Timeline การคุกคามสื่อในรอบปี 56 – 57 โดยรัฐและ “ประชาชน” !

สื่อกับการคุกคามนับว่าเป็นของคู่กัน เนื่องจากบทบาทและอิทธิพลของสื่อมวลชนที่มีต่อสังคม การคุกคามสื่อนับเป็นความรุนแรงประเภทหนึ่งที่กระทำไม่เพียงแต่ต่อสื่อนั้นๆ แต่ต่อ(การรับรู้)สังคมด้วย โดยตัวความรุนแรงนั้นก็มีหลายประเภท หากอ้างอิงทฤษฎีของ Johan Galtung นักวิชาการด้านสันติวิธีสำนักที่ ศ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ นักวิชาการด้านสันติวิธีของไทยมักอ้างถึง เราจะพบว่าความรุนแรงมีหลายระดับ ทั้งระดับเชิงกายภาพ ระดับเชิงโครงสร้าง ระดับเชิงวัฒนธรรม โดยเฉพาะ 2 ระดับหลังถือเป็นภัยคุกคามเสรีภาพสื่อที่ตรวจสอบยากและมีผลทำให้สื่อมวลชนเหล่านั้นอาจเลือกที่จะไม่เสนอหรือ “เซ็นเซอร์ตัวเอง” (Self-censorship) รวมไปถึงมองว่าข้อมูลที่เซ็นเซอร์เหล่านั้นเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ปัญหาที่ควรถูกนำเสนอก็เป็นได้ ในทางกลับกัน การเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงในสังคมที่เสี่ยงต่อการใช้ความรุนแรงก็เป็นอีกปัจจัยในการเซ็นเซอร์ตัวเองด้วยเช่นกัน
 
เนื่องในวัน 3 พ.ค.ของทุกปีเป็นวันเสรีภาพสื่อโลก (World Press Freedom Day) ทางประชาไทจึงได้รวบรวมปรากฏการณ์การคุกคามสื่อมวลชนตั้งแต่ ม.ค. 56 – ปัจจุบันที่ปรากฏชัดแจ้ง เห็นได้ง่าย ทั้งการฟ้องคดีด้านความมั่นคง รวมถึงหมิ่นประมาท, การทำร้ายร่างกายสื่อมวลชน, การข่มขู่ การชุมนุมปิดล้อม เป็นต้น สิ่งที่น่าสนใจของปรากฏการณ์อันมองเห็นได้ง่ายนี้คือ ไม่ใช่เพียงรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หรือองค์กรกำกับดูแลของรัฐเท่านั้นที่มีบทบาทเช่นนี้ ภาคประชาสังคมหรือกลุ่มการเมืองต่างๆ ก็เข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบสื่ออย่างเข้มข้นยิ่ง จนกระทั่งอาจนับเป็นภัยคุกคามการทำงานของสื่อมวลชนในหลายกรณีเช่นกัน 
 

11 - 12 ม.ค.56

ทหารตบเท้าหน้า สนง.เอเอสทีวีผู้จัดการ

ทหารสังกัดกองทัพบก เดินทางไปชุมนุมหน้าหน้าสำนักงานเอเอสทีวีผู้จัดการ ถ.พระอาทิตย์ เรียกร้องให้สื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2556 พล.อ.ประยุทธ์แสดงความไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอข่าวของ นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการ หลังจากถูกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับการชุมนุมเพื่อทวงคืนปราสาทพระวิหาร และ พล.อ.ประยุทธ์ได้ด่าทอว่า "ไอ้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ผมบอกได้เลยว่า มันเขียนห่วย ด่าผมอย่างโน้นอย่างนี้ เอาอะไรมาด่าผม เอาศักดิ์ศรีอะไรมาด่าผม ทำไมรักประเทศชาติอยู่คนเดียวหรืออย่างไร ไปดูพฤติกรรมตัวเองเป็นอย่างไรกันบ้าง ผมทนมานานพอสมควรแล้ว" และต่อมาเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ได้เขียนแถลงการณ์ "ไอ้ผู้จัดการห่วย หรือ ไอ้ ผบ.ทบ.ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วยกันแน่" ตอบโต้

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าการชุมนุมของทหารดังกล่าวสามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการปกป้องกองทัพบกไม่ได้ปกป้องตัวเขา และคิดว่าจะไม่บานปลาย ถ้าสื่อไม่ขยายความ ส่วน พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1 เห็นว่า ทหารไปแสดงออกถึงความเป็นทหารของเขา ไม่ได้ไปข่มขู่ และมีการขออนุญาตผู้บังคับบัญชา

12 ม.ค.56

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง "ขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน" หลังกรณีทหาร "ตบเท้า" หน้าสำนักงานเอเอสทีวีผู้จัดการ

14 ม.ค.56

กองทัพบกออกหนังสือ เลขที่ กห 0407.25 ลงนามโดย พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ชี้แจงหลังสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์กรณีนายทหารกลุ่มหนึ่งไปชุมนุมหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ

โดยชี้แจงว่ากองทัพบกให้ความเคารพในสิทธิเสรีภาพและการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกแขนงมาโดยตลอด กองทัพบกรู้สึกแปลกใจที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ และได้ตัดสินว่า "กองทัพคุกคามสื่อ" ทันทีที่เกิดเหตุการณ์

"ทั้งนี้กองทัพบกขอยืนยันว่าทหารที่ไปรวมตัวกันมิได้ มีเจตนาคุกคามสื่อ แต่เพียงไป “แสดงความรู้สึกไม่สบายใจ” ต้องการให้เห็นถึงความรักและการปกป้องกองทัพ อีกทั้งยังรู้สึกกดดันที่ทหารได้ทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนในทุกเรื่องอย่างเต็มกำลังความสามารถ มาโดยตลอด แต่กลับถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้การแสดงความรู้สึกก็ยุติลงแล้วตามที่ผู้บังคับบัญชาขอร้อง และสื่อก็ยังคงสามารถเสนอข่าวได้ตามปกติ" ตอนหนึ่งของคำชี้แจงระบุ

ที่มา: ประชาไท, 12 ม.ค. 56 [1], ประชาไท, 14 ม.ค. 56 [2]

 

