Skip to main content
sharethis
แถลงการณ์ “หยุดเขื่อนแม่น้ำโขงสายหลัก – หยุดการลงทุนทั้งหมด” ร้องหยุดการลงทุนโครงการเขื่อนทั้งหมดในแม่น้ำโขง จี้ทุกธนาคารหยุดให้กู้ ส่วนรัฐบาลประเทศแม่น้ำโขงควรตระหนักถึงผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชน
 
25 ก.พ. 2557 ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการฟื้นฟูนิเวศในภูมิภาคแม่น้ำโขง มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ เครือข่ายจุฬานานาชาติ และโครงการปัญญาชนสาธารณะแห่งเอเชียจัดการประชุมสาธารณะระดับภูมิภาค “เขื่อนดอนสะโฮงในลาว: ความเห็นของกัมพูชา ไทย และเวียดนาม” เมื่อวันพุธที่ 19 ก.พ. 2557 ณ ห้อง 105 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
การประชุมดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับเขื่อนดอนสะโฮง กำลังผลิต 256 เมกะวัตต์ ซึ่งถูกกำหนดให้สร้างในพื้นที่ ‘ฮูสะโฮง’ ส่วนหนึ่งของ ‘สี่พันดอน’ (สี่พันเกาะ) ที่เมืองโขง แขวงจำปาสัก ภาคใต้ของประเทศลาว รวมถึงกระบวนการ ขั้นตอนที่กำลังเกิดขึ้น โดยมีจุดประสงค์ คือ 1.แสดงให้เห็นสถานการณ์ที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในกรณีเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายหลักและผลกระทบที่เกิดขึ้นข้ามพรมแดนในภูมิภาค 2.เสนอผลการศึกษาวิจัยจากทั้งในระดับพื้นที่โดยกลุ่มภาคประชาชน และการศึกษาของนักวิชาการในประเด็นเขื่อนแม่น้ำโขง เพื่อให้ข้อถกเถียงและข้อยืนยันในทางวิชาการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิตของประชาชนถูกนำมาเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจสร้างโครงการ
 
และ 3. ยืนยันความเห็นร่วมกันในเรื่องข้อเสนอต่อ สปป.ลาวในกรณีเขื่อนดอนสะโฮง ในการปรึกษาหารืออย่างโปร่งใส และคำนึงถึงข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อเสนอให้เกิดความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในประเด็นที่เกี่ยวกับการสร้างเขื่อนแม่น้ำโขง ทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการดำเนินการเขื่อนดอนสะโฮง และเพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ในบริบทของการปรับปรุงหรือปฏิรูปโครงสร้างการทำงานระดับประเทศในประเด็นโครงการขนาดใหญ่และการตัดสินใจของรัฐบาล โดยความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและภาควิชาการ
 
ภายในการประชุมดังกล่าวได้มีการเผยแพร่แถลงการณ์ “หยุดเขื่อนแม่น้ำโขงสายหลัก – หยุดการลงทุนทั้งหมด” เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศแม่น้ำโขงตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้กำลังได้รับผลกระทบ เคารพสิทธิในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อยุติการก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายหลัก อีกทั้งยังเรียกร้องให้ธนาคารในประเทศไทยทุกธนาคารหยุดการให้เงินกู้ต่อเขื่อนไซยะบุรีทันที รวมทั้งหยุดการให้กู้ยืมเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมดต่อโครงการเขื่อนอื่นๆ และจะต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการที่เข้าไปเกี่ยวข้องแล้วให้ประชาชนรับรู้
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2556 รัฐบาล สปป.ลาว ส่งเอกสารแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผ่านสำนักเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (เอ็มอาร์ซี) ไปยังประเทศสมาชิกอื่นๆ เพื่อแสดงการตัดสินใจสร้างเขื่อนดอนสะโฮง ในพื้นที่แขวงจำปาสักของประเทศลาว โดยก่อนหน้านี้เคยเสนอว่าจะเริ่มสร้างเขื่อนดอนสะโฮงในเดือน พ.ย. 2556 และคาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือน ก.พ. 2561 และจะเริ่มขายไฟในเดือน พ.ค. 2561 ให้กับการไฟฟ้าแห่งชาติลาว (Electricite du Laos: EDL) เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศลาว
 
แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหา ดังนี้
 
 
แถลงการณ์
หยุดเขื่อนแม่น้ำโขงสายหลัก - หยุดการลงทุนทั้งหมด
19 กุมภาพันธ์ 2014
 
บรรดาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่สร้างขึ้นแล้วและมีแผนจะสร้างกำลังจะสร้าง บนลำน้ำโขงสายหลักทั้งตอนบนและล่าง กำลังก่อให้เกิดภัยคุกคามอันสำคัญยิ่ง ต่อแม่น้ำโขงและผู้คนที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำนี้  หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบอย่างมหาศาลของเขื่อนเหล่านี้ที่ถูกสร้างขึ้นแล้วและกำลังจะถูกสร้าง ให้กับภูมิภาคอย่างมีนัยยะสำคัญ ด้วยการปิดกั้นเส้นทาง อพยพของปลา หยุดยั้งการไหลของตะกอนในลำน้ำโขงซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ คือการทำลายระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของแม่น้ำโขงลง
 
เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำจำนวนหกเขื่อน ได้สร้างขึ้นแล้วบนแม่น้ำโขงสายหลักในเขตประเทศจีน ทั้งนี้ ล่าสุด นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2013 ที่ผ่านมา ประชาชนตลอดลำน้ำโขง ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการที่ระดับน้ำของแม่น้ำโขงเกิดการได้ท่วมสูงขึ้น และต่อมาได้ลดต่ำลงอย่างเฉียบพลัน  ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำที่เด่นชัดนี้สร้างผลกระทบโดยตรง ทันที และอย่างรุนแรงต่อวิถีชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง ในประเทศทางตอนล่างของแม่น้ำโขง ในขณะที่เป็นไปได้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเหล่านี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนทางตอนบนของแม่น้ำโขง แต่กลับไม่มีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และไม่มีผู้ออกมาแสดงความรับผิดชอบใด ๆ
 
ในส่วนของแม่น้ำโขงสายหลักตอนล่าง ในขณะนี้มีการเสนอชุดของเขื่อน และมีการผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้โดยปราศจากการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนอย่างพอเพียงและผลกระทบโดยรวม ไม่มีการปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่และสาธารณชนในภูมิภาค ภูมิปัญญาท้องถิ่นและความรู้ของประชาชนที่มีต่อสายน้ำถูกละเลย ปฏิเสธ และคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเอง ก็ล้มเหลวในการดำเนินการให้แน่ใจว่ากระบวนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นได้จริงในระดับภูมิภาคว่าเขื่อนเหล่านี้สมควรจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่
 
เขื่อนไซยะบุรี เขื่อนแห่งแรกบนลำน้ำโขงสายหลักตอนล่างในประเทศลาว กำลังถูกอ้างว่าการก่อสร้างเสร็จสิ้นไปแล้วร้อยละ 21 อย่างไรก็ตาม โครงการยังส่อเค้าถึงความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก ในขณะที่ยังไม่เคยมีการคำนวณความเสี่ยงที่แท้จริงของโครงการ ไม่มีการดำเนินการประเมินผลกระทบข้ามแดนที่เด่นชัด รวมถึงปราศจากความตกลงร่วมกันในระดับภูมิภาคในหมู่มวลรัฐบาลของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง อีกทั้งนักสร้างเขื่อนทั้งหลาย ก็ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า การบรรเทาผลกระทบด้านการประมงและการไหลของตะกอนตามธรรมชาติ จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงและมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
 
เขื่อนดอนสะโฮง อันเป็นเขื่อนแห่งที่ 2 ที่เสนอสร้างโดยประเทศลาว ก็กำลังกลายเป็นมหันตภัยในลักษณะเดียวกันกับเขื่อนไซยะบุรี รัฐบาลลาวประกาศความตั้งใจที่จะสร้างเขื่อน โดยปราศจากการตกลงร่วมกันในระดับภูมิภาคและปราศจากการศึกษาในประเด็นข้ามพรมแดนที่เหมาะสมและเพียงพอ
 
ด้วยความไม่แน่นอนทั้งหลายเหล่านี้ ไม่เพียงแต่แม่น้ำโขงและประชาชนในลุ่มน้ำเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่ผู้ลงทุนในโครงการ ก็จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สำคัญด้วยอย่างแน่นอน รวมทั้งความเสี่ยงในเรื่องผลประโยชน์จากโครงการที่พวกเขาคาดว่าจะได้รับ
 
ด้วยความเกี่ยวข้องของเราที่มีต่อแม่น้ำโขงและชุมชนของภูมิภาคนี้ เรา สมาชิกของกลุ่มภาคประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่น ผู้เข้าร่วมในเวทีสาธารณะระดับภูมิภาคหัวข้อ "เขื่อนดอนสะโฮงในประเทศลาว : ความเห็นของกัมพูชา  ไทยและเวียดนาม " ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2014 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ ขอร่วมกันเรียกร้อง ให้รัฐบาลของประเทศแม่น้ำโขง ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้กำลังได้รับผลกระทบและต้องเดือดร้อนอย่างสาหัสจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่บนลำน้ำโขง รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อความต้องการของชุมชนท้องถิ่น และเคารพสิทธิของพวกเขาในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รัฐบาลของประเทศแม่น้ำโขงจะต้องใช้ความพยายามทั้งหมด ในการให้การก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายหลักยุติลงทันที และทำให้แน่ใจได้ว่า จะไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ อีกในอนาคตเพื่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงอีกต่อไป
 
เราขอเรียกร้องให้ธนาคารในประเทศไทยทุกธนาคาร รวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย  ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทิสโก้ และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หยุดการให้เงินกู้ต่อเขื่อนไซยะบุรีทันที และขอเรียกร้องให้หยุดการให้กู้ยืมเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมดต่อโครงการเขื่อนอื่นๆ  และจะต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการที่เข้าไปเกี่ยวข้องแล้วให้ประชาชนรับรู้
 
ในท้ายที่สุด ในขณะที่สัญญาสัมปทานของเขื่อนดอนสะโฮงยังไม่ได้รับการลงนาม และยังไม่มีธนาคารใดที่ประกาศต่อสาธารณะว่าจะให้เงินกู้สำหรับโครงการนี้ เราขอเรียกร้องให้ไม่มีการลงทุนใด ๆ สำหรับโครงการที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงนี้ โดยเด็ดขาด
 
รายชื่อแนบท้าย
 
สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน (คสข.)
โครงการฟื้นฟูนิเวศในภูมิภาคแม่น้ำโขง
สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
ศูนย์ข้อมูลชุมชน
สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
มูลนิธิพิทักษ์ธรรมชาติเพื่อชีวิต (Nature Care Foundation)
ฮักน้ำโขง อุบลราชธานี
กลุ่มเกษตร-ประมงพื้นบ้านเชียงคาน จังหวัดเลย
องค์กรเอริ์ทไรท์อินเตอร์เนชั่นแนล (EarthRights Internation)
องค์การแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers)
 
นายสมพงษ์ ดาวเรืองรัมย์                           สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน อุบลราชธานี
นางสาวเฉลิมศรี ประเสริฐศรี                        ศูนย์ข้อมูลชุมชน
นางอ้อมบุญ ทิพย์สุนา                               สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน หนองคาย
นายธีระพงศ์ โพธิ์มั่น                                  สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
นางสาวกมลชนก คุณยศยิ่ง             สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
นางสาวจันทร์นภา คืนดี                  สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
นายมนตรี จันทวงศ์                                   โครงการฟื้นฟูนิเวศในภูมิภาคแม่น้ำโขง
นางสาวฐาปนี เมืองโคตร                สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน มุกดาหาร
นางสาวจินตนา เกษรสมบัติ             สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน บึงกาฬ
นายชาญณรงค์ วงศ์ลา                               สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน เลย
นายวีระพงษ์ กังวานนวกุล               จังหวัดเชียงราย
พ.ต.ท. วิเชียร เสียงใส                               สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน อุบลราชธานี
นายบรรเจิด เสนจันทร์ฒิไชย                       สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน นครพนม
นางมัสยา คำแหง                         Nature Care Foundation
นางสมปอง เวียงจันทร์                               ปากมูน (P Move)
นายพรม ทรายมูล                         ปากมูน สิรินธร
นายสุณี ผลดก                                         ปากมูน โขงเจียม
นางสาวคำปิ่น อักษร                                  ฮักน้ำโขง อุบลราชธานี
นายภูเบศ ใจขาน                          สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน หนองคาย
นายสง่า ก่ำเกลี้ยง                         ประธานสภาองค์กร
จ.สต. วีระ วงศ์สุวรรณ                                สภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน อำนาจเจริญ
นายนิชล ผลจันทร์                                    เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ
นายวชิรา นันทพรหม                                 กลุ่มเกษตร-ประมงพื้นบ้าน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net