Skip to main content
sharethis

กรณีอุ้มฆ่ามูฮัมหมัด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ผ่านไป 24 ปีวันนี้ศาลยกฟ้อง "พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม" และพวก 5 คน โดยศาลพิเคราะห์ว่าคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ พยานหลักฐานต้องชัดเจน แต่คดีกลับมีแต่พยานบอกเล่า ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ำหนัก จึงให้ยกฟ้อง ขณะที่ญาติรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เตรียมแถลงข่าวร่วมกับสถานทูตซาอุดิอาระเบียบ่ายนี้ 

มูฮัมหมัด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบียที่ถูกสังหาร (แฟ้มภาพ)

 

31 มี.ค. 2557 - วันนี้ (31 มี.ค.) ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก. สภ.สบเมย จว.แม่ฮ่องสอน พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จว.อุบลราชธานี พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และจ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง จำเลยที่ 1- 5 ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้องฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาฯ จากกรณีอุ้มฆ่า นายมูฮัมหมัด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย และพระญาติกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีผู้ใดเบิกความยืนยันได้ว่า จำเลยทั้ง 5 คน ทำร้ายร่างกาย และสังหารนายอัลรูไวรี่ อีกทั้งไม่ชัดเจนว่า แหวนที่พันตำรวจโทสุวิชชัย แก้วผลึก พยานในคดีอ้างว่า เป็นของนายอัลรูไวลี่ เป็นของจริงหรือไม่ เนื่องจากมารดาและเพื่อนสนิทของนายอัลรูไวลี่ ไม่สามารถยืนยันได้ อีกทั้งหาก พันตำรวจโทสุวิชชัย ได้แหวนมาจริงตั้งแต่ปี 2546 เหตุใดจึงไม่นำให้ผู้บังคับบัญชา แต่กลับนำแหวนไปดัดแปลงสภาพ และจัดพิธีทางศาสนา ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับนายอัลรูไวลี่แต่อย่างใด เหมือนเป็นการสร้างพยานหลักฐานขึ้นใหม่ ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ พยานหลักฐานต้องชัดเจน แต่คดีนี้มีแต่พยานบอกเล่า ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดจริง จึงพิพากษายกฟ้อง ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

ด้านนายอาทิก อัลรูไวลี่ น้องชายของนายโมฮัมเหม็ด กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งว่า รู้สึกผิดหวัง ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากนี้ญาติและเจ้าหน้าสถานทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย จะร่วมกันแถลงข่าว ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ในเวลา 13.00 น.

สำหรับคดีดังกล่าวอัยการฟ้องร้อง พล.ต.ท.สมคิด และพวกรวม 5 คนเมื่อเดือนมกราคม 2540 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ภายหลังการหายตัวไปของนายมูฮัมหมัด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย และพระญาติกษัตริย์ซาอุิอาระเบีย เมื่อปี 2533 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ก่อนที่ในวันนี้ศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้องดังกล่าว

 

ก่อนหน้านี้ทูตซาอุดิอาระเบียแสดงความกังวลเพราะมีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ได้พบหารือกับอธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนายมูฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจและพระญาติกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย โดยแสดงความกังวลการเปลี่ยนผู้พิพากษาในคดี ก่อนที่จะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 31 มีนาคมนี้ เพียงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งทำให้ฝ่ายซาอุดิอาระเบียมองว่า อาจเป็นความพยายามของฝ่ายจำเลยในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรัฐบาลและราชวงศ์ระดับสูงของซาอุดิอาระเบีย หวังที่จะเห็นความยุติธรรมในคดีนี้ และคณะกรรมการติดตามคดีของซาอุดิอาระเบีย และครอบครัวนายอัลลูไวรี่ จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ด้วยตนเอง

นายสุรพงษ์ ยังยืนยันว่ารัฐบาลได้ดูแลการดำเนินคดีอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้แต่งตั้งให้ตนเองเป็นประธานคณะกรรมการติดตาม และกำกับดูแลการดำเนินคดีพิเศษ ที่เกี่ยวข้องกับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งได้เร่งรัดให้คดีต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และหวังว่าผลการตัดสินนจะจะเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบียให้ดีขึ้นได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net