23 ม.ค. 56

‘สมยศ’ บก.นิตยสาร Voice of Taksin กับ ม.112 และ 15 ครั้งที่ยังไม่ได้ประกันตัว

ศาลอาญา รัชดา อ่านคำพิพากษา คดีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข  บก.นิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 โดยใช้เวลาในการอ่านราว 1 ชั่วโมง ท่ามกลางผู้สังเกตการณ์คดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศราว 200 คน ศาลพิพากษาให้สมยศมีความผิดตามฟ้อง ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาตรร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการจัดพิมพ์และเผยแพร่บทความที่มีเนื้อหาเป็นเท็จและสร้างความเสื่อมเสียแก่พระเกียรติยศเป็นจำนวน 2 ครั้งโดยพิจารณาลงโทษกระทงละ 5 ปี 2 กระทง ลงโทษจำคุก 10 ปี บวกกับโทษเดิมเมื่อปี 52 คดีหมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ที่รอลงอาญาไว้อีก 1 ปี รวมเป็นจำคุก 11 ปี

ทั้งนี้ตั้งแต่นายสมยศถูกจับกุมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้มีองค์กรด้านสิทธิทั้งไทยและสากลได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว และทนายได้มีการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวมาแล้วหลายครั้ง จนเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 56 เป็นครั้งที่ 15 ก็ยังไม่ได้รับสิทธิการปล่อยตัวชั่วคราว

นอกจากนี้หลังจากมีคำพิพากษาดังกล่าว กลุ่มผู้ประกอบอาชีพบรรณาธิการออกแถลงการณ์ร้องความเป็นธรรมให้สมยศ พร้อมระบุด้วยว่าคำพิพากษามีปัญหาเพราะทำให้เกิดการขยายความและขอบเขตการของ มาตรา 112 โดยแนะให้ยึดพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ 2550 ในการพิจารณา รวมทั้งยืนยันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น นักโทษทางความคิดต้องได้สิทธิในการประกันตัว

ที่มา : ประชาไท, 23 ม.ค. 56[1], ประชาไท, 1 ส.ค. 56[2], ประชาไท, 28 ม.ค.56[3]

 

26 ม.ค. 56

ยิงรถข่าวสถานีโทรทัศน์ ASTV 4 คัน

เวลา 03.20 น. บุคคลไม่ทราบฝ่ายบุกยิงรถข่าวสถานีโทรทัศน์ ASTV 4 คัน ขณะจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงวัดชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. และยิงกระจกสำนักงานในเครือของ ASTV

วันเดียวกันหลังเหตุการณ์ องค์กรวิชาชีพสื่อ โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวและผู้ที่เกี่ยวข้องเคารพสิทธิเสรีภาพ และเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณชนอย่างครบถ้วนรอบด้าน ระบุด้วยว่าหากเห็นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนใช้สิทธิเกินขอบเขตสามารถฟ้องตามกฏหมายได้ และเรียกร้องให้ ผบ.ตร.เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์, 26 ม.ค.56 [1]

 

6 ก.พ. 56

สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ ชี้ ม.112 – พ.ร.บ.คอมฯ อุปสรรคต่อเสรีภาพ

สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (Foreign Correspondents' Club of Thailand -FCCT) ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวเนื่องกับกรณีคำตัดสินของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผ่านทางเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ โดยระบุว่า "คณะกรรมการได้ถูกกดดันให้ประณามคำตัดสินกรณีสมยศ และในขณะที่คณะกรรมการมิได้เห็นเป็นเอกฉันท์ในการออกความเห็นในคดีทางกฎหมาย แต่เราก็เห็นว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก" เนื่องจากทำให้สื่อทั้งในและต่างประเทศไม่สามารถตีพิมพ์เนื้อหาที่เห็นต่างทางการเมืองได้อย่างเต็มที่

ที่มา : ประชาไท, 7 ก.พ. 57[1]

 

15 – 16 มี.ค. 56

แบน ‘ตอบโจทย์’ ตอน สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ภาพจากรายการตอบโจทย์

รายการ "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ดำเนินรายการโดยภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สาธารณะ "ไทยพีบีเอส" ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 21.45 น. - 22.30 น. ได้แจ้งทางเพจ "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ว่าตลอดทั้งสัปดาห์ 11-15 มี.ค. 56 พบข้อถกเถียงทางวิชาการว่าด้วย สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ในรายการตอบโจทย์ประเทศไทย โดยออกอากาศมาได้ 4 วัน ได้แก่ วันจันทร์ที่ 11 มี.ค. สัมภาษณ์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย วันอังคารที่ 12 มี.ค. สัมภาษณ์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  วันพุธที่ 13 มี.ค. สัมภาษณ์พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร นักเขียนและนายตำรวจราชสำนักประจำ และวันพฤหัสบดีที่ 14 มี.ค. เป็นการอภิปรายระหว่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ และในวันนี้กำหนดที่จะเป็นการอภิปรายระหว่างสมศักดิ์ และ ส.ศิวรักษ์เป็นตอนสุดท้าย

ทั้งนี้ในตอนสุดท้ายนั้นเมื่อถึงเวลากลับไม่มีการออกอากาศตอนดังกล่าว

ในวันถัดมาองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีดังกล่าว เนื่องจากมีกลุ่มประชาชนเดินทางมาประท้วงการนำเสนอของรายการนี้ ทำให้ผู้บริหารพิจารณาภายใต้หลักการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม องค์การฯ จะต้องไม่สร้างปัจจัยความขัดแย้งเพิ่มเติม หรือเป็นคู่ขัดแย้งเอง นำมาสู่การตัดสินใจพิจารณาทบทวนการนำเสนอประเด็นอ่อนไหวอย่างรอบคอบอีกครั้ง นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการองค์การฯ จึงได้มีข้อเสนอให้นำเรื่องร้องเรียนของกลุ่มประชาชนดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน  ตามมาตรา 46 พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551

ที่มา : ประชาไท, 15 มี.ค. 57[1], ประชาไท, 16 มี.ค. 57[2]

18 มี.ค. 56

คณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(ส.ส.ท.) ออกแถลงการณ์ภายหลังการได้รับมติจากคณะอนุกรรมการฯ ว่าตามที่ได้มีการชะลอการออกอากาศรายการตอบโจทย์วันที่ 15 มี.ค.56 หลังจากนั้นได้มีการนำเรื่องดังกล่าวต่อคณะอนุกรรมการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งคณะอนุกรรมการฯได้วินิจฉัยแล้ว และเห็นว่าการชะลอการออกอากาศดังกล่าว เป็นการผิดข้อบังคับ ส.ส.ท. ว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพ เกี่ยวกับการผลิตและการเผยแพร่รายการ พ.ศ.2552 ข้อ 6.1 “ผู้บริหารหรือพนักงานต้องเป็นอิสระอย่างแท้จริง จากรัฐบาล กลุ่มและพรรคการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ หรือกลุ่มเคลื่อนไหวกดดัน เพื่อให้สาธารณชนเชื่อมั่นในความเป็นอิสระและความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”และเพื่อเป็นการยืนยันหลักการความเป็นอิสระและเสรีภาพของสื่อคณะอนุกรรมการฯจึงเห็นสมควรให้มีการเยียวยาผู้ชมรายการโดยการออกอากาศรายการดังกล่าวโดยเร็ว

จากนั้นในเวลา 21.45 น. วันที่ 18 มี.ค.56 ไทยพีบีเอส ได้ดำเนินการออกอากาศรายการตอบโจทย์ตอน 5 ชุด “สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ตามมติดังกล่าวทันที

ที่มา : ประชาไท, 18 มี.ค. 56[1]

20 มี.ค. 56

นพ.ตุลย์ ขณะอ่านแถลงการณ์

บริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถ.วิภาวดี มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน จากเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาฯ ชุมนุมประท้วงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสกรณีที่มีการนำรายการ ตอบโจทย์ประเทศไทย ในประเด็น “สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตอน 5” มาฉาย เมื่อวันที่ 18 มี.ค.56 หลังจากที่มีการชะลอการออกอากาศไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีรับผิดชอบและควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก

โดย นพ.ตุลย์ ได้อ่านแถลงการณ์เครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ระบุด้วยว่า เนื้อหาของรายการไม่ได้ครอบคลุมหัวข้อที่ตั้งไว้เลยและดูเหมือนว่านายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ผู้ดำเนินรายการสนใจถามแต่เรื่องมาตรา 112 เป็นพิเศษ

เครือข่ายพลเมืองอาสาฯ มีความเห็นว่าการกระทำของทางสถานีทั้งผู้บริหารและผู้ดำเนินรายการเป็นการใช้เวลาและงบประมาณของสถานีสาธารณะในทางที่ไม่เหมาะสม อ้างเสรีภาพสื่อแต่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมและผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์อย่างชัดเจน  จึงรวมตัวกันมาในวันนี้เพื่อเรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีแสดงความรับผิดชอบและจะต้องควบคุมมิให้มีรายการในลักษณะละเมิดสถาบันกษัตริย์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมนี้อีก

ที่มา : ประชาไท, 20 มี.ค. 56[1]

21 มี.ค. 56

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้เสนอรายการ “ตอบโจทย์ประเทศไทย” เมื่อวันที่ 11 – 14 และ 18 มี.ค. 56 จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคำกล่าวของของผู้ร่วมรายการบางท่าน ในรายการดังกล่าวบางช่วงบางตอน เป็นการกระทำที่มีลักษณะเข้าข่ายน่าจะเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และอยู่ในความสนใจของประชาชน จึงแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน

ที่มา : ประชาไท, 21 มี.ค. 56[1]

27 มี.ค. 56

นายกิตติ นิลผาย อาชีพทนายความ แจ้งตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีกับ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จำนวน 5 คน ประกอบด้วย สมชัย สุวรรณบรรณ ประธานกรรมการและผู้อำนวยการ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์  วุฒิ ลีลากุศลวงศ์  มงคล ลีลาธรรม และ พุทธิศักดิ์ งามเดช กรรมการ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการแพร่ภาพออกอากาศรายการ "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ตอน "สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ" ในตอนที่ 4 และตอนที่ 5 โดยนำแผ่นซีดี ที่บันทึกภาพและเสียงรายการดังกล่าว และเอกสารจำนวนหนึ่ง มามอบไว้เป็นหลักฐาน โดยเบื้องต้นตำรวจได้รับเรื่องไว้พร้อมจะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และจะสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้น ก่อนจะส่งให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

ที่มา : ประชาไท, 4 เม.ย. 56[1]

5 เม.ย. 56

6.30 น. ที่บริเวณสวนสาธารณะรัชดานุสรณ์ จ.ขอนแก่น เครือข่ายชมรมคนรักในหลวงในพื้นที่ภาคอีสานหลายร้อยคนได้มารวมตัวเพื่อแสดงพลังถวายความจงรักภักดีสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ ตัวแทนแต่ละจังหวัดได้ผลัดกันขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยเทิดทูนพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ทุ่มเทพระวรกายเพื่อช่วยเหลือดูแลพสกนิกรชาวไทยมาอย่างยาวนาน

ต่อมา ในเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายคนรักในหลวงที่มาชุมนุมได้ร่วมร้องเพลงชาติร่วมกัน ในตอนท้ายของกิจกรรมการชุมนุมครั้งนี้ ได้มีการนำหุ่นฟาง นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มาขังในสุ่มไก่ และทำพิธีสาปแช่งและจุดไฟเผา เพื่อประณามการกระทำอันมิควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย

นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าที่จังหวัดพิษณุโลก สระบุรีและชุมพร ยังมีกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

6 เม.ย. 56

เวลา 13.30 น. ที่หลังสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ หรือ ลานประวัติศาสตร์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ชมรมคนรักในหลวง จ.สงขลา จัดกิจกรรมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีชมรมคนรักในหลวงทั้ง 16 อำเภอของ จ.สงขลา และประชาชนสวมเสื้อสีชมพู เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อแสดงพลังปกป้องสถานบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ได้นำหนังสือแถลงการณ์ประณามไทยพีบีเอสต่อกรณีแพร่ภาพออกอากาศรายการ "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ตอน "สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ"  แจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาเข้าร่วมกิจกรรม ก่อนที่จะแยกย้ายเดินทางกลับบ้าน

ที่มา : ประชาไท, 5 และ 6 เม.ย. 56[1]

 

