที่มุ่งป้องกันการทุจริต แต่ขาดน้ำหนักการให้ความสนใจในความเสียหายจากความล่าช้า รวมทั้งการกำหนดวิธีการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะทำให้เกิดความล่าช้า เช่นที่ผ่านมามีการร้องเรียนให้ สตง.ตรวจสอบสัญญา ซึ่งกินเวลาหลายเดือน

ส่วนโครงการแท็บเล็ตในปีการศึกษา 2557 ได้มอบหมายให้ สพฐ.รวบรวมข้อมูลสรุปบทเรียนจากการใช้งานในโครงการที่ผ่านมา เพื่อกำหนดคุณลักษณะของแท็บเล็ตที่จะจัดซื้อใหม่ ให้นำมาเสนอต่อที่ประชุมในครั้งหน้า ทั้งนี้ มีประเด็นพิจารณาเพิ่มเติมว่าจะแยกจัดซื้อเป็นรายหน่วยงานเจ้าของงบประมาณซื้อกันเอง แต่กำหนดคุณลักษณะร่วมไปจากคณะกรรมการกลาง ซึ่งจะมีการพิจารณาหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net