ศาลให้วางหลักทรัพย์ '3.7 ล้าน' ต่ออายุชาวบ้านอยู่ในพื้นที่สู้คดีที่ดินสวนปาล์ม

ศาลพิจารณาอนุญาตให้ชุมชนสันติพัฒนาอยู่ในพื้นที่เป็นการชั่วคราวระหว่างการต่อสู้คดีที่ดินกับนายทุนสวนปาล์มสุราษฎร์ วางหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวน 3.7 ล้านบาท นัดพิจารณาหลักทรัพย์วันที่ 27 มิ.ย.57 
 
17 เม.ย. 2557 ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิจารณาคำร้องขออยู่ในพื้นที่เป็นการชั่วคราวของชาวบ้านชุมชนสันติพัฒนา อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ในคดีที่บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ฟ้องนายมนัส กลับชัย และชาวบ้านชุมชนสันติพัฒนารวม 9 คน เป็นจำเลย ในข้อหาร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นอุทธรณ์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลพิจารณาอนุญาตให้ชุมชนสันติพัฒนาอยู่ในพื้นที่เป็นการชั่วคราวระหว่างการต่อสู้คดี โดยให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวน 3.7 ล้านบาท และนัดพิจารณาหลักทรัพย์วันที่ 27 มิ.ย. 2557 

สุรพล สงฆ์รักษ์ ผู้ประสานงานสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) กล่าวว่า การฟ้องร้องคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 โดยบริษัทฯ ยื่นฟ้องชาวบ้านโดยอ้างสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ 1,486 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างพื้นที่ของ ส.ป.ก.จำนวน 276 ไร่ พื้นที่ นส.3 จำนวน 330 ไร่ และอีกกว่า 800 ไร่เป็นเขตป่าไม้ถาวร แต่เมื่อมีการตรวจสอบสิทธิ์พบว่าบริษัทดังกล่าวครอบครองพื้นที่ ส.ป.ก.โดยมิชอบ ขณะที่ชาวบ้านชุมชนสันติพัฒนายืนยันว่าตั้งชุมชนอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.และล่าสุด ส.ป.ก.ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับชุมชนแล้ว ภายหลังจากบริษัทฯ ได้ทำข้อตกลงเพื่อคืนพื้นที่ให้ ส.ป.ก.

 
ทั้งนี้ ในกรณีที่ดิน 1,486 ไร่ บริษัทฯ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวชุมชนสันติพัฒนา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คดีอาญาในข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น จำนวน 2 คดี และคดีแพ่งในข้อหาละเมิด ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย จำนวน 2 คดี รวมค่าเสียหายในส่วนแพ่ง 15 ล้านบาท โดยอาศัยเหตุการณ์ วันเวลา และเนื้อที่พิพาทแปลงเดียวกัน
สุรพล กล่าวด้วยว่า ระยะเวลา 2 เดือนชาวบ้านต้องหาหลักทรัพย์มาใช้ค้ำประกันเพื่อการอยู่ในพื้นที่จนกว่าการต่อสู้ทางคดีจนถึงที่สุดถือเป็นภาระที่หนักมากสำหรับเกษตรกรธรรมดา ซึ่งขณะนี้คงต้องหวังพึ่งเงินจากกองทุนยุติธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่หากไม่ได้คงต้องมีการประชุมเพื่อจัดกิจกรรมระดมทุนกันต่อไป
 
 
 
รายละเอียดและความคืบหน้าคดี
 
1.คดีอาญาดำ 1912, 2131/2552 แดง 3738, 3739/2554 (รวมการพิจารณา 2 คดี)
ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โจทก์
บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) โจทก์ร่วม
นายมนัส กลับชัย กับพวกรวม 9 คน จำเลย
ข้อหา ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
 
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้งเก้ามีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกจำคุก 1 ปี 6 เดือน คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา
 
2.คดีแพ่งดำ 1243/2551 แดง 138/2555
ระหว่าง บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด โจทก์
นางอรพิน วัชรเฉลิม กับพวกรวม 3 คน จำเลย
ข้อหา ละเมิด ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
 
ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดิน 110 ไร่ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท และชำระค่าเสียหายเดือนละ 15,000 บาท จนกว่าจะออกไปจากที่ดินพิพาท และชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 30,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะทุนทรัพย์ที่ชนะคดี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา
 
3.คดีแพ่งดำ 230/2552 แดง 953/2554
ระหว่าง บริษัท สหอุตสาหกรรน้ำมันปาล์ม จำกัด โจทก์
นายมนัส กลับชัย กับพวกรวม 12 คน จำเลย
ข้อหา ละเมิด ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
 
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า ให้จำเลยที่ 1, 3, 5-9, 11, 12 รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดิน 110 ไร่ และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำนวน 1,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนว่าจะชำระเสร็จ และชำระค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาทจนกว่าจะขนย้ายฯ
 
คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ในส่วนของจำเลยขอยกเว้นค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ศาลมีคำสั่งอนุญาต และขอทุเลาการบังคับคดี ศาลยังไม่มีคำสั่งต้องรอให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่งเกี่ยวกับการทุเลาการบังคับคดี
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2555 โจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศเพื่อจะดำเนินการรื้อถอนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เริ่มดำเนินการรื้อถอน 29 มิ.ย. 2555
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2555 ตัวแทนชาวบ้านชุมชนสันติพัฒนาได้เข้าประชุมร่วมกับ นายสถิตย์พงษ์ สุดชูเกียรติ รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งทาง สปก.ยืนยันบังคับคดีไม่มีสิทธิ์เข้าไปรื้อถอนชุมชนเพราะเป็นพื้นที่ สปก.และสปก.ได้ส่งมอบพื้นที่ไปแล้ว และมีการทำหนังสือแจ้งไปทางบังคับคดีระงับการรื้อถอน
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท