หัวหน้า คสช. แถลงแผน 3 ขั้น 'ปรองดอง-ปฏิรูป-เลือกตั้ง' เร็วสุดใช้เวลาหนึ่งปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกทีวีชี้แจงสาเหตุยึดอำนาจ-ระบุจำเป็นต้องคงกฎอัยการศึก-เคอร์ฟิวส์สกัดผู้ก่อเหตุรุนแรง ส่วนการเชิญตัวบุคคล จะมีขั้นตอนคัดแยก-ดูแลสงบสติอารมณ์เพื่อให้ได้คิดทบทวนว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้าง โดยดูแลเป็นอย่างดี พร้อมเผยโรดแมป คสช. ขั้นแรก ตั้งศูนย์ปรองดอง สอง มี รธน.ชั่วคราว-รัฐบาลแต่งตั้ง-สภานิติบัญญัติเน้นปฏิรูป-ร่าง รธน. สามจัดเลือกตั้ง เพื่อให้ได้คนดี-สุจริตปกครองบ้านเมือง คาดใช้เวลา 1 ปี เร็วช้าขึ้นอยู่กับสถานการณ์

31 พ.ค. 2557 - เมื่อเวลา 21.35 น. คืนวานนี้ (30 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่ง่ชาติ (คสช.) แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจใน รายการ "คสช. คืนความสุขให้คนไทย" รายละเอียดกล่าวถึงเหตุผลการยึดอำนาจ การบังคับใช้กฎอัยการศึก แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พิมพ์เขียวการปฏิรูปของ คสช. โดยมีรายละเอียดังนี้

000

พล.อ.ประยุทธ์: สวัสดีครับ ในนามของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขอขอบคุณ ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย และข้าราชการทุกหมู่เหล่าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ คสช. เป็นอย่างดี ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าสถานการณ์โดยรวม มีความเรียบร้อย เหตุผลที่ คสช. เข้ามาบริหารราชการในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากความแยกแยกทางความคิดทางการเมืองของประชาชนที่หยั่งรากลึก ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งผิด ทั้งถูก การชุมนุมประท้วงที่ยาวนาน ตลอดจนเหตุการณ์ความรุนแรง การใช้อาวุธสงคราม รวมทั้งมีการทุจริต ทำผิดกฎหมาย เป็นผลให้ประชาชนไม่มีความสุข และไม่ปลอดภัย รัฐบาลรักษาการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายปกติได้ ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินด้วยอำนาจที่มีอยู่อย่างเพียงพอ การใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2557 ติดขัด ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยข้อกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบคำสั่งต่างๆ ที่มีอยู่ การจัดทำงบประมาณปี 2558 มีความล่าช้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้หากปล่อยให้ยืดเยื้อยาวนาน จะส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจของคนไทยโดยรวม และประเทศไทย ตลอดจนผลประโยชน์ของมิตรประเทศที่มีในประเทศไทย รวมทั้ง พันธสัญญาต่างๆ ที่ไทยได้ทำไว้กับมิตรประเทศต่างๆ มาอย่างยาวนาน

การเข้ามาควบคุมสถานการณ์ของ คสช. เป็นการเข้ามายุติความรุนแรง ปลดล็อกข้อจำกัดเล็กน้อยต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ในกระวนการรออนุมัติจากรัฐบาลที่ผ่านมาอีกมากมาย และเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทยทั้งชาติ รวมทั้งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนเฉพาะหน้าเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ชาวต่างชาติมีความสุข และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน ทุกประเทศโดยรวม และที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงตลอดมาได้รับการปกป้องจากคนไทยทุกคน

งานของ คสช. มีขอบเขตที่สำคัญอยู่ 2 ประการหลักๆ คือ

งานส่วนที่ 1 งานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักร การประกาศใช้กฎอัยการศึก เป็นความจำเป็น ซึ่งเป็นกฎหมายความมั่นคงสูงสุดที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถหยุดความรุนแรงได้ทันที โดยที่ผ่านมากฎหมายปกติปัจจุบันไม่สามารถยุติความขัดแย้งรุนแรงได้เลย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ให้ประชาชนได้เรียนรู้และเคารพกฎหมาย ลดความขัดแย้ง โดยยึดหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น ไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ระมัดระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อสถานการณ์กลับไปสู่ภาวะปกติ จะได้กลับไปใช้กฎหมายปกติโดยเร็วที่สุด

ในส่วนของการประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิวนั้น มีความมุ่งหมายเพื่อให้ คสช. สามารถจัดระเบียบและดูแลความสงบเรียบร้อย ให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเสรีภาพในการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนอยู่บ้าง โดยในระยะแรกอาจต้องเข้มงวด เพื่อแยกแยะผู้ก่อเหตุรุนแรงกับประชาชนทั่วไป สกัดกั้นการขนย้ายอาวุธสงคราม วัตถุระเบิดและการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม การลักลอบขนส่งผิดกฎหมาย รวมทั้งการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธที่ได้ก่อเหตุความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องในห้วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นต่อไป ตามที่มีผลการจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและอาวุธสงคราม สิ่งผิดกฎหมาย และความผิดอื่นๆ โดยการปฏิบัติร่วมของเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจทหารได้เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา

เราตระหนักถึงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนจากการเคอร์ฟิวเช่นกัน จึงได้มีการประกาศลดระดับการเคอร์ฟิวลงตามสถานการณ์ ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา คสช. ได้ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวไปแล้วในระดับหนึ่ง โดยการปรับลดเวลาจากเดิน 22.00 - 05.00 น. ปัจจุบันเป็น เที่ยงคืน - 04.00 น. ทั้งนี้หากเหตุการณ์เป็นปกติมากยิ่งขึ้น พื้นที่ที่ไม่มีสถานการณ์ หรือพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวจะได้พิจารณาปรับลดมาตรการลง เพื่อให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ คล่องตัวขึ้น และจะนำไปสู่การยกเลิกได้ในไม่ช้าหรือโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาระหว่างมีการประกาศห้าม ได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบโดยการยกเว้นให้แก่ประชาชน หน่วยงานที่มีความจำเป็น เช่น แพทย์ โรงพยาบาล การส่งผู้ป่วยเจ็บ การขนส่งเชื้อเพลิง การเดินทางไปต่างประเทศ การเดินทางของพนักงานที่ทำงานเป็นผลัดในห้วงเวลากลางคืน ฯลฯ โดยการขออนุญาตกับด่านตรวจ ทหารตำรวจในเส้นทางที่สัญจร ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนทุกครอบครัวมีความสุข มีความปลอดภัย ทุกคนได้กลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลังประสบกับสถานการณ์เสี่ยงภัยอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรง และการชุมนุมที่ยาวนานกว้างขวางที่เกิดขึ้นตลอดห้วงระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา และดำรงชีวิตท่ามกลางความขัดแย้งมาเกือบ 9 ปีเต็ม การเชิญบุคคลมรายงานตัว มีความจำเป็นโดยการเชิญผู้ที่อยู่ในความขัดแย้ง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เช่น แกนนำ ผู้สนับสนุน นักวิชาการและอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง หรือโดยอ้อมที่เกิดขึ้นได้ รวมทั้งบุคคลบางคนที่อาจมีอิทธิพลในเชิงสัญลักษณ์ ในการระดมมวลชนสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก จากการแสดงความคิดเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามหากการแสดงออกดังกล่าว มีผลกระทบต่อความสงบสุขโดยรวมก็จะถูกเชิญตัวมาชี้แจง คัดแยก ไปดูแลเพื่อสงบสติอารมณ์ และคิดทบทวนว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งอาจผิดบ้าง ถูกบ้าง ตามความเชื่อเหตุผลส่วนตน เพื่อให้ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และคิดได้ว่าเราจะมีส่วนช่วยและร่วมมือกับทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพื่อนำพาประเทศชาติไปข้างหน้าได้อย่างไร ซึ่งตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีอำนาจควบคุมตัวได้ 7 วัน หากมีความผิดก็จะต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป เช่น ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งฟ้องศาล

บุคคลที่ถูกเชิญตัวมา บางคนอาจถูกควบคุมตัวแล้วแต่กรณี เช่น 1-2 วัน, 3-4 วัน, 5-6 วัน อย่างไรก็ตามหากมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางใช้ความรุนแรง จะถูกควบคุมนานกว่าคนอื่น แต่ไม่เกิน 7 วัน โดยจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของความเป็นอยู่หลับนอน และอาหารการกิน โดยที่ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ ซ้อมทรมาน พันธนาการ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ที่ไม่มารายงานตัวนั้น ต้องถือว่าไม่ให้ความร่วมมือในการสร้างความปรองดอง และยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เอาชนะ ฝ่าฝืน กฎอัยการศึก โดยไม่เคารพกติกา กฎหมายความมั่นคงสูงสุดในปัจจุบัน ต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงต่อสู้ด้วยความรุนแรง โดยใช้อาวุธสงคราม หรือวัตถุระเบิด ก็จะต้องถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาดเช่นกัน

เราจะต่อสู้กันด้วยการยึดเพียงแนวความคิดของตน หรือการตีความกฎหมายเพื่อเข้าข้างแต่ละฝ่ายไม่ได้อีกต่อไป เพราะมีแต่จะก่อให้เกิดความแยกแยกไม่มีที่สิ้นสุด คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศไม่มีความสุข ประเทศขาดเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ดังนั้น ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องหันมาร่วมมือกัน เสริมสร้างความรักความสามัคคี ความปรองดองสมานฉันท์ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกัน สิ่งใดที่จะเป็นข้อขัดแย้งหรือเห็นต่าง ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ก่อน และให้นำมาหารือเพื่อหาทางออกให้เป็นที่ยอมรับของทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ และคืนความสงบสุขให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่า

การประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองหรือต่อต้าน คสช. เกิน 5 คนนั้น มีความจำเป็น เนื่องจากช่วงนี้เป็นระยะเริ่มแรกของการปฏิบัติงาน คสช. ต้องการให้เกิดความสงบสุขและความปลอดภัยอย่างแท้จริงโดยทันที คสช. ไม่สามารถให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มาแสดงความขัดแย้ง ต่อต้านได้ เพราะจะเป็นเหตุให้ฝ่ายอื่นๆ ออกมาต่อสู้กันอีก จนทำให้เหตุการณ์บานปลาย ขยายตัว ดังนั้น จึงขอร้องให้ประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายอย่าได้ออกมาชุมนุมในห้วงนี้ เพื่อจะได้ไม่เกิดการปะทะกัน หรือเกิดเป็นปัญหาเพิ่มเติมขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม คสช. มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต่อผู้ที่มาชุมนุมทุกพวกทุกฝ่าย ที่ละเมิดการประกาศห้ามดังกล่าว ด้วยมาตรการที่เหมาะสมในการปฏิบัติ

การระงับ ควบคุมสื่อต่างๆ บางสื่อ หรือบางสถานี หรือบางรายการนั้น ในระยะนี้มีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลอดระยะเวลาประมาณ 9 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการชุมนุมประท้วงล่าสุด 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการใช้สื่อทุกประเภทรวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ มาบิดเบือน ปลุกระดม ปลุกปั่น ต่อสู้ และสร้างความเกลียดชังต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งถูก และผิด เจตนาดีต่อบ้านเมืองก็มี ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาตามลำดับ มีการข่มขู่ใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้าม และมีการสร้างความเข้าใจผิดต่อผู้ที่เห็นต่าง หรือประชาชนที่อยู่ตรงกลาง จนทำให้เกิดความสับสนต่อความเข้าใจของประชาชนตลอดเวลา โดยฝ่ายหนึ่งมองเห็นความไม่ชอบธรรมซึ่งมีหลายเรื่องที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายโต้แย้งด้วยข้อกฎหมาย อำนาจรัฐ และด้วยความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ไม่สามารถยุติปัญหาลงได้ด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ความคิดเห็นของนักวิชาการและผู้ที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดความสับสนในสังคม ทำให้การแก้ไขปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก จึงจำเป็นต้องมีการระงับสื่อดังกล่าว อย่างไรก็ดี คสช. ไม่มีนโยบายปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด

การปรับย้ายข้าราชการของทุกกระทรวง ทบวง กรม เป็นเรื่องภายในของทุกหน่วยงาน โดยมีเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการ เพื่อลดความขัดแย้งที่มีมาแต่เดิม ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าเป็นการโยกย้ายอีกฝ่าย หรือเป็นการรังแกข้าราชการ ซึ่งหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งนี้ในข้อเท็จจริง ก็สืบเนื่องจากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาในอดีตกับกระบวนการใช้อำนาจรัฐในทุกพื้นที่ หรือมีอำนาจในการบริหารองค์กร รวมทั้งเป็นข้าราชการที่ทำหน้าที่ให้กับรัฐ ซึ่งไม่สามารถทำให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา หรือลดความขัดแย้งภายในองค์กร หรือระหว่างส่วนราชการกับประชาชนในพื้นที่ได้ จึงจำเป็นต้องปรับเพื่อความเหมาะสม โดยเป็นนโยบายให้ส่วนราชการโดยปลัดกระทรวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ ในกรอบอำนาจของตนเอง สำหรับในส่วนที่มีการปรับย้ายข้ามกระทรวงหรือสังกัดหน่วยงานอื่นที่อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี/คณะรัฐมนตรี ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ในการอนุมัติและลงนาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความไว้วางใจ กับประชาชนและสังคมให้เกิดการยอมรับ มิได้ถือเป็นความผิดส่วนบุคคลแต่ประการใด ยังเคารพเกียรติยศของความเป็นข้าราชการในทุกองค์กรอยู่เสมอ

 

งานส่วนที่ 2 การขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินให้ได้โดยเร็วที่สุด

หลังจากที่การบริหารราชการแผ่นดิน สะดุดหยุดอยู่กับที่มาหลายเดือน จนงบประมาณปี 2557 ต้องหยุดชะงักบางรายการ ไม่สามารถเบิกจ่าย หรือดำเนินการได้ ประชาชน/ส่วนราชการ เดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องปลดล็อก หาทางออกด้วยรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม จากนั้นจะต้องดำเนินการในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2558 ให้ได้ทันกำหนดเวลา ซึ่งวาระการจัดทำงบประมาณใกล้จะสิ้นสุด เพื่อประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ในปีงบประมาณ 2558 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้ทันต่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในปลายปีหน้านี้

หลักการสำคัญของ คสช. ในการบริหารราชการในสถานการณ์ไม่ปกติในปัจจุบัน คือ ใช้ระเบียบบริหารงานปกติของทุกส่วนราชการให้มากที่สุด เว้นในเรื่องที่เป็นปัญหาติดค้าง หรือปัญหาเร่งด่วน ทั้งนี้ คสช. มิได้ไปสั่งการส่วนราชการให้ปฏิบัติ หรือไม่ต้องปฏิบัติในสิ่งผิดกฎหมายหรือผิดระเบียบ เพื่อผลประโยชน์ใครแต่ประการใด หรือ คสช. ตกลงใจเองโดยพลการ เพียงแต่จัดคณะทำงานประสานงาน หรือฝ่ายต่างๆ รวมกับข้าราชการประจำ จากแต่ละกระทรวง ไปร่วมกันขับเคลื่อนงานให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส ได้รับความพึงพอใจและไว้วางใจจากประชาชน การใช้จ่ายงบประมาณที่เกรงว่า คสช. จะมาใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่จำกัดนั้น ขอเรียนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบวินัย การเงิน การคลัง ของทุกกระทรวง ทบวง กรม รวมทั้งมีการหารือ สอบถามกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความรอบคอบก่อนการดำเนินการ

การใช้จ่ายงบประมาณ จะไม่ใช้จ่ายจนเกินกำลัง จนเสียวินัยการเงินการคลังของประเทศ และไม่เกินยอดหนี้สาธารณะ ซึ่งกำลังตรวจสอบตัวเลขที่แท้จริงในปัจจุบัน ในยอดงบประมาณที่ใช้ไปแล้วและยังไม่ได้ใช้ ซึ่งมีผลผูกพันต่างๆ อีกมากมาย เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในด้านการเงินการคลังของประเทศไทยในสายตาของต่างประเทศและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างประเทศที่จับตามองสถานะเศรษฐกิจ ขีดความสามารถของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ ว่าจะมาร่วมลงทุนอีกหรือไม่ ทั้งนี้โชคดีที่ไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว หากมีการขับเคลื่อนที่ดีต่อไปน่าจะไม่น้อยหน้าใครในภูมิภาคอาเซียน และของโลกในอนาคต

การใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 จะเริ่มจาก

- แผนงาน/โครงการที่ค้างคาอยู่เร่งด่วนซึ่งมีผลต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะความต้องการพื้นฐานของประชาชน เงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการจากการจ่ายเงินจำนำข้าวที่ติดค้างอยู่ประมาณ 92,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มทยอยจ่ายไปแล้วเป็นบางส่วน

- แผนงาน/โครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดขัดปัญหากฎหมายในรัฐบาลที่ผ่านมา โดยจะเร่งตรวจสอบ จัดลำดับความเร่งด่วนและดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะงบประมาณที่จะทำให้เกิดผลต่อเงินหมุนเวียนในระบบ งบภัยพิบัติ การซ่อมแซมสาธารณูปโภค ปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนเฉพาะหน้า เป็นต้น โดยมิได้เป็นการใช้งบประมาณจำนวนมากในโครงการขนาดใหญ่แต่อย่างใด

-โครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการมูลค่า 2 ล้านล้าน, 3.5 แสนล้าน จะนำมาพิจารณาดูอย่างรอบคอบว่าโครงการใดที่เป็นประโยชน์ ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติเฉพาะเรื่อง แยกพิจารณา แยกดำเนินการใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เริ่มต้นได้อย่างโปร่งใส เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า สาธารณูปโภคอื่นๆ ที่จำเป็นต้องดำเนินการก่อน หาวิธีการเริ่มต้นโดยใช้งบประมาณประจำปี หรือใช้การลงทุนโดยภาคเอกชน ฯลฯ เพื่อเป็นการลดภาระการใช้จ่ายจากการกู้เงินจำนวนมาก อันจะเป็นผลผูกพันระยะยาว แต่ต้องโปร่งใสมีประสิทธิภาพ ไม่ทำทั้งหมด ทุกแผนงานโครงการต้องเริ่มต้นด้วยการบูรณาการเกิดประโยชน์ เกื้อกูลกัน โครงการต่อโครงการ กระทรวงต่อกระทรวง ในงบประเภทเดียวกัน เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม ไม่ได้ทำแผนงานโครงการตามฐานเสียงหรือเหตุผลทางการเมืองทำให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นในอดีตที่เป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งคงนำไปหารือในการจัดทำงบประมาณปี 58 และน่าจะอยู่ในการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาล/ ครม. ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยเร็วที่สุด ได้ทันก่อนการเริ่มต้นปีงบประมาณ 58 คือ 1 ต.ค. 57 เป็นต้นไป

การจัดทำและการดำเนินงานด้านงบประมาณทุกแผนงาน/โครงการ จะใช้การดำเนินการให้ใกล้เคียงกับการมีรัฐบาลปกติ ที่สำคัญเน้นให้สามารถรับการตรวจสอบได้ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณจากหน่วยรับผิดชอบในการตรวจสอบได้ตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การขุดลอกคูคลอง/การสร้างถนน เส้นทางเชื่อมต่ออาเซียน หรือซ่อมแซมให้ใช้งานได้ดี จะต้องรีบดำเนินการโดยทันที แต่ต้องไม่เป็นภาระกับรัฐบาลใหม่ และเป็นปัญหาอื่นๆ ในอนาคตอีก เน้นการใช้จ่ายงบประมาณด้วยการบูรณาการหน่วยงานและงบประมาณของหน่วยที่รับผิดชอบ ต้องร่วมมือกัน

สำหรับราคาพืชผลการเกษตรอื่นๆ อีกหลายอย่าง ก็กำลังหามาตรการดูแลให้เกิดความยั่งยืน ว่าจะทำได้อย่างไรในปีงบประมาณ 58 โดยไม่ให้นำไปสู่โครงการประชานิยม ซึ่งจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมายในอนาคต โดยให้แนวทางไปพิจารณาในเรื่องลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ การพัฒนาพันธุ์ ส่งเสริมตลาดรวมการเกษตรทุกพื้นที่ พัฒนาให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมโดยใช้พื้นที่ให้น้อยลง เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง และหาวิธีใช้ประโยชน์วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบให้สูงขึ้น ราคาสินค้าก็ต้องให้เป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี มุ่งเน้นเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรให้สูงขึ้น แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน คสช.ได้เร่งรัดให้มีการจ่ายหนี้ให้กับชาวนาเร่งด่วน อีกประการหนึ่งคือจากการที่ ธกส. มีการติดค้างการจ่ายเงินชาวนามาเป็นเวลานานทำให้ชาวนาเสียโอกาส คสช. กำลังพิจารณาว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งจะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการส่งเสริมการค้าเสรีอย่างเป็นธรรม การลดการผูกