แจ้งความดำเนินคดี 5 กกต. ที่เชียงใหม่-ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

กลุ่ม "มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้ กกต.ชุดใหม่" และกลุ่มวันใหม่ รุดแจ้งความดำเนินคดีกับคณะกรรมการเลือกตั้งทั้ง 5 คน ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่สภ.เมืองเชียงใหม่

25 ก.พ.57 เวลา 13.00 น. สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ กลุ่มมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้ กกต.ชุดใหม่ และกลุ่มวันใหม่ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน ในข้อหาจงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 20 ประกอบมาตรา 137

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ทางกลุ่มมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นฯ และกลุ่มวันใหม่ ได้ร่วมการชูป้ายคัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ และสนับสนุนให้ใช้การเลือกตั้งเป็นหนทางแก้ปัญหาทางการเมือง

จากนั้นตัวแทนกลุ่มได้นำเอกสารเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อกกต.ทั้ง 5 คน ได้แก่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร, นายบุญส่ง น้อยโสภณ, นายประวิช รัตนเพียร, นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ และ นายศุภชัย สมเจริญ โดยมี พ.ต.อ.ชัยยุทธ ฉิมพลี พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองเชียงใหม่ เป็นผู้รับเรื่องและลงบันทึกการแจ้งความไว้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนทั่วไป ทั้งกลุ่มที่เป็นเสื้อแดงและไม่ใช่เสื้อแดง มาร่วมกรอกเอกสารการแจ้งความและยื่นส่งสำเนาบัตรประชาชน ราว 20 คน

หนังสือแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ระบุส่วนหนึ่งว่า "นับตั้งแต่การเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2556 ซึ่งถูกขัดขวางโดยกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. จนทำให้มีผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งจำนวนมากไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ โดยนอกจากกรรมการการเลือกตั้งจะผลักภาระให้ผู้สมัครไปแจ้งความกับเจ้าพนักงาน หรือร้องต่อศาลเอง จนศาลมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวแล้ว กรรมการการเลือกตั้งยังไม่พยายามหาวิธีเยียวยาความเสียหายแก่สิทธิผู้ต้องการสมัครรับเลือกตั้ง หรือกำหนด วัน เวลา สถานที่ และวิธีการใดๆ ที่จะทำให้การเปิดรับสมัครดังกล่าวเกิดขึ้นได้อีกครั้งโดยเรียบร้อย ทั้งๆ ที่อยู่ในวิสัยที่จะทำได้

นอกจากนี้ กรรมการการเลือกตั้งยังปล่อยให้มีการกระทำต่าง ๆ อันเป็นความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งอย่างชัดเจนเกิดขึ้นกับกระบวนการเตรียมการเลือกตั้ง อาทิ การปิดสถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง การทำลายบัตรและหีบเลือกตั้ง ฯลฯ โดยกรรมการการเลือกตั้งไม่ดำเนินการป้องกัน หรือแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำดังกล่าว โดยบางพื้นที่นอกจากกรรมการการเลือกตั้งจะไม่ขอความร่วมมือ หรือขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐให้คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและคุ้มครองผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว กรรมการการเลือกตั้งยังปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนไม่มากปิดสถานที่เลือกตั้ง คุกคามความปลอดภัยของผู้มาใช้สิทธิและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย ก่อความไม่สงบต่าง ๆ จนประชาชนผู้ประสงค์จะใช้สิทธิไม่สามารถลงคะแนนเสียงของตนได้

และแทนที่กรรมการการเลือกตั้งจะพยายามหาทางแก้ไขให้การใช้สิทธิลงคะแนนของประชาชนที่ยังไม่ได้ใช้เพราะถูกขัดขวาง เกิดขึ้นโดยเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการการเลือกตั้งทั้งยังเคยมีมติกำหนดวันลงคะแนนใหม่เพื่อทดแทนวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าและวันเลือกตั้ง ให้เนิ่นช้าออกไปถึงวันที่ 20 เมษายน 2557 แม้ในภายหลังจะขยับเลื่อนเข้ามาเป็นวัน 2 มีนาคม 2557 แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเวลาที่กระชั้นชิดมาก จนอาจส่งผลให้ประเทศไทยไม่สามารถมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา และเปิดประชุมสภาได้ภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 127 ได้

พฤติกรรมของกรรมการการเลือกตั้งต่าง ๆ ดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของกรรมการเลือกตั้งชุดนี้ว่าไม่ต้องการให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์เรียบร้อยภายในกรอบเวลาตามกฎหมายขาดความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการจัดให้ประชาชนชาวไทยได้ใช้สิทธิของตนในการลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันเป็นวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งพยายามขัดขวางไม่ให้ประเทศไทยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อันเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี และการมีรัฐบาลที่ถูกต้องและชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย และเพื่อทำหน้าที่บริหารกิจการบ้านเมืองให้เดินหน้าต่อไปได้ ภายในกรอบระยะเวลาสามสิบวันตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนด

จึงเห็นว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน “จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่” หรือ “ขัดขวาง” มิให้การเป็นไปตามกฎหมาย ประกาศ หรือระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวด้วยการเลือกตั้ง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 20 และเนื่องจากมาตรา 21 (2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ กำหนดให้ผู้อำนวยการและกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญานับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งจนสิ้นสุดแห่งการงานในหน้าที่ด้วย ดังนั้นจึงเห็นว่าการกระทำต่างๆ ของ กกต. ดังกล่าวข้างต้นมีลักษณะเป็นการร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาและมูลเหตุจูงใจเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศโดยรวม และเสียหายแก่สิทธิตามระบอบประชาธิปไตยโดยตรง ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง/ผู้รับสมัครเลือกตั้ง อันเป็นความผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ด้วย"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท