เจาะลึกองค์กรมหาชนแห่งแรกที่จะเข้าไปสร้างสารพัด เมกกะโปรเจ็กท์ ในเชียงใหม่ เพื่อปั้นให้เป็นเมื่องท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมสำรวจประวัติศาสตร์การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนี้ว่าเคยมีนโยบายและโครงการอะไรมาบ้างในรอบทศวรรษ
ในช่วงต้นปี 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง สำนักงานพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ.2556 เพื่อดูแลและพัฒนาพื้นที่เชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง
ความน่าสนใจของการตั้งองค์กรแห่งนี้คือ จะเป็นองค์กรมหาชนแห่งแรกจาก 50 กว่าองค์กรที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่เฉพาะในท้องถิ่น และมีอำนาจที่มากไปกว่าการประสานงานและสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการทำกิจการต่างๆ โดยมีอำนาจวางแผน พัฒนา และบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ศูนย์ประชุม และกิจการที่ต่อเนื่องเพื่อการ ‘พัฒนาพิงคนคร’ รวมถึงพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม การขนส่ง และการสาธารณูปโภค
รายงานชิ้นนี้ จึงเป็นความพยายามที่จะสืบเสาะเข้าไปเพื่อฉายภาพให้เห็นว่า โครงสร้างองค์การมหาชนแบบใหม่นั้นมีลักษณะอย่างไร อะไรเป็นแนวคิดเบื้องหลัง ปฏิบัติการจากอำนาจขององค์กรนี้จะเข้าไปชนกับอำนาจของท้องถิ่นอย่างไร จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง และท้ายที่สุดแนวโน้มข้างหน้าขององค์กรนี้จะเป็นอย่างไร
ก่อนจะมีพิงคนคร : นโยบายการท่องเที่ยวไทยกับการสร้าง ‘เชียงใหม่เวิลด์’
หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 รัฐบาลไทยใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2541-2542 ประกาศให้เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย (Amazing Thailand) สองปีถัดมาหลังจากนั้น มีการรณรงค์การท่องเที่ยวภายใต้สโลแกนที่ว่า ‘Unseen Thailand’
ในปี 2545 มีการรณรงค์ให้เกิดการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบมากขึ้นโดยเฉพาะการลงไปเที่ยวใน ‘ชนบท’
และในปี 2547 มีการให้มาตรฐานโฮมสเตย์ หรือเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท’
ล่าสุดในปี 2556 มีการผลักดันการท่องเที่ยวที่ควบคู่ไปกับการจัดงานประชุม หรือที่เรารู้จักกันในนาม ‘MICE’ (Meetings, incentives, conferences, and exhibitions)
ด้วยนโยบายเหล่านี้ทำให้เกิดการผลักดันและพัฒนาสถานที่ต่างๆ ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม ผนวกกับมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอยู่แล้ว อย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ฯลฯ ก็ถูกทุ่มงบประมาณลงไปเพื่อให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
กรณีของเชียงใหม่ มีแนวคิดที่จะทำโครงการ ‘เชียงใหม่เวิลด์’ ซึ่งได้ไอเดียมาจาก ‘Man made destination’ คือ การทำให้สถานที่ที่ไม่มีจุดเด่นอะไร สามารถกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อกระฉ่อนได้ด้วยการสร้างของมนุษย์ ซึ่งในสมัยนั้น รัฐบาลทักษิณได้ไปเห็นตัวอย่างจากประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ประเทศที่ไม่มีจุดเด่นอะไร แต่ก็สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างขึ้นมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ เช่น แสดงสัตว์เวลากลางคืน สิงคโปรอาย (ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ชมทิวทัศน์ของเมือง) กระเช้าชมเมือง เป็นต้น
ด้วยแนวคิดนี้จึงทำให้เกิดแผนการการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองระดับโลกในช่วงปี 2548-2549 ได้แก่ [1]
- โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (สวนสัตว์กลางคืน) มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,155.9 ล้านบาท
- โครงการอุทยานช้าง ในเนื้อที่ 6.000 ไร่ ติดกับไนท์ซาฟารี 600 ล้านบาท
- โครงการพืชสวนโลก ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งบประมาณ 500 ล้านบาท
- โครงการสปา ระดับโลก ใกล้โครงการพืชสวนโลก (ไม่ทราบงบประมาณ)
- โครงการอควาเรี่ยม ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ 300 ล้านบาท
- โครงการพัฒนาลานครูบาศรีวิชัย บริเวณเชิงดอยสุเทพ เพื่อเป็นคอมเพล็กซ์รับสถานีรถไฟฟ้า
- โครงการธีมปาร์ค หรือสวนสนุกและเครื่องเล่นระดับโลก (ไม่ทราบงบประมาณ)
- โครงการพัฒนระบบขนส่งมวลชนแบบโมโนเรล (รถไฟรางเดี่ยว) เชื่อมระหว่างเชิงดอยสุเทพเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ 200 ล้านบาท
- โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 1,450 ล้านบาท
- โครงการศูนย์กลางไม้ตัดต่อประดับพืชเกษตร 300 ล้านบาท
- โครงการถนนวงแหวน ด้านตะวันตกหางดง-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 322 ล้านบาท
- โครงการถนนเลี่ยงเส้นทางหลักเชียงใหม่-แม่ริม 4 ช่องจราจร จากกองพันสัตว์ต่าง โค้งผ่านป่าสมบูรณ์ของดอยสุเทพ-ฟาร์มงูแม่ริม 340 ล้านบาท
- โครงการห้องพักสไตล์รีสอร์ท-ร้านอาหารภายในสวนสัตว์ 715 ล้านบาท
- โครงการกระเช้าลอยฟ้า เชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รอบดอยสุเทพ ระยะทาง 15 กิโลเมตร 8 สถานี ได้แก่ ไนท์ซาฟารี-อุทยานช้าง-น้ำตกห้วยแก้ว-สวนสัตว์เชียงใหม่-ธีมปาร์ค-สปา-พืชสวนโลก-ลานครูบา โดยจะเป็นเคเบิลคาร์ที่วิ่งสวนกันไปมางบประมาณ 1,000 ล้านบาท
- โครงการกระเช้าไฟฟ้าเชียงดาว
- โครงการทุบรื้อฝายเพื่อการท่องเที่ยวทางน้ำ
ปัจจุบัน ในจำนวนโครงการเหล่านี้มีบางโครงการที่สำเร็จไปแล้ว ได้แก่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (สวนสัตว์กลางคืน) โครงการพืชสวนโลก (อุทยานราชพฤกษ์) โครงการอควาเรี่ยมภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯและแสดงสินค้านานาชาติ โครงการถนนวงแหวน ด้านตะวันตกหางดง-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (กำลังสร้างต่อเชื่อมไปถึงถนนเชียงใหม่-จอมทอง บริเวณ อ.ดอยหล่อ) ส่วนโครงการที่เหลือนั้นอยู่ในแผน แต่ยังไม่ได้สร้าง
อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยการสร้างเมกะโปรเจ็คก็ถูกท้วงติงและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะโครงการพืชสวนโลกและเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี [2] เป็นต้นว่า โครงการเหล่านี้จะทำลายสภาพแวดล้อมและนิเวศวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ ออกแบบโดยไม่คำนึงถึงถึงธรรมชาติและผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนบริเวณนั้น อาทิ ปัญหาขยะและการแย่งชิงน้ำไปใช้ ส่อแววคอรัปชั่นโดยเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางราย รวมถึงขั้นตอนที่รวบรัด ขาดการประเมินผลกระทบและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
นอกจากนี้ ยังมีข้อท้วงติงประการสำคัญ คือการบริหารและจัดการพื้นที่โครงการระยะยาว ในส่วนของพืชสวนโลกนั้น มีความพยายามผลักดันให้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ แต่ก็มีการทักท้วงอีกว่า จะหาเงินหมุนเวียนมาดูแลบำรุงรักษาอย่างไร เพราะมีพื้นที่ขนาดใหญ่และใช้งบประมาณต่อปีค่อนข้างสูง
ส่วนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก็มีข้อท้วงติงถึงความล้มเหลวในการจัดการ นอกจากสภาวะการขาดทุนอย่างหนักไม่สมกับราคาคุยตั้งแต่ต้นแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนด้วย
นอกจากนี้ยังได้เสนอการจัดการ 3 รูปแบบ [3] รูปแบบแรกคือ ให้ทางไนท์ซาฟารีดำเนินการต่อไปโดยเปลี่ยนทีมผู้บริหารและเป็นผู้ดำเนินการภายในองค์การเองทั้งหมด รูปแบบที่สองคือ ไนท์ซาฟารีดำเนินงานต่อ แต่จะทำเฉพาะในเรื่องที่ถนัดเท่านั้น เช่น เรื่องสัตว์ การดูแลสัตว์ การให้อาหารสัตว์ ส่วนในเรื่องอื่น ๆ ก็ให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจเข้ามาดูแล และรูปแบบที่สาม คือให้เอกชนที่มีความรู้ความสามารถเป็นผู้บริหารเพื่อตัดปัญหาการดำเนินงานทางธุรกิจ
อาจกล่าวได้ว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้รัฐต้องคิดวิธีจัดการกับโครงการเมกะโปรเจ็คที่ลงไปมากขึ้น ในแง่หนึ่งเพื่อทำให้เกิดการบริหารแบบมืออาชีพ และทำให้เกิดข้อวิจารณ์โดยเฉพาะแง่ของการบริหารจัดการให้น้อยที่สุด ในอีกแง่หนึ่ง รัฐก็เห็นว่า การบริหารจัดการดูแลโครงการขนาดใหญ่ภายใต้ระบบราชการคงไม่เพียงพอเช่นกัน จึงนำมาสู่แนวคิดการจัดการภายใต้ ‘องค์กรมหาชน’ ทางหนึ่ง และ ‘เอกชน’ อีกทางหนึ่งด้วย
‘องค์กรมหาชน’ The chosen one ของรัฐ
อันที่จริง รัฐบาลทราบดีว่า การบริหารภายใต้ระบบราชการไม่สามารถที่จะดูแลจัดการการท่องเที่ยวที่จะให้เป็นโมเดลระดับโลกได้ ดังจะเห็นได้จากการตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เพื่อมาบริหารกิจการการท่องเที่ยวพิเศษ
อพท. เป็นองค์การมหาชนของไทย สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2546 ได้รับงบประมาณ 437.9442 ล้านบาท (ข้อมูลล่าสุดปี 2555) [4] มีหน้าที่บริหารและพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ เป็นองค์กรกลางประสานงานกับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพ ปัจจุบันดำเนินการกำหนดพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ หมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง เมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร จังหวัดเลย
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในช่วงแรกเริ่ม ถูกโอนให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรนี้ ต่อมาในปี พ.ศ.2556 จึงได้โอนไปเป็นภารกิจของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
คำถามที่น่าสนใจคือ เหตุใดรัฐจึงเลือก ‘องค์กรมหาชน’ เพราะมันง่ายและตอบสนองได้รวดเร็วจริงหรือ หรือแท้ที่จริงเป็นตัวเลือกเดียวและดีกว่าตัวเลือกอื่นที่รัฐจะพึงสามารถจัดการได้ หรือว่าเพราะเหตุใดกันแน่
หากเราสำรวจดูแนวคิดและหลักการของการตั้งองค์กรมหาชนในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 จะพบว่า องค์การมหาชน เป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทยประเภทที่สาม นอกเหนือจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จัดตั้งขึ้นเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและเพื่อให้ใช้ประโยชน์ในทรัพยากรและบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ตลอดจนเพื่อบูรณาการให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมกันทำงานอย่างมีเอกภาพ และประสานงานกันเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินงานที่ต้องอาศัยความเร่งด่วน
นอกจากนี้องค์การมหาชนเป็นนิติบุคคล จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 [5] และพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหน่วยงาน กำหนดขึ้นเพื่อทำบริการสาธารณะที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เฉพาะด้านที่ภาครัฐยังจำเป็นต้องดำเนินการและจัดให้มี หรือภาครัฐต้องมีบทบาทให้การสนับสนุนในเรื่องงบประมาณ เพื่อให้เกิดการดำเนินงาน เป็นบริการในส่วนที่รัฐต้องการส่งเสริม หรือเป็นบทบาทของรัฐในการให้บริการ การแทรกแซงตลาด หรือบริการที่ภาคเอกชนยังไม่สนใจหรือมีศักยภาพที่จะดำเนินการ โดยมิได้ค้ากำไรจากการบริการ มีวัฒนธรรมองค์กรเหมือนภาคธุรกิจ ที่สามารถใช้ประโยชน์ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งมิอาจดำเนินการได้ในส่วนราชการซึ่งเป็นองค์การแบบราชการ (Bureaucratic model)
หลักเกณฑ์พื้นฐานในการจัดตั้งองค์การมหาชน มีบัญญัติไว้ในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 [6] ซึ่งสามารถแยกแยะองค์ประกอบในการจัดตั้งได้ 3 ประการ คือ 1) เมื่อรัฐบาลมีนโยบายด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะเพื่อจัดทำบริการสาธารณะ 2) แผนงานการจัดทำบริการสาธารณะนั้นมีความเหมาะสมที่จะจัดตั้งหน่วยงานบริหารขึ้นใหม่ที่แตกต่างไปจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 3) การจัดตั้งหน่วยบริหารขึ้นใหม่นั้น มีความมุ่งหมายให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์ประจำสำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง วิเคราะห์ว่า องค์กรมหาชนเป็นส่วนราชการอย่างหนึ่ง เพียงแต่เปลี่ยนระบบวิธีบริหารและการจ้างงาน กฎหมายนี้เกิดหลังวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากเห็นว่า ระบบราชการมันใหญ่ไป และมีภารกิจบางอย่างที่ไม่สามารถใช้โครงสร้างของระบบราชการและรัฐวิสหกิจบริหารได้
“ตอนนั้นมีกระแสการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หมายถึงว่า มันมีองค์กรของรัฐส่วนหนึ่งที่เป็นองค์กรทำกำไร ทั้งที่เป็นองค์กรแบบเดิมอย่างรัฐวิสาหกิจ และองค์กรแบบใหม่ แต่ภารกิจใหม่ที่ต้องทำมันนอกเหนือไปจากเดิม ซึ่งไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไร จึงจัดตั้งรูปแบบรัฐวิสาหกิจไม่ได้ จึงเกิดแนวคิดเรื่ององค์การมหาชนเพื่อมาอุดช่องว่าง คือจะเป็นราชการก็ไม่ได้ จะเป็นรัฐวิสาหกิจก็ไม่ไหวเพราะบางอย่างก็ไม่ใช่องค์กรทำรายได้”
อาจกล่าวได้ว่า องค์กรมหาชน กลายเป็นตัวเลือกเดียวของรัฐ หากจะต้องการการบริหารที่ก้าวข้ามความเป็นระบบราชการ เพื่อความรวดเร็วและสะดวกในการบริหาร นอกจากนี้รัฐอาจจะคำนวณบ้างแล้วว่า โมเดลการบริหารสถานที่ท่องเที่ยวประเภทนี้ เป็นบริการที่ ‘ภาคเอกชนยังไม่สนใจหรือมีศักยภาพที่จะดำเนินการ’ เนื่องจากยังไม่สามารถคำนวณกำไร ขาดทุน หรือคำนวณแล้วไม่คุ้มก็เป็นได้ และในช่วงแรกเริ่มของโครงการเหล่านี้ก็ต้องใช้งบประมาณรัฐเข้าไปสนับสนุนจำนวนมาก ซึ่งเราอาจเห็นภาพชัดขึ้น เมื่อมองไปพร้อมกับบริบทการตั้ง ‘สำนักงานพิงคนคร’ องค์กรมหาชนล่าสุด ที่ตั้งขึ้นมาบริหารต่อยอดโครงการเมะโปรเจ็คในเชียงใหม่ที่ค้างคาไว้
‘พิงคนคร’ กับแนวคิดเรื่องการจัดการเมืองเชียงใหม่
นอกเหนือจากความพยายามสานต่อความต่อเนื่องโครงการที่ขาดตอนไปในช่วงที่มีการรัฐประหารปี 2549 ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงนคร ยังมีที่มาจากแนวคิดการจัดการเมืองเชียงใหม่ด้วย ซึ่งแนวคิดนี้มีมาพร้อมๆ กับโครงการก่อนหน้าการรัฐประหาร หรือเพิ่งมามีที่หลังนั้นมิอาจพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่ชัดเจนว่า แนวคิดนี้ถูกนำเสนอต่อสาธารณะเมื่อปลายปี 2555 และค่อนข้างเป็นเอกภาพระหว่างกลุ่มการเมืองที่ครองอำนาจในท้องถิ่น และกลุ่มการเมืองระดับชาติ ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มการเมืองเหล่านี้ก็แยกไม่ออกจากกลุ่มทุนท้องถิ่นและในระดับประเทศ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเห็นการก่อตัวของแนวคิดการจัดการเมืองที่ค่อนข้างมีเอกภาพ คือเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2555 มีการประชุมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกแห่งล้านนา (The Glory of Lanna Heritage) โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด จ.เชียงใหม่ [7] ซึ่งมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เขต 3 เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ระหว่างถูกตัดสิทธิทางการเมืองนั่งเป็นประธานข้างนายธานินท์ สุภาแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้น พร้อมด้วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ส.ส. และตัวแทนจากหลายหน่วยงาน
ในการประชุมครั้งนั้นมีการนำเสนอโครงการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้ยุทธศาสตร์การบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อทําให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว การศึกษา การทํางานและการลงทุน และการสร้างสมดุลวิถีชีวิตล้านนากับยุคสมัยปัจจุบัน และรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยมีข้อเสนอแนวทางการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ การยกระดับองค์การมหาชนด้านท่องเที่ยวพื้นที่พิเศษ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็น ‘สำนักงานพัฒนาพิงคนคร’ (ซึ่งขณะนั้นอย่รูะหว่างการยกร่างพระราชกฤษฎีกาของรัฐบาล) โดยจะมีการควบรวมการบริหารเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ และอุทยานหลวงราชพฤกษ์หรือพืชสวนโลกเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเอกภาพในเชิงการบริหารจัดการด้านท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีการวางกรอบร่วมกันในการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ได้แก่ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในเขตเมือง การจัดระบบผังเมืองให้ตอบสนองความต้องการและการใช้ประโยชน์ของเมือง การจัดโซนนิ่งสถานบริการและสถานบันเทิง การนําสายไฟและเคเบิลสื่อสารลงใต้ดิน การพัฒนาคูเมืองที่จะไม่ให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาทุกประเภท ยกเว้นป้ายประชาสัมพันธ์งานเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ การปรับภูมิทัศน์รอบคูเมือง และการปลูกตันไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ความร่มรื่น การสร้าง Branding เชียงใหม่ที่คงกลิ่นอายความเป็นล้านนา การพัฒนาข่วงเวียงหรือลานเมือง การแก้ไขปัญหาการบุกรุกกําแพงดิน การพัฒนาโบราณสถานเวียงกุมกาม การนําของดี 25 อำเภอมาจัดแสดงไว้ในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ และการรณรงค์ให้รักษาเอกลักษณ์การแต่งกายพื้นเมืองและอู้กำเมือง
หลังการประชุมครั้งนั้น มีการรับลูกจากทางจังหวัด อบจ, เทศบาลนครเชียงใหม่กันอย่างแข็งขัน
11 กุมภาพันธ์ 2556 ครม.ประกาศจัดตั้งสำนักงานพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ.2556 [8] พัฒนาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ที่เชื่อมโยงหรือต่อเนื่องกับเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี และอยู่ในความดูแลของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี
9 เมษายน 2556 เทศบาลนครเชียงใหม่เสนอร่างเทศบัญญัติคุมตึกสูงฯ [9] โดยทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างเทศบัญญัติ กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในท้องที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และผ่านมติที่ประชุมในเวลาต่อมา
สาระสำคัญของร่างเทศบัญญัติฉบับนี้ คือ ในสี่เหลี่ยมคูเมือง จะทำให้ตึกมีความสูงไม่เกิน 12 เมตร และรูปแบบของตึกจะต้องมีรูปแบบของสถาปัตยกรรมล้านนา สีของอาคารจะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือหากเป็นโทนน้ำตาลก็ต้องโทนน้ำตาลเหมือนกัน ส่วนพื้นที่นอกบริเวณสี่เหลี่ยมคูเมืองทุกจุดในจังหวัดเชียงใหม่ จะควบคุมตึกสูง คือจะไม่ให้เกิน 23 เมตร ส่วนบริเวณศาสนสถานสำคัญบางแห่งในรัศมี 200 เมตร ห้ามมิให้ก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่มีความสูงเกิน 9 เมตร และศาสนสถานอื่นๆ อีกบางแห่งในรัศมี 100 เมตร ห้ามมิให้ก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่มีความสูงเกิน 12 เมตร(รายละเอียดร่างเทศบัญญัติฯ นี้ สามารถโหลดได้ที่ลิงก์ฝากไฟล์ด้านล่าง [10] )
4 พฤษภาคม 2556 บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เสนอแนวคิดเรื่องระบบขนส่งมวลชน ดันรถไฟฟ้ารางเดี่ยว มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท [11] ระยะเวลาสร้างเสร็จภายใน 5 ปี โดยแบ่งการเดินรถออกเป็น 2 เส้นทาง เชื่อมต่อในเขต อ.เมือง ระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร จะเริ่มต้นเส้นทางตั้งแต่บริเวณอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ปลายทางศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา โดยผ่านรอบคูเมืองเชียงใหม่และท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว
รถไฟฟ้าดังกล่าวจะเป็นรางเดี่ยว ให้บริการเที่ยวละ 3 โบกี้ รองรับผู้โดยสารได้โบกี้ละ 40 คน แต่ละเที่ยวจะรองรับผู้โดยสารได้ 120 คน หากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน จะเพิ่มโบกี้อีก 2 โบกี้ ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ 200 คน ความเร็ว 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะจอดรถไฟฟ้าทุกๆ 500 เมตร ซึ่งจะกำหนดเวลาและจุดจอดรถไฟฟ้าอย่างชัดเจน เบื้องต้นคาดการณ์ว่า แต่ละรอบจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที โดยรถไฟฟ้าดังกล่าว จะควบคุมด้วยระบบสัญญาณจราจร เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงจะได้รับสิทธิ์ให้ไปก่อนไม่ต้องติดสัญญาณไฟจราจร
หลังแนวคิดนี้ออกมาได้ไม่นานก็ถูกโจมตียับว่า นึกถึงแต่เรื่องท่องเที่ยว จึงถูกปรับให้มี 4 เส้นทางในเวลาต่อมาโดยเชื่อมจากวงแหวนรอบสองเข้ามาในเมือง [12] เริ่มจาก A1 สายสีทอง สนามกีฬา 700 ปี – เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี A2 สายสีทับทิม สนามกีฬา 700 ปี-ตลาดสามแยก A3 สายสีไพลิน สวนสัตว์เชียงใหม่-บวกครก A4 สายสีมรกต ท่าแพ-เจริญประเทศ และช้างคลาน
ทั้ง 4 เส้นทางนี้จะครอบคลุมพื้นที่ในเขตเทศบาลเชียงใหม่และเชื่อมต่อไปยังเขตอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้การเดินทางของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งรถไฟฟ้ารางเดี่ยวที่ว่านี้จะให้บริการเที่ยวละ 3 โบกี้ รองรับผู้โดยสารได้โบกี้ละ 40 คน แต่ละเที่ยวจะรองรับผู้โดยสารได้ 120 คน แต่หากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนจะเพิ่มโบกี้อีก 2 โบกี้ ทำให้รับผู้โดยสารได้ถึง 200 คน โดยใช้ความเร็วเพียงแค่ 28 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจะจอดรับผู้โดยสารทุกๆ 500 เมตร โดยกำหนดจุดจอดรถที่ชัดเจน คาดว่าในแต่ละรอบจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
ภาพ-แผนเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้าโมโนเรล (ที่มา : รายการครอบครัวข่าว 3)
นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนวคิดในการจัดทำวงแหวนรอบที่ 4 และวงแหวนรอบที่ 5 เพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณชานเมืองไม่ให้เข้ามาในตัวเมือง และได้วางแนวทางและสำรวจเส้นทางแล้ว โดยจุดแรกจะเริ่มต้นจาก อ.หางดง อ.สารภี อ.สันกำแพง อ.ดอยสะเก็ด อ.สันทราย และสิ้นสุด อ.แม่ริม ส่วนจุดตัดยังไม่มีการสรุปที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเลยจาก อ.แม่ริมไปเล็กน้อย
17 กรกฎาคม 2556 มีการจัดเสวนาในหัวข้อ ‘เส้นทางสู่มรดกโลก’ เพื่อหาแนวทางผลักดัน ‘เชียงใหม่-ลำพูน’ สู่การเป็นมรดกโลก [13] ซึ่งเป็นโครงการประชุมสัมมนาสืบสานและผลักดันเมืองเชียงใหม่-ลำพูนสู่มรดกโลก ภายใต้โครงการ A Tale of Two Cities (ตำนานสองนคร เชียงใหม่-ลำพูน) ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทางจังหวัด
ภาพที่นำเสนอ จะเห็นว่า ‘สำนักงานพิงคนคร’ เป็นสับเซตหนึ่งของแนวคิดพัฒนาเมืองเพื่อทำให้เชียงใหม่กลายเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว การศึกษา การทํางาน และการลงทุน ซึ่งแนวคิดนี้นอกจากจะเชื่อมโยงกับโครงการเมกะโปรเจ็คเดิมที่คั่งค้างอยู่แล้ว ยังน่าจะเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเมืองให้เชื่อมโยงกับนโยบายรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเข้ามา หรือการรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพราะนโยบายเหล่านี้จะนำมาซึ่งความความเปลี่ยนแปลงมหาศาล ตั้งแต่มูลค่าพื้นที่ของเมือง จนถึงการเคลื่อนย้ายของคน ซึ่งหากเร่งปรับให้รองรับ และให้เข้าทางกับการประกอบการธุรกิจของกลุ่มตน ย่อมนำมาซึ่งผลกำไรอย่างมหาศาล ดังจะกล่าวรายละเอียดต่อไปในบทท้ายๆ
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน): โครงสร้างองค์กรและการบริหาร
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) หรือ สพค. (Pinkanakorn Development Agency (Public Organization)) เรียกโดยย่อว่า ‘PDA’ เป็นองค์การมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ที่เชื่อมโยงหรือต่อเนื่องกับเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพการเป็นแหล่งท่องเที่ยวกับทั้งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว โดยทดลองดำเนินกิจการ 5 ปี จากนั้นจึงจะมีการประเมินผลความคุ้มค่าอีกครั้ง
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสํานักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ.2556 [14] ระบุว่า วัตถุประสงค์ในการตั้งสำนักงานนี้ คือ
- วางแผน พัฒนา และบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ศูนย์ประชุม และกิจการที่ต่อเนื่องเพื่อการ ‘พัฒนาพิงคนคร’ (พิงคนคร หมายถึงจุดมุ่งหมายที่กล่าวข้างต้น)
- พัฒนาโครงข่ายการคมนาคม การขนส่ง และการสาธารณูปโภคเพื่อส่งเสริมภารกิจตามข้อ 1)
- ประสานงานและสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาพิงคนคร
- อนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นในพื้นที่การพัฒนาพิงคนคร
- ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่การพัฒนาพิงคนคร โดยคํานึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน
และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว พรฎ.ฉบับนี้ได้ให้สำนักงานนี้มีอำนาจถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และทรัพยสินต่างๆ สามารถทํานิติกรรมได้ทุกประเภท รวมถึงทำข้อตกลงความร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถจัดให้มีและให้ทุนเพื่อสนับสนุนการดําเนินงานของสํานักงาน สามารถเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นในกิจการที่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสํานักงาน สามารถกู้ยืมเงินเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ของสํานักงาน และสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบํารุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดําเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ของสํานักงาน (ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่คณะกรรมการกําหนด)
งบประมาณ
ในส่วนของงบประมาณและรายได้ มาตรา 9 10 11 และ 12 ของ พรฎ.ฉบับนี้ [15] ระบุโดยมีสาระสำคัญ คือ เงินทุน รายได้ หรือทรัพย์สินของสำนักงานพัฒนาพิงคนครในส่วนของรัฐมาจาก 1) การโอนย้ายทรัพย์สินและงบประมาณของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีที่เดิมอยู่กับที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) 2) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งงบประมาณในปี 2557 นั้น อยู่ในวงเงิน 744.3119 ล้านบาท [16] 3) เงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ไม่บังคับ)
ในส่วนของเอกชน เปิดให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร สามารถรับเงินอุดหนุนจากเอกชน องค์กรจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ และเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ได้ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องไม่สูญเสียความเป็นอิสระและความเป็นกลางของสำนักงาน
ส่วนทรัพย์สินและเงินรายได้อีกส่วน มาจากการดำเนินกิจการของสำนักงานเอง เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าบํารุง ค่าตอบแทน ค่าบริการ ฯลฯ โดยรายได้เหล่านี้ไม่ต้องส่งคืนให้รัฐ
โครงสร้างการบริหาร
โครงสร้างองค์กร ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสํานักงานพัฒนาพิงคนคร(องค์การมหาชน) พ.ศ. 2556 [17] กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหาร เรียกว่า ‘คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร’ รวม 11 คนประกอบไปด้วย
- ประธานกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
- กรรมการโดยตําแหน่งจํานวนสามคน ได้แก่ ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
- กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากภาคเอกชนในพื้นที่การพัฒนาพิงคนครจํานวนสามคน
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จํานวนไม่เกินสามคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านการบริหารจัดการ การเกษตร การพัฒนาสังคมกฎหมาย การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การประชุม หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสํานักงาน โดยในจํานวนนี้ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่มีตําแหน่งหรือเงินเดือนประจําร่วมอยู่ด้วย
- ผู้อำนวยการที่ถูกแต่งตั้งจากคณะกรรมการชุดนี้ (ดูผังประกอบ)
ซึ่งประธานกรรมการและกรรมการมีวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ดำรงตำแหน่งไม่เกินสองวาระติด
ในช่วงโยกย้ายข้าราชการปลายปี 2556 ครม.ได้อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร จำนวน 7 ราย ตามที่สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) [18] เสนอ ได้แก่ 1.นายอุดม พัวสกุล เป็นประธานกรรมการ 2.นางชูจิรา กองแก้ว เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3.นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4.น.ส.เสาวนีย์ จิรพวุฒิกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5.นายชัยธวัช เสาวพนธ์ เป็นกรรมการภาคเอกชน 6.นางอรกนงค์ มณีกาญจน์ เป็นกรรมการภาคเอกชน และ 7.นายโชติโรจน์ วงศ์วรรณ เป็นกรรมการภาคเอกชน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป
ภาพแผนผังคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร [19]
‘คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร’ มีอํานาจหน้าที่ควบคุมดูแลสํานักงานให้ดําเนินกิจการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่กําหนดไว้ อาทิ กําหนดนโยบายการบริหารงานและให้ความเห็นชอบแผนการดําเนินงานของสํานักงาน อนุมัติแผนการลงทุน แผนการเงิน โครงการ และงบประมาณประจําปีของสํานักงาน ให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดเก็บและอัตราค่าธรรมเนียม ค่าบํารุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดําเนินกิจการของสํานักงาน ควบคุมดูแลการดําเนินงานและการบริหารงานทั่วไป ตลอดจนออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ เป็นต้น
ในส่วนของการบริหารนั้น คกก.พิงคนคร จะแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงาน และผู้อำนวยการสำนักงาน แต่งตั้งรองผู้อำนวยการ (โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการ) อีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นวางแผนการบริหารโดยจ้างเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้าง (ผู้ซึ่งปฏิบัติงานโดยได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างจากงบประมาณของสํานักงาน) ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ (ผู้ซึ่งสํานักงานจ้างให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญโดยมีสัญญาจ้าง) และเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมาปฏิบัติงานของสํานักงานเป็นการชั่วคราว เพื่อขับเคลื่อนนโยบายตามแผนงานต่างๆ
ในการบริหารนั้น ผู้อํานวยการมีหน้าที่บริหารกิจการของสํานักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของสํานักงาน ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกําหนด นโยบาย มติ และประกาศของคณะกรรมการ และเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่และลูกจ้างทุกตําแหน่ง เว้นแต่ผู้ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจสอบภายใน รวมถึงต้องเสนอแผนงาน เป้าหมาย และโครงการต่อคณะกรรมการทุกปี พร้อมทั้งเสนอรายงานประจําปีเกี่ยวกับผลการดําเนินงานด้านต่าง ๆ ของสํานักงาน และความเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกิจการและการดําเนินงานของสํานักงานให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งรายงานการเงินและบัญชี ตลอดจนเสนอแผนการเงินและงบประมาณของปีต่อไปต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาด้วย
ภาพโครงสร้างการบริหารของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ตามที่บัญญัติไว้ในพรก.ฯและปรากฏ ณ ตอนนี้
การตรวจสอบ
ในหมวด 5-6 ของ พรฎ.ฯ [20] ระบุให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุของสํานักงาน ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง
ในการตรวจสอบภายใน ให้มีผู้ปฏิบัติงานของสํานักงานทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบภายในโดยเฉพาะ และให้รับผิดชอบขึ้นตรงต่อคณะกรรมการตามระเบียบหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการกําหนด
และในทุกรอบปี ให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือบุคคลภายนอกตามที่คณะกรรมการแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีและประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสํานักงาน โดยให้แสดงความคิดเห็นเป็นข้อวิเคราะห์ว่า การใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และได้ผลตามเป้าหมายเพียงใด แล้วทําบันทึกรายงานผลการสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการ
นอกจากนี้ ให้สํานักงานจัดให้มีการประเมินผลการดําเนินงานตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกําหนด แต่ต้องไม่นานกว่า 3 ปีและต้องจัดทําโดยสถาบัน หน่วยงาน องค์กร หรือคณะบุคคลที่เป็นกลางและมีความเชี่ยวชาญในด้านการประเมินผลการดําเนินงาน โดยมีการคัดเลือกหรือแต่งตั้งตามวิธีการที่คณะกรรมการกําหนด
ด้านการกำกับดูแล มาตรา 38 -39 ระบุว่า ให้รัฐมนตรีมีอํานาจหน้าที่กํากับดูแลการดําเนินกิจการของสํานักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย และให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสํานักงาน นโยบายของรัฐบาล และมติของคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับสํานักงาน โดยให้รัฐมนตรีมีอํานาจสั่งให้สํานักงานชี้แจงแสดงความคิดเห็น ทํารายงาน หรือยับยั้งการกระทําของสํานักงานที่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสํานักงาน นโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับสํานักงาน ตลอดจนสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดําเนินการของสํานักงานได้
นอกเหนือจากโครงสร้างดังกล่าว นายอุดม พัวสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร ยังเปิดเผยถึงแผนงานในการบริหารของคณะกรรมการ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2556 [21] ว่า แนวคิดการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลเล็งเห็นว่าจังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและด้านอื่นๆ เพื่อก่อให้เกิดรายได้ อย่างไรก็ตามหากใช้กระบวนการดำเนินงานตามปกติอาจจะทำให้การพัฒนาไม่ต่อเนื่อง จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชนเข้ามาดูแลเพื่อให้การทำงานเกิดความคล่องตัวและต่อเนื่อง
“ในเบื้องต้นสำนักงานพัฒนาพิงคนครจะเป็นเหมือนบริษัทแม่ โดยมีบริษัทลูกในเครือ 2 องค์กร ได้แก่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร คือทำให้องค์กรที่อยู่ในสังกัดมีความแข็งแรงและสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ รวมทั้งพัฒนาให้ไปสู่จุดหมายทั้งในด้านการท่องเที่ยวและด้านอื่นๆ อีกหลายด้านตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ และในอนาคตก็จะมีการนำองค์กรอื่นๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดเพิ่มขึ้นอีกตามความเหมาะสม”
โปรดติดตามตอนต่อไป เจาะองค์การมหาชน ‘พิงคนคร’ (2) : ปฏิบัติการทางอำนาจ: ความเหลื่อมซ้อนระหว่างอำนาจส่วนกลาง-ภูมิภาค-ท้องถิ่น?-รอยปะทะและความขัดแย้ง กรณีสวนสัตว์เชียงใหม่ ข่วงหลวงเวียงแก้ว กระเช้าลอยฟ้า
อ้างอิง:
- สิริมงคล จันทร์ขาว. 2549. เมื่อ ‘ทักษิณ’...ทําผิด ‘ทักษา’.. ความ ‘ขึด’ จึงบังเกิด. แหล่งที่มา : http://www.thaingo.org/cgi-bin/content/content2/show.pl?0399. 3 พฤศจิกายน 2556
- ประชาธรรม. 2550. คนเชียงใหม่ถกแนวทางจัดการพื้นที่พืชสวนโลก. แหล่งที่มา : http://www.prachatham.com/detail.htm?code=n6_06032007_02 . 3 พฤศจิกายน 2556
- ประชาธรรม. 2550. ฮักเจียงใหม่แนะ ‘ปิดไนท์ซาฟารี’ ระบุระยะยาวได้ไม่คุ้มเสีย. แหล่งที่มา : http://www.prachatham.com/detail.htm?code=n1_30112007_01 . 3 พฤศจิกายน 2556
- องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน). 2546. แหล่งที่มา. http://www.dasta.or.th/th/aboutus.html . 4 พฤศจิกายน 2556
- พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542. (2542,13 กุมภาพันธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 116 ตอนที่ 9ก., หน้า 5-16.
- เรื่องเดียวกันกับเชิงอรรถที่ 5
- สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่. 2555. เชียงใหม่ถกยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกแห่งล้านนา (The Glory of Lanna Heritage ). แหล่งที่มา : http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=121021165908 . 4 พฤศจิกายน 2556
- วิกิพีเดีย. 2556. สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน). แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3_(%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99) . 4 พฤศจิกายน 2556
- ASTVผู้จัดการออนไลน์. 2556. ทน.เชียงใหม่ขยับคุมตึกสูง เดินหน้าร่างเทศบัญญัติแล้ว. แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000043449 . 4 พฤศจิกายน 2556
- ทัศนัย บูรณุปกรณ์. 2556. ร่างเทศร่างเทศบัญญัติเรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง หรือดัดแปลง อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในท้องที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฯ. http://www.4shared.com/office/bHp0CxY7/__online.html . 5 ตุลาคม 2556
- คมชัดลึกออนไลน์. 2556. 'บุญเลิศ'ขายฝัน'รถไฟฟ้ารางเดี่ยว'. แหล่งที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20130504/157601/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7.html . 4 พฤศจิกายน 2556
- ครอบครัวข่าวสาม. 2556. สกู๊ป..ขายฝันระบบขนส่งมวลชนเชียงใหม่. แหล่งที่มา : http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/76625/%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%8A%E0%B8%9B--%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.html . 4 พฤศจิกายน 2556
- ASTVผู้จัดการออนไลน์. 2556. เชียงใหม่จัดเสวนานำร่อง ‘เชียงใหม่-ลำพูน’ มรดกโลก นักวิชาการแนะต้องเตรียมพร้อมหลายด้าน. แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087677&Html=1&TabID=3& . 4 พฤศจิกายน 2556
- อ้างแล้ว
- อ้างแล้ว
- พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557. (2556,11 ตุลาคม). เล่ม 130 ตอนที่ 93ก, หน้า 6.
- อ้างแล้ว
- มติครม.1 ตุลาคม 2556. ‘การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร’
- เขียนขึ้นโดยผู้เขียนจากการอ่านพรก.ฉบับนี้
- อ้างแล้ว
- ASTVผู้จัดการออนไลน์. 2556. ปธ.บอร์ด ‘พิงคนคร’ แจงยังไม่คุยเรื่องโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่-ดูแค่ไนท์ซาฟารี-ศูนย์ประชุมฯ. แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Local/viewnews.aspx?NewsID=9560000128074 . 8 พฤศจิกายน 2556
โครงการให้ทุนเพื่อทำข่าวเชิงลึกได้รับการสนับสนุนทุนจากโครงการสะพาน โดยการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจเสนอประเด็นเพื่อขอรับทุนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 โดยคณะกรรมการได้คัดเลือกประเด็นจำนวน 41 ประเด็น จากผู้สมัครเข้าขอรับทุนทั้งหมด 39 ราย จนได้ผู้มีสิทธิได้รับทุนจำนวน 10 ราย และผ่านเกณฑ์มาตรฐานเพียงพอที่จะนำเผยแพร่จำนวน 8 ประเด็น โดยเว็บไซต์ประชาไทได้ทยอยนำขึ้นเผยแพร่ ดังปรากฏอยู่ในหน้านี้แล้ว |