30 มิ.ย. 56

ช่อง 5 ระงับนำเสนอสกู๊ปข่าวโครงการการจัดการน้ำ

สืบเนื่องจากกรณีสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ปล่อยโฆษณาแทรกคั่น ในรายการฮาร์ดคอร์ข่าว ขณะกำลังนำเสนอสกู๊ปข่าวโครงการการจัดการน้ำของรัฐบาลกับบริษัท เค วอเตอร์ เมื่อวันพุธที่ 26 มิ.ย. 56

หลังจากนั้น วันที่ 30 มิ.ย. สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.ด้านคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผู้บริโภค กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ได้ออกมายอมรับการตัดสินใจใช้ดุลยพินิจเซ็นเซอร์ตัวเองในการออกอากาศข่าวนี้แล้ว เพราะเกรงว่าข้อมูลไม่ครบรอบด้าน ในขณะที่บริษัท โพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้ผลิตร่วม ได้ออกแถลงการณ์ว่าเป็นดุลยพินิจของสถานี พร้อมทั้งยืนยันหลักสำคัญในการนำเสนอข่าวในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดีและยึดหลักในการทำงานในวิชาชีพมาอย่างสม่ำเสมอ แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ควรมีการฟังความเห็นของนักข่าว หรือกองบรรณาธิการที่เกี่ยวข้องถึงการนำเสนอข่าวนี้ ได้มีโอกาสออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าอาจกระทบต่อศักดิ์ศรีของนักข่าว คนทำข่าว หรือกองบรรณาธิการข่าวที่ทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริง

สุภิญญา กล่าววว่า กรณีการเซ็นเซอร์ตัวเองในรายการนำเสนอข่าวสารถือเป็นการส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารข้อมูลของประชาชน ตามบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ที่มา : ประชาไท, 30 มิ.ย. 56[1]

 

24 ก.ค. 56

'กสทช.' เรียกดูเทป ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น มีผู้ร้องเนื้อหาล่อแหลม เสี่ยงขัด ม.37

พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กสทช. และ กสท.ด้านกำกับผังและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ ทางเครือข่ายเฝ้าระวังของอนุกรรมการ กสท.ด้านกำกับผังและเนื้อหารายการ ได้แย้งมายังคณะอนุกรรมการให้พิจารณาเนื้อหารายการของละครชุด “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ที่ออกอากาศทางช่องจีเอ็มเอ็มวัน ของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากละครเรื่องดังกล่าวอาจมีเนื้อหาขัดต่อมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ในด้านความไม่เหมาะสมเชิงคุณธรรม และจริยธรรม โดยมีการเชิญผู้ประกอบการที่ผลิตละครเรื่องดังกล่าวมาพบ เพื่อหารือร่วมกันในด้านของกระบวนการการคิด การนำเสนอเนื้อหาของละคร ไปจนถึงกระบวนการคัดเลือกของช่องในการเลือกนำละครเรื่องดังกล่าวมาออกอากาศ พร้อมทั้งขอต้นฉบับของละครที่ได้ใช้ในการเผยแพร่จริงบนช่องจีเอ็มเอ็มวัน เพื่อการถอดเทปเนื่องจากเนื้อหาที่นำเสนออาจไม่ตรงกันกับในอินเทอร์เน็ต

ที่มา : ประชาไท, 24 ก.ค. 56[1]

 

22 ส.ค. 56

มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ จี้ยุติละคร 'ฟ้าจรดทราย' ชี้บิดเบือนหลักศาสนาอิสลาม

มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ออกแถลงการณ์ เรื่อง “ขอให้ยุติการออกอากาศละครโทรทัศน์ เรื่อง ฟ้าจรดทราย” ถึง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) รวมถึงสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีเนื้อหาระบุว่า ทางมูลนิธิฯ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้นับถือศาสนาอิสลามเกี่ยวกับละครโทรทัศน์ ฟ้าจรดทราย ถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหา และบทบาทตัวละคร ซึ่งมีการบิดเบือนหลักการศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง และใส่ร้ายชาวมุสลิมในทางเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก

ที่มา : ประชาไท, 22 ส.ค. 56[1]

 

26 ส.ค. 56

กสท.สั่งฟันการ์ตูน ‘เคนชิโร่’ ชี้ละเมิดศีลธรรม

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า บอร์ด กสท.มีมติมอบหมายให้สำนักงาน กสทช.พิจารณาบทลงโทษช่องรายการ ‘แกงค์การ์ตูน’ ของบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ที่ออกอากาศบนโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี

เนื่องจากพบว่ามีผู้ร้องเรียนว่าไม่นานมานี้ช่องดังกล่าวได้มีการออกอากาศรายการการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ออกอากาศเวลา 23.00 น. มีเนื้อหาละเมิดศีลธรรมในลักษณะที่มีการข่มขู่ให้ตัวละครฝ่ายหญิงมีการถอดเสื้อออกและมีท่าทางในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งฉากดังกล่าวถือว่าขัดต่อ ม. 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและ กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่ว่าด้วยการห้ามออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมอันดี และลามกอนาจาร เป็นต้น โดย กสท.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งนี้ในส่วนของละครโทรทัศน์ เรื่อง “ฟ้าจรดทราย” ยังไม่ได้มีการนำมาพิจารณาในการประชุมแต่อย่างใด

ที่มา : ประชาไท, 26 ส.ค. 56[1]

 

29 ส.ค. 56

กสทช.เรียก ช่อง 7-มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ หารือ 'ฟ้าจรดทราย'

พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กสทช.กทค. ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 3 ก.ย. 56 คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการได้เชิญผู้บริหารสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และตัวแทนมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ เข้าประชุมหารือเกี่ยวกับข้อเท็จจริงกรณีละครเรื่อง ฟ้าจรดทราย

ที่มา : ประชาไท, 29 ส.ค. 56[1]

 

29 ส.ค. 56

กทค.-กสทช ฟ้อง ‘ณัฎฐา-เดือนเด่น’ ปมเสนอสัมปทานคลื่นความถี่

กรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาท โดยมี เดือนเด่น นิคมบริรักษ์  ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และ ณัฎฐา โกมลวาทิน ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ จากการให้ข่าวและนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับสัญญาสัมปทานคลื่นความถี่ 1800 MHz

และเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 57 ศาลอาญาอ่านคำสั่งรับฟ้องคดีดังกล่าว หลังจากที่มีการไต่สวนมูลฟ้อง โดยนัดพร้อม 30 มิ.ย. 57

ที่มา : ประชาไท, 29 ส.ค. 56 [1], ประชาไท, 17 มี.ค. 57[2]

 

6 ก.ย. 56

ปาระเบิดเพลิงรถนักข่าวช่อง 3 เดลินิวส์ ทุบรถไทยพีบีเอส

เวลา 01.30 น. กลุ่มไม่ทราบฝ่ายใช้ระเบิดเพลิงปาใส่รถนักข่าวท้องถิ่นสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มีการทุบตีรถนักข่าวท้องถิ่นของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวแขนงต่างๆ เข้าไปรายงานข่าวการชุมนุมเรียกร้องแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ที่บ้านธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 5 กันยายน 2556

ที่มา: สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, 6 ก.ย. 2556 [1]

 

25 พ.ย. 56

บีบ ‘สรยุทธ’ เป่านกหวีด ‘นิค นอสติทซ์’ ถูกชกหน้า

ที่มา: สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ นำโดย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เดินทางมาชุมนุมที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เรียกร้องให้สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการเรื่องเล่าเช้านี้ มาพบกับผู้ชุมนุมและชี้แจงจุดยืนการนำเสนอข่าว โดยสรยุทธลงมาพบกับผู้ชุมนุม ก่อนที่แกนนำผู้ชุมนุมจะมอบตอกไม้และนกหวีดพร้อมเรียกร้องให้เป่านกหวีด ซึ่งสรุยทธยอมเป่านกหวีด และประกาศด้วยว่าการเป่านี้ไม่ได้หมายถึงการตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะตนต้องทำหน้าที่สื่อ ก่อนที่จะกลับเข้าอาคารมาลีนนท์เพื่อจัดรายการ

นอกจากช่อง 3 แล้ว ผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ยังเคลื่อนดาวกระจายไปยังสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวีอื่น เช่น ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศไว้ในวันก่อนหน้า

นิค นอสติทซ์ หลังเหตุชุลมุนที่แยก พล.1 ไม่ไกลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลวันนี้ (25 พ.ย.) (ที่มาของภาพ: วิทยุจราจร FM 91 MHz)

โดยผู้ชุมนุมได้เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถ.ศรีอยุธยา เป็น 1 ในจุดนัดหมายนั้น ล่าสุดตั้งแต่เวลา 10.00 น. นายชุมพล จุลใส หรือ ลูกหมี อดีต ส.ส.ชุมพร ได้นำผู้ชุมนุมมาที่ บช.น. และยังคงปักหลักอยู่โดยยืนยันที่จะให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาพ อย่างไรก็ตามเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น โดยเพจสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ FM 91 MHz รายงานว่า มีช่างภาพอิสระชาวเยอรมันชื่อนิค นอสติทซ์ ถูกการ์ดของผู้ชุมนุมชกที่ใบหน้า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ชุมพล จุลใส ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ไล่นิค นอสติทซ์ ออกจากจุดถ่ายภาพ จากนั้น ผู้ชายหลายคนซึ่งทำหน้าที่การ์ดการชุมนุมตรงเข้ามาทำร้าย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกันตัวช่างภาพดังกล่าวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้

ที่มา: ประชาไท, 25 พ.ย. 56 [1], Sanook.com, 24 พ.ย. 56[2], ประชาไท, 25 พ.ย.56[2]

 

1 ธ.ค. 56

กปปส.บุก ThaiPBS เชื่อมต่อสัญญาณกับเวที

ภายหลังจากเปิดตัว "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. มีสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการ กปปส. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.56 ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 56 เวลา 11.00 น. สกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และแกนนำได้นำผู้ชุมนุมเข้าไปในบริเวณสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ถ.วิภาวดีรังสิต และมีการเจรจากับตัวแทนสถานีว่าไม่ให้นำเสนอข่าวจากรัฐบาล ขอให้ ThaiPBS เชื่อมต่อสัญญาณกับเวที กปปส. และขอให้มีตัวแทนผู้ชุมนุมคอยมอนิเตอร์เนื้อหาของรายการ

ทั้งนี้ สมเกียรติ จันทรสีมา ผอ. สำนักเครือข่ายสื่อพลเมือง ThaiPBS เปิดเผยผลการเจรจาว่า ทางผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ชี้แจงว่าสถานีต้องทำหน้าที่สื่อและให้พื้นที่กับข่าวอย่างหลากหลายและรอบด้าน ไม่อาจยอมรับข้อเสนอได้ ซึ่งผู้ชุมนุมยอมรับคำชี้แจงดังกล่าว

ขณะเดียวกันที่หน้าจอของ ThaiPBS มีการขึ้นข้อความชี้แจงว่า "ขอปฏิเสธการควบคุมการออกอากาศของ กปปส. จะเสนอข่าวต่อไปอย่างรอบด้านเพื่อหลักความเป็นอิสระแห่งสื่อสาธารณะ"

อย่างไรก็ตามสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีหลายแห่งใช้วิธีให้ความร่วมมือกับ กปปส. แทนการถูกควบคุมการออกอากาศโดยตรง โดยยอมเชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย ในช่วงที่มีการอ่านแถลงการณ์ของสุเทพ เทือกสุบรรณเลขาธิการ กปปส. แทน

 

สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อ่านแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 56 นอกจากการถ่ายทอดสดในสถานีโทรทัศน์บลูสกายแล้ว ยังมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีหลายช่อง

โดยเเมื่อ เวลา 16.30 น. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้อ่านคำแถลงของ กปปส. ลงวันที่ 1 ธ.ค. 56 โดยมีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีหลายช่อง เชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย

อย่างไรก็ตามในการปราศรัยช่วงค่ำของสุเทพ สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีไม่ได้เชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสดเหมือนช่วงบ่าย แต่ใช้วิธีรายงานสดในช่วงต้นของการปราศรัยเท่านั้น

ที่มา: ประชาไท, 1 ธ.ค. 56 [1], [2], [3]

 

2 ธ.ค. 56

รักเชียงใหม่ 51 บุกพีบีเอส-NBT บีบไม่ให้ทำตาม กปปส.

นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 300 คน ยกขบวนรถจักรยานยนต์-รถยนต์ ติดเครื่องขยายเสียง เดินทางไปที่ศูนย์ข่าวไทย พีบีเอส ภาคเหนือ ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง หลังจากที่ทางสถานีได้ออกอากาศสดแถลงการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่กรุงเทพฯ

รวมทั้ง ได้เดินทางไปที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์ ถ.ประชาสัมพันธ์ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมอ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือถึงนางดวงมาลย์ ศรีกิจวิไลกุล ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จ.เชียงใหม่ ไม่ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากไม่เชื่อฟังจะนำมวลชนคนเสื้อแดงมาบุกยึดและปิดสถานี

กปปส.หาดใหญ่วอน NBT หยุดทำงาน

ขณะที่หน้าสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 หาดใหญ่ มีกลุ่มมวลชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ภายใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และกลุ่มผู้ชุมนุมชาวสงขลาประมาณ 2,000 คน รวมตัวกันบุกเป่านกหวีดกดดันให้ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่หรือพนักงานทุกคนให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ความร่วมมือมาเข้าชุมนุมเพื่อร่วมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์, 2 ธ.ค. 56[1], Tnews, 2 ธ.ค. 56[2]

 

6 ธ.ค. 56

ศอ.รส.ระบุเตรียมเอาผิดผู้บริหารบลูสกาย

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ผู้กำกับดูแล ศอ.รส. ยังระบุถึงผู้สนับสนุนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. โดยระบุว่า ถือเป็นผู้ที่สนับสนุนผู้ที่เป็นกบฏตามหมายจับ โดยจะมีความผิดตามมาตรา 114 ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือ รายแรก คือ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย โดยจะไม่ใช่เป็นการปิดสถานี แต่ผู้บริหารบลูสกายจะถูกแจ้งความ และมีหมายศาลไว้ก่อน เมื่อทุกอย่างจบสิ้น จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ที่มา : ไทยพีบีเอส, 6 ธ.ค. 56[1]

 

7 ธ.ค. 56

กสทช.สั่งสอบ "บลูสกาย" ช่อง 9 และ 11

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการ กสทช. และประธานคณะกรรมการ กสท. เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค. กสท.จะนำเรื่องที่ศอ.รส.ร้องเรียนกรณีที่สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง บลูสกายให้การสนับสนุนนายสุเทพ แกนนำม็อบกปปส. ที่ถูกตั้งข้อหากบฏ พร้อมกับกรณีของ กปปส.ที่เข้ามาร้องเรียนต่อกสท. ในเรื่องสื่อของรัฐ 2 แห่ง คือ อสมท หรือช่อง 9 และสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ และไม่นำเสนอข่าวสารของกปปส. มาตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อตรวจสอบและพบว่าผิดจริงมาตรการต่อไปเริ่มจากการเตือน ปรับ พักใช้ใบอนุญาต และสุดท้ายคือเพิกถอนใบอนุญาต

ที่มา : ข่าวสด, 7 ธ.ค. 56[1]

 

23 ธ.ค. 56

นักข่าวช่อง 3, อสมท.และไทยพีบีเอส ถูกผู้ชุมนุมทำร้าย

ที่มา: สำนักข่าวไทย

ช่วงเช้าที่ศาลาว่าการ กทม. ระหว่างที่ทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดย วารุณี ซื่อสัตย์สกุลชัย กำลังรายงานสถานการณ์การชุมนุมของ กปปส. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งตะโกนต่อว่าพร้อมเป่านกหวีดขับไล่ และเมื่อรายงานข่าวเสร็จได้ถูกผู้ชุมนุมเดินเข้าหาและพยายามทำร้ายร่างกาย แต่ทีมงานช่อง 3 เข้าช่วยป้องกันไว้

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ระหว่างที่เพ็ญพรรณ แหลมหลวง ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานสดสถานการณ์การชุมนุม อยู่บนรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. ด้านหน้ากองสลากเก่า ถ.ราชดำเนิน เกิดเหตุผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งตะโกนด่าทอพร้อมเป่านกหวีดใส่ขณะออกอากาศ และเมื่อลงมาจากรถคันดังกล่าวก็ถูกต่อว่าและพยายามทำร้ายร่างกาย โดยมีรายงานว่ามีชายคนหนึ่งไม่พอใจและกล่าวหาว่ามีการรายงานจำนวนผู้มาชุมนุม 5 พันคน โดยตะโกนว่า "ขี้ข้าทักษิณ รายงานได้อย่างไรมีผู้ชุมนุม 5 พันคน" มีผู้ชุมนุมสาดน้ำเข้าที่หน้า ชกเข้าที่แขนซ้าย และมีรายงานว่ามีการผลักผู้ช่วยช่างภาพจนล้มและจะกระทืบแต่มีการห้ามปรามทัน และขณะที่ทีมข่าวนำรถออกนอกพื้นที่ได้ถูกขว้างขวดน้ำ และทุบรถนั้น

ต่อมาสำนักข่าวไทย ช่วงข่าวภาคค่ำได้รายงานข่าวดังกล่าว และชี้แจงสถานการณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่าระหว่างที่มีการรายงานข่าวไม่ได้รายงานจำนวนผู้มาชุมนุม และยืนยันว่าผู้รายงานข่าวได้รายงานตรงไปตรงมา ไม่ได้ระบุจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมอย่างที่มีการกล่าวหา

มีรายงานด้วยว่า ผู้สื่อข่าวที่ถูกทำร้ายได้ไปแจ้งความที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน กรรวี ธัญญะตุลย์ เลขาธิการสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยระบุด้วยว่าทางสมาคมกำลังติดต่อเพื่อขอพูดคุยกับแกนนำกลุ่ม กปปส. เรื่องการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ให้กระทบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน

ในวันเดียวกัน บนเวทีปราศรัย กปปส. หลังเกิดเหตุทีมข่าวช่อง 9 ถูกทำร้าย แกนนำได้ขึ้นเวทีประกาศห้ามปรามไม่ให้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว โดยระบุว่าเป็นหน้าที่ต้องเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของการชุมนุม

นอกจากนี้แล้ว ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งมีการรับสมัครเลือกตั้ง นายวราวิทย์ ฉิมมณี ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. กรูเข้ามารุมล้อมและเป่านกหวีดไล่ โดยมีบางคนได้ผลักนายวราวิทย์ เพราะเข้าใจว่าเป็นผู้สมัคร หรือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากนายวราวิทย์ ไม่ได้ใส่ปลอกแขนสื่อมวลชนสีเขียว และแขวนเพียงบัตรสื่อมวลชน ที่ กกต.แจกให้สื่อมวลชนเท่านั้น แม้จะพยายามชี้แจงแล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อ จนต้องเข้าไปหลบในรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ กระทั่งต้องประสานงานให้ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำผู้ชุมนุมมาชี้แจงต่อผู้ชุมนุม และพานายวราวิทย์ออกจากพื้นที่ได้ในที่สุด

และองค์กรพันธมิตรเพื่อเสรีภาพสื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAPA) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการยกระดับความรุนแรงต่อผู้สื่อข่าวที่รายการข่าวการชุมนุม พร้อมระบุชัดเจนว่าสื่อตกเป็นเป้าและมีการเว้นโทษแก่ผู้กระทำผิด

ที่มา : ประชาไท, 23 ธ.ค. 56[1], ไทยรัฐออนไลน์, 23 ธ.ค.56[2], ประชาไท, 23 ธ.ค. 56[3]

 

16 ม.ค. 57

ช่างภาพเนชั่นถูกผู้ชุมนุมทำร้าย

เวลา 18.15 น. ได้เกิดเหตุทำร้ายร่างกายนายฐานิส สุดโต ช่างภาพของเครือเนชั่น ที่บริเวณการชุมนุมของ กปปส.ที่สวนลุมพินี

โดยนายเทพชัย หย่อง บรรณาธิการเครือเนชั่น กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างร้ายแรง ขอเรียกร้องให้ทาง กปปส.ดำเนินการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อหาตัวคนที่ทำร้ายช่างภาพของเนชั่นมาลงโทษ ทั้งนี้ทางช่างภาพจำเป็นต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับสื่อมวลชนรายอื่นๆอีก นอกจากนี้ทางเครือเนชั่นจะได้ทำเรื่องไปยังสมาคมนักข่าวเพื่อดูแลเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย

"ขอเรียกร้องให้ทาง กปปส.ทำความเข้าใจกับการ์ดทั้งหลายว่า ขอให้ทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ เคารพหลักสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วย" นายเทพชัย กล่าว

ที่มา : Voice TV, 16 ม.ค. 57[1]

 

22 ม.ค. 57

4 สมาคมสื่อวอนหยุดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลิดรอนเสรีภาพสื่อ

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลิดรอนเสรีภาพสื่อ

ที่มา : สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, 22 ม.ค. 57[1]

 

24 ก.พ. 57

พุทธะอิสระนำมวลชนบุกวอยซ์ทีวี

9.30 น. หลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ  ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนมาปิดทางเข้า-ออกบริเวณหน้า สถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศยกระดับการชุมนุมขั้นแตกหักไล่ทุบธุรกิจในเครือข่ายตระกูลชินวัตร ทั้งนี้ หลวงพระพุทธะอิสระ ได้ปราศรัยว่า จะปักหลักค้างคืน จนกว่าจะให้ชาวนาออกรายการของวอยซ์ทีวี เพื่อชี้แจงความจริง

ที่มา : voice tv, 24 ก.พ. 57[1]

 

4 มี.ค. 57

พุทธะอิสระนำมวลชนจี้กสทช. ระงับช่องเอเชียอัพเดท

หลวงปู่พุทธะอิสระ หนึ่งในแกนนำกลุ่ม กปปส. พร้อมผู้ชุมนุมจากเวทีแจ้งวัฒนะ เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซอยพหลโยธิน 8 เพื่อยื่นหนังสือขอให้สำนักงาน กสทช. ระงับการออกอากาศช่องเอเชียอัพเดท เนื่องจากนำเสนอข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง และปลุกระดมมวลชนให้เกิดความเข้าใจผิด โดยมีนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ด้านภารกิจยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร เป็นผู้รับมอบหนังสือ รับปากว่าจะนำเสนอส่งให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) รับทราบต่อไป

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ดาวเทียมไทยคม ถูกรบกวนสัญญาณออกอากาศ พบว่าช่องรายการเอเชียอัพเดท ก็ถูกรบกวนด้วยเช่นกัน แต่ถือเป็นส่วนน้อยหากเทียบกับช่องบลูสกายที่ถูกสัญญาณรบกวนถี่ ในช่วงที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นเวทีปราศรัย ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้หารือร่วมกับไทยคม และบลูสกาย เพื่อหาทางป้องกัน แก้ไข แนวทางที่ได้คือสั่งให้ไทยคมเตรียมช่องสำรองในการออกอากาศให้บลูสกายหากเกิดปัญหาขึ้นอีก

ที่มา : ประชาไท, 4 มี.ค. 57[1]

 

18 มี.ค. 57

กปปส. บุกอิมฯลาดพร้าว จี้ไม่ให้ นปช.และเอเชียอัพเดตใช้สถานที่

ผู้ชุมนุม กปปส. หน้าห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว (ที่มา: เพจเวทีราชดำเนิน)

กปปส. เวทีสวนลุมพินีมีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วนำโดยแกนนำ กปปส. ได้แก่ นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายสกลธี ภัทธิยกุล นำผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนรถยนต์ประมาณ 20 คันมาที่ลาดพร้าว ซอย 19 บ้านพักนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามนายจารุพงศ์ไม่อยู่บ้าน ผู้ชุมนุมจึงไปที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ในเวลา 11.00 น. ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดตและสถานที่เเถลงข่าวประจำวันเเนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเเห่งชาติ (นปช.) ทั้งนี้มีการปราศรัยโจมตีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เเละกลุ่ม นปช. และเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่อิมพีเรียล เวิลด์ ไม่ให้ นปช. เช่าสถานที่ เพราะเท่ากับการสนับสนุนเเนวทาง นปช.

ที่มา : ประชาไท, 18 มี.ค.57[1]

 

26 มี.ค. 57

สาดอาก้าถล่มสถานีวิทยุ “โกตี๋”

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ จ.ตาก พ.ต.อ.มานัส ศรประพันธ์ รอง ผบก.ภ.จ.ตาก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจส อบบ้านเลขที่ 74/4 ถนนสายท่ารถแม่สอด แห่งที่ 2 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก และเป็นสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงของโกตี๋ หรือนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดง จ.ปทุมธานี หลังกลางดึกวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมามีคนร้ายใช้ปืนสงครามกราดยิงถล่มแล้วหลบหนีไป พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามห่างกันประมาณ 30 เมตร จำนวน 20 ปลอก ส่วนความเสียหายเบื้องต้น พบรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงที่จอดริมถนนหน้าสถานี ถูกยิงหลายนัดจนยางล้อหน้าขวาแตก ประตูเหล็กข้างสถานีถูกยิง 2 นัด และกำแพงตึกถูกกระสุนได้รับความเสียหายหลายรู และมีคนบาดเจ็บ 1 คน คือนายธวัชชัย บุญมาก อายุ 39 ปี คนเฝ้าสถานีที่ถูกยิงแขนขวาบาดเจ็บเล็กน้อย

ที่มา  : ไทยรัฐออนไลน์, 28 มี.ค.57[1]

29 มี.ค. 57

คปท. เยี่ยมช่อง 3 และเตรียมเยี่ยมช่องอื่นๆ

นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า คปท. ได้ทำพิมพ์เขียวแผนการปฏิรูปประเทศเสร็จเรียบร้อยพร้อมทั้งประกาศเดินหน้าปฏิวัติโดยประชาชน นับจากนี้วันข้างหน้า ถ้าคปท. จะเดิน เป้าหมายคือเพื่อปฏิวัติ ไม่ใช่เคลื่อนไหวให้รกถนน การปฏิวัติจะไปขอความร่วมมือข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ สื่อมวลชน สำหรับสื่อทุกแขนงขอให้เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา และไม่เลือกข้างที่จะเสนอข่าวเชียร์รัฐบาล ถ้าจะเยี่ยมที่แรกคงไปช่อง3 เมื่อจะไปต้องไปแบบปักหลักพักค้าง 3-7 วัน ใช้พลังของตัวเองเคลียร์เข้าไปเคลียร์ให้สะอาด อย่างไรก็ตาม การจะไปสถานีโทรทัศน์จะเริ่มจากช่องฟรีทีวีเป็นอันดับแรก

ที่มา : แนวหน้า, 29 มี.ค.57 [1]

 

12 เม.ย. 57

"กสทช." สั่งลงดาบ-ถอดรายการ ‘พอร์ซิอุส’

นายคฑาพล แก้วกาญจน์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "เพอร์ซิอุส” ผู้ดำเนินรายการ "ทุกข์ปัญหามีคำตอบ" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม H Plus

สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. ในฐานะประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ฯ กล่าวว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคครั้งล่าสุด  ได้พิจารณาพบว่ารายการ "ทุกข์ปัญหามีคำตอบ" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม H Plus ดำเนินรายการโดยนายคฑาพล แก้วกาญจน์ อ้างว่าเป็นเพอร์ซิอุส สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มีข้อความที่อาจเข้าข่ายการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ซึ่งมีการออกอากาศรายการหรือการโฆษณาที่มีเนื้อหาสาระในลักษณะเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคเลือกใช้บริการหรือสินค้า โดยหลอกลวงหรือกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบริการหรือสินค้านั้น หลังจากได้พูดคุยกับผู้บริหารของช่องดังกล่าว ได้รับแจ้งว่าช่องยินดีถอดรายการดังกล่าวออกจากผังรายการ และจะเข้มงวดดูแลรายการไม่ให้เกิดข้อความหรือเนื้อหาที่เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค  รวมทั้งการโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ที่ผิด กม.ด้วย

ที่มา : ประชาไท, 12 เม.ย. 57[1]

 

17 เม.ย. 57

กองทัพเรือฟ้องเว็บไซต์ภูเก็ตหวาน ปมเสนอข่าวเอี่ยวค้ามนุษย์โรฮิงญา

ภาพจากเฟซบุ๊ก iLaw

อลัน มอร์ริสันและชุติมา สีดาเสถียร บรรณาธิการและนักข่าวเว็บไซต์ภูเก็ตหวาน ที่ถูกฟ้องร้องจากกองทัพเรือด้วยข้อหาหมิ่นประมาท และละเมิดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ได้รับการประกันตัว หลังจากที่ทั้งคู่ได้เข้าไปรายงานตัวต่ออัยการเพื่อส่งตัวฟ้องและถูกคุมขังอยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ตราว 5 ชั่วโมง

โดยคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ก.ค. 56 สำนักข่าวภูเก็ตหวานเผยแพร่ "รายงานพิเศษเรื่อง : ทหารไทยได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ผู้อพยพทางเรือ" ซึ่งอ้างอิงแหล่งข้อมูลมาจากสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานชิ้นนี้มีการกล่าวพาดพิงว่าเจ้าหน้าที่กองทัพเรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา

ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. 56 กองทัพเรือจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตให้ดำเนินคดีทั้งสองคนฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14(1)

ที่มา : ประชาไท, 17 เม.ย. 57[1]

 

24 เม.ย. 57

ลอบยิงระเบิดใส่เดลินิวส์

เวลา 21.00 น.ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงเครื่องยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 เข้าใส่สำนักงานใหญ่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เลขที่ 1/4 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. ก่อนที่กระสุนจะมาตกลงที่บริเวณพื้นปูนคอนกรีตระหว่างข้างอาคาร 9 ชั้น กับอาคารนิวทีวี เป็นเหตุทำให้พบหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร กว้างประมาณครึ่งฟุต ขณะที่สะเก็ดระเบิดทำให้แอร์ติดตั้งข้างตัวอาคารได้รับความเสียหาย นอกจากนี้สะเก็ดระเบิดยังถูกตัวอาคาร และเสาคอนกรีตใกล้เคียงขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายเป็นรูพรุนหลาย 10 แห่ง และพบเศษสะเก็ดทองเหลืองตกกระจายเกลื่อน

25 เม.ย. 57

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ แถลงการณ์องค์กรวิชาชีพสื่อเรื่องประนามการใช้ความรุนแรงคุกคามสื่อมวลชนกรณีคนร้ายยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม79 ใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ที่มา : ประชาไท, 24 เม.ย. 57[1], ประชาไท, 25 เม.ย.57[2

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท