Skip to main content
sharethis

สุเทพ เทือกสุบรรณระบุ "ผู้หลักผู้ใหญ่" ยื่นคำขาดไม่ให้พูดเรื่องมอบตัว จึงขอปรับเป็นการประกาศชัยชนะในวันที่ 27 พ.ค. แทน เพราะเห็นแล้วว่าจะต้องชนะลูกเดียว ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น พร้อมกล่อมสุวัจน์-บรรหาร-สนธยา ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ด้านชุดเคลื่อนที่ กปปส. วืดไม่เจอ รมต. ทั้งยุคล ลิ้มแหลมทอง-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

สุเทพ เทือกสุบรรณ พบปะผู้สนับสนุนย่านปากคลองตลาด-ฝั่งพระนคร เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา (ที่มา: เพจสุเทพ เทือกสุบรรณ)

20 พ.ค. 2557 - ในการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เวทีการชุมนุม กปปส. ถนนราชดำเนินนอก เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 19 พ.ค. นั้น นายสุเทพกล่าวขอบคุณประชาชนที่ปากคลองตลาดที่ออกมาต้อนรับหลังนายสุเทพเคลื่อนขบวน กปปส. ผ่านช่วงเช้า ทั้งนี้นายสุเทพกล่าวว่าได้ไปเดินผ่านโรงเรียนสวนกุหลาบและเล่าว่า "มีเด็กนักเรียนออกันอยู่เต็มประตูโรงเรียน ผมก็เลยแหวกคนเข้าไป เข้าไปตอนแรกนึกว่าประตูไม่เปิดก็จะยื่นมือไปจับมือลูกๆ หลานๆ นักเรียนสวนกุหลาบซึ่งเป็นเด็กเรียนเก่งทั้งนั้น แต่ปรากฏว่าประตูเขาไม่ได้ปิด ผมเลยได้เข้าไปข้างในเลยถ่ายรูปร่วมกันกับคุณครู-นักเรียนที่นั่น เฮฮาสนุกสนามมาก เข้าใจว่ามีเด็กอดข้าวกลางวันหลายคนเพราะเอาตังค์มาให้เราเสียแล้ว ขอบคุณครูอาจารย์ น้องๆ นักเรียนสวนกุหลาบนะครับ"

สุเทพกล่าวว่าตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ไม่เคยเจอเลยว่าใครแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับพวกเรา จะเป็นคนขับแท็กซี่ คนขับรถมอเตอร์ไซค์ คนขายของข้างทาง จนถึงเจ้าของบริษัทห้างร้าน แขกในร้านอาหาร เอาด้วยกับพวกเรามวลมหาประชาชนทั้งนั้น

 

สุเทพจะไม่พูดเรื่องมอบตัวหลังอีกแล้ว เนื่องจากมีผู้หลักผู้ใหญ่ขอร้อง

ตอนหนึ่งสุเทพได้อ่านจดหมายของผู้ชุมนุมที่ฝากมากับเงินบริจาคโดยระบุว่า "ขอให้ลุงกำนันอยู่เป็นร่างทรงต่อไป ไม่ให้ออกจากร่างทรงค่ะ" จากนั้นสุเทพกล่าวติดตลกว่า "แล้วคุณแม่จะทรงผมอีกนานเท่าไหร่ครับ"

จากนั้นสุเทพอธิบายต่อว่า "ผมเข้าใจดี ว่าหลายคนเป็นห่วงเรื่องวันที่ 27 พ.ค. ผมเคยบอกกับพี่น้องไปการต่อสู้มันต้องมีการหมดยก มันต้องมีการแพ้-ชนะ แล้วผมก็กราบเรียนเชิญเรียกร้องพี่น้องทั้งหลายว่าสู้คราวนี้เป็นม้วนสุดท้าย ม้วนจบของหนังเรื่องนี้แล้วถ้าพี่น้องต้องการชนะก็ต้องออกกันมาหลายล้านคน ถ้าพี่น้องข้าราชการทั้งที่เป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร ต้องการเห็นบ้านเมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บ้านเมืองเจริญขึ้น ข้าราชการอยู่ได้อย่างมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ไม่ต้องเป็นข้าทาสนักการเมือง เป็นข้าราชการของแผ่นดิน เป็นข้าราชการของประชาชนแล้วละก็ พี่น้องข้าราชการต้องตัดสินใจมาสู้ร่วมกับมวลมหาประชาชน"

"และผมได้ประกาศไปครับว่า ถ้าคนออกมาน้อย ถ้าพี่น้องข้าราชการไม่ออกมา เราไม่สามารถเอาชนะระบอบทักษิณได้ เราก็ต้องยุติการต่อสู้ในยกนี้ แล้วผมไปพูดกับพี่น้องว่าถ้ายุติการต่อสู้ยกนี้ แล้วผมก็จะเดินไปมอบตัว เข้าคุกให้รู้แล้วรู้รอดเลย"

"ตรงนี้แหละครับเลยเกิดปัญหา บอกผมว่าไม่ยอม ไม่ยอมๆๆ พูดมา 2-3 วันแล้ว แล้วในที่สุดเมื่อวานนี้เองครับ ผู้อาวุโสทั้งหลายทั้งข้าราชการ อดีตปลัดกระทรวง อดีตอธิบดีกรม ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือทั้งนั้น ยื่นคำขาดกับผมว่าไม่ให้พูดแล้วแบบนี้ แล้วผมก็แก้ไปแล้วเมื่อคืน ว่าวันที่ 27 พ.ค. เป็นวันประกาศชัยชนะของมวลมหาประชาชน และผมเห็นแล้วครับว่ามันต้องชนะลูกเดียว มันไม่มีทางเป็นไปอย่างอื่นได้ เพราะผมเห็นหน้าตาพี่น้องประชาชนทุกถนนที่เดินผ่าน คิดอ่านเหมือนพวกเราทั้งนั้น ทั้งบ้านทั้งเมืองคิดเห็นเป็นอย่างนี้ มันจะแพ้ได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องดูกัน นี่มันเพิ่งวันปฏิบัติการวันแรก รอดูวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ มีเวลาให้ตรวจสอบวัดใจกันได้อีกหลายวัน"

"ผมกราบเรียนพี่น้องทั้งหลายครับว่า ตั้งแต่เราตั้งสัตยาธิษฐานด้วยกันเมื่อ 5 พ.ค. เราได้ลงมือบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จด้วยความอดทน ด้วยความมานะ ด้วยความเพียรจริงๆ การที่ออกไปเดินตามถนนวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการบำเพ็ญเพียร การที่เราข่มใจเมื่อพี่น้องร่วมอุดมการณ์ของเราถูกพวกเดรัจฉานมาลอบสังหารขณะที่นอนหลับที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการบำเพ็ญเพียรของเรา เพียงแต่ว่าเราจำเป็นที่จะต้องประกาศถึงกำหนดการในการปฏิบัติการของพวกเราให้ชัดเจน เพราะไม่ต้องการให้คนกลุ่มอื่น ฝ่ายอื่น นึกและเข้าใจเอาว่าการต่อสู้ของเราจะยังคงสู้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งปีทั้งชาติ เราจึงต้องประกาศให้ชัดว่าเราสู้เอาเป็นเอาตายคราวนี้ 26-27 พ.ค. ต้องวัดกันไปเลย"

 

ให้โอกาสวุฒิสภาถึงวันศุกร์เท่านั้น รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง-นานกว่านี้ กปปส.จะทำกันเอง

"ผมไม่พูดอะไรถึงวุฒิสภาอีกแล้วหลังจากที่พูดคืนนั้นไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าต้องมีสมาชิกวุฒิสภาที่มีความคิด ที่รับผิดชอบบ้านเมือง ต้องเข้าใจว่าขบวนของมวลมหาประชาชนเคลื่อนที่แล้ว กำหนดวันเวลาที่เป็นเป้าหมายแล้ว ถ้าวุฒิสภาจะทำอะไร จะตัดสินใจอะไร เขาก็โอ้เอ้ไม่ได้ และผมก็กราบเรียนตรงๆ เลยครับ วันศุกร์เช้าก็จะไปตั้งเวทีใหม่ ที่หน้ารัฐสภา จะมีข้าราชการเกษียณ และที่ยังรับราชการอยู่ จะไปชุมนุมกันที่นั่น เปิดเวที "มวลมหาข้าราชการ" ตอนบ่ายวันศุกร์เขาจะอยู่ที่นั่น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าตอนจบเขาจะตัดสินใจอย่างไร เพราะว่านั่่นคงเป็นวันสุดท้าย โอกาสสุดท้ายที่ใครจะเปิดโอกาสให้กับวุฒิสภาถ้าคิดจะทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง"

ส่วนที่ผมไม่คิดชวนใครไปที่รัฐสภาอีกแล้ว เพราะวันนั้นกว่าจะผมพากลับมาได้ก็ออกแรงพอควร เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ดีแล้ว และสมาชิกวุฒิสภาเมื่อเห็นความตั้งใจจริง เห็นเจตนาดีของพวกเราแล้วก็คงจะคิดอะไรได้ คิดอะไรไป แต่ถ้าคิดก็แล้ว แต่ถ้าไม่กล้าทำอะไร อันนั้นก็ไม่ต้องขอโทษโกรธเคืองกัน วันศุกร์ก็คงเข้าใจได้ชัดเจนว่าคนเราก็คงมีจุดถึงที่สุดเหมือนกัน ยืดมากกว่านั้นก็คงไม่ไหวแล้ว

"ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เราก็ได้กราบเรียนด้วยความเคารพไปหมดแล้วว่าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้นานกว่านี้ไม่ได้ จะให้ประเทศไทยไม่มีรัฐบาล ปล่อยให้ความเสียหายเกิดขึ้นทับถมทุกวี่ทุกวัน ประชาชนไม่สามารถอดรนทนได้ต่อไป แต่ถ้าท่านผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่รู้สึกร้อน ไม่รู้สึกหนาว ก็เป็นเรื่องที่เราทำได้เท่านี้ ที่เหลือเป็นเรื่องที่เราทำกันเอาเอง แล้วเกิดอะไรขึ้นก็ช่างหัวมัน"

 

เผยกำหนดการ 20 พ.ค. กปปส. จะมุ่งไปนางเลิ้ง-พญาไท-ปทุมวัน-ผ่านฟ้า

"กว่าจะถึงวันที่ 26 ก็มีเวลาตั้งหลายวัน เราจะเดินหน้าบำเพ็ญเพียรต่อไป" โดยสุเทพกล่าวถึงกำหนดการในวันที่ 20 พ.ค. ว่า จะออกจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ เวลา 10.00 น. จะเดินผ่านชุมชนนางเลิ้ง ที่ นปช.ฆ่าแม่ค้านางเลิ้งปี 2552 จะเดินผ่านโบ๊เบ๊ ไปถนนเพชรบุรี เข้าถนนพระราม 6 ทักทาย รพ.รามาธิบดี ผ่าน รพ.พระมงกุฎเกล้า รพ.ทหาร ผ่าน รพ.เด็ก วนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปตามถนนพญาไทถึงสี่แยกปทุมวัน ผ่าน รพ.หัวเฉียว  สี่แยกวรจักร ถนนมหาไชย และกลับมาที่สะพานผ่านฟ้า

สุเทพกล่าวด้วยว่าการบำเพ็ญเพียรวันพรุ่งนี้อาจต้องใช้เวลามากกว่าวันนี้ ใครยังมีเรี่ยวแรงอยู่พรุ่งนี้ก็เดินด้วยกัน วันนี้เงียบไปหน่อย พรุ่งนี้เดินต้องตะโกนขับไล่ด้วย โดยจะเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยช่วยกันออกมาไล่พวกรัฐมนตรีที่เหลือออกไปให้หมด

 

ขอให้บรรหาร-สุวัจน์-สนธยา พาลูกพรรค-รัฐมนตรีถอนตัวจากรัฐบาล

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ผมขอเรียกร้องไปยังคน 3 คน หนึ่ง ท่านบรรหาร ศิลปอาชา  2. ท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 3. ท่านสนธยา คุณปลื้ม  3 ท่านนี้กับผมในชีวิตทางการเมือง เคยต่อสู้กันมาหลายยก แล้วก็เคยร่วมมือกันมาหลายครั้ง ผมเรียนกับทั้ง 3 ท่านเลย ผมยังนึกรักอยู่ ท่านบรรหารผมก็ยังเคารพนับถืออยู่หลังเคยสู้กันมาในอดีต หลังผมเป็นผู้จัดการรัฐบาล ท่านเหล่านี้ผมก็เคยไปขอความร่วมมือจนจัดตั้งรัฐบาลได้และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในฐานะนักการเมือง วันนี้ผมเรียกร้องท่านบรรหาร ผมรู้ว่าคนอย่างท่านเป็นประเภทรักษาคำมั่นสัญญา อาจจะรับปากทักษิณไว้ตอนเข้าร่วมรัฐบาล ว่าไปถึงไหนถึงกัน แต่วันนี้ผมอยากบอกท่านบรรหารว่าเรือมันจะจมแล้วท่านบรรหาร ผมไม่ได้บอกให้ท่านเสียสัจจะหรือบอกให้ท่านกระโดดเรือหนี แต่ผมบอกท่านด้วยความหวังดี ว่าเรือมันกำลังจะจมแล้ว นี่ผมยังไม่ได้ด่าท่านเลยนะ ถ้าผมด่าท่านผมต้องบอกว่าท่านบรรหารจะทนภายเรือให้โจรนั่งต่อไปอีกนานเท่าไหร่

นายสุเทพ กล่าวว่า ไปหาท่านที่กระทรวงเกษตร รถจอดอยู่เยอะ ไม่รู้เป็นอย่างไรรถยางแฟบหมด ผมเลยโทรไปขอโทษ เป็นเงินเท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้ก็แล้วกันครับท่านบรรหาร แต่ว่าผมอยากขอท่านบรรหารว่า ผมรู้ว่าท่านยุคล ลิ้มแหลมทอง รักษาการ รมว.เกษตร เป็นคนดี เป็นคนหน้าบาง เขาไม่ได้อยากเป็นรัฐมนตรีกับรัฐบาลเหี้ยพวกนี้แล้ว เขาอยากจะออก แต่มีคนบอกผมว่าท่านบรรหารไม่ให้ออก ท่านช่วยชี้แจงกับผมหน่อยพรุ่งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวก็เหมือนกัน เขาไม่อยากอยู่แล้ว เขาอายข้าราชการเดินผ่านไม่มีใครยกมือไหว้ แล้วมีข้าราชการเข้าชื่อไปยื่นรัฐมนตรีแล้วว่าออกไปเถอะ อย่าอยู่กับพวกเหี้ยเลย เขาไม่อยากร่วมสังฆกรรมกับรัฐมนตรีเหี้ยที่เหลืออยู่แล้ว ท่านบรรหารอย่าไปทรมานเขา ให้เขาออกไปเถอะ ท่านบรรหารควรใช้โอกาสนี้แสดงความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง สาธุ ถ้าคืนนี้ท่านบรรหารนอนแล้วฝันถึงมวลมหาประชาน พรุ่งนี้ตื่นมาขอให้ตัดสินใจประกาศว่าเลือดสุพรรณขนานแท้ขอตัดสินใจอยู่ข้างมวลมหาประชาชน ถ้าท่านตัดสินใจอย่างนี้เสร็จงานแล้วผมจะไปกราบท่านถึงบ้าน แต่ถ้าท่านตัดสินใจช้า ผมของขึ้นมาท่านอย่ามาว่าผม

สุเทพกล่าวถึงสุวัจน์และสนธยาว่า "กลับบ้านคืนนี้ก็ถามลูกถามเมียว่าเขาคิดอย่างไร มีแต่คุณที่คิดผิดอยู่คนเดียวทั้งบ้าน ไปเกรงใจทักษิณทำไม ต้องเกรงใจประชาชน ผมเตือนแล้วนะ ถ้าของขึ้นแล้วอย่าหาว่าไม่เตือน อีกคนคือสนธยา คุณปลื้มนี่ก็เพื่อนกัน เป็นคนที่ชาวเมืองชลรักใคร อัธยาศัยดี แต่ผมรู้ว่าชีวิตนี้จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลอยู่เรื่อย ผมจะบอกว่าพอได้แล้ว พอเถอะเพื่อน เอาแค่นี้เถอะ ถ้าคุณไม่ออกต่อไปคนที่จะไปหารัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านนี้ ผมจะนำไปเอง  ขอให้ทั้ง 3 คนนี้เห็นแก่ชาติ บ้านเมือง ให้รัฐมนตรีในสังกัดลาออกเสีย ประชาชนจะได้ยกย่อง สรรเสริญ แต่ถ้าไม่ทำ ผมก็จำเป็นต้องปฎิบัติต่อท่านและรัฐมนตรีต่อท่านเหมือนรัฐมนตรีคนอื่นที่ยังเหลืออยู่"

ส่วนพวกขี้ข้าขนานแท้ของทักษิณ ไม่ขอร้องเลย แต่จะตามล่าต่อไป ต้องเอาออกให้ได้ และพรุ่งนี้เดินไปตามถนนก็จะประกาศด่ามันเรียงตัวให้คนได้ยินทั้งประเทศ  ผมถึงได้กราบเรียนกับพี่น้องทั้งหลายว่าเราต่อสู้แบบสันติ สงบ ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรงแต่ใช้ปากได้ อย่าเคร่งครัดมากนัก

"วันที่ 26 พ.ค. เวลา 19.00 น. เราจะประกาศเป็นทางการว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีการชุมนุมอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นนัดชี้ชะตาของประเทศ เราจะสู้ให้ถึงที่สุด แล้วเอาชัยชนะมาเป็นของประชาชนทั้งประเทศไทยให้ได้" เลขาธิการ กปปส. กล่าว

 

กปปส.ไปหาชัชชาติ แต่ไม่เจอเพราะไปดอนเมืองแต่เช้า
ส่วน รมว.เกษตร พาบรรหารลงเรือออกจากกรมชลประทาน ก่อนที่ กปปส. จะมาถึง

อนึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า กปปส. ได้เคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมเพื่อปฏิบัติการ "ยึดคืนอำนาจอธิปไตย" โดยแบ่งออกเป็น 5 ขบวน โดยขบวนที่ 1 นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มุ่งไปทางเขตพระนครด้านท่าเตียน-ปากคลองตลาด ขบวนที่ 2 นำโดยณัฏฐพล ทีปสุวรรณ สกลธี ภัททิยกุล ชุมพล จุลใส และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ขบวนที่ 3 นำโดยทยา ทีปสุวรรณ และจิตภัสร์ กฤดากร มุ่งไปที่บ้านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ขบวนที่ 4 นำโดยถาวร เสนเนียม และขบวนที่ 5 กลุ่มเรียกร้องพลังงานนำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล มุ่งหน้าบ้านพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน นอกจากนี้ขบวนของ "พุทธะอิสระ" ได้เคลื่อนมาจากเวทีแจ้งวัฒนะมายังศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อค้านการออกหมายจับแกนนำ กปปส. ด้วย

สำหรับขบวนของถาวร ได้มาที่กรมชลประทาน เนื่องจากทราบว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รักษาการ รมว.กระทรวงเกษตร ประชุมอยู่ แต่เมื่อมาถึง ทั้งนายบรรหาร และนายยุคลได้ออกจากที่ประชุมไปแล้ว โดยลงเรือออกไปทางด้านหลังของกรมชลประทานไปแล้ว 10 นาทีก่อนหน้านี้ เพื่อไปตรวจงาน ความคืบหน้างานก่อสร้างอาคารชลประทานริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ประตูระบายน้ำคลองบางกรวย และประตูระบายน้ำคลองบางบัวทอง

ส่วนขบวนที่นำโดย ทยา และจิตภัสร์ เมื่อไปถึงบ้านชัชชาติ ปรากฏว่าชัชชาติไม่อยู่แล้วตั้งแต่เช้า เนื่องจากไปตรวจงานที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และหอควบคุมการบิน ของบริษัทวิทยุการบิน และไปตรวจงานสะพานกลับรถ บนถนนพหลโยธิน บริเวณหนองแค กม. ที่ 78

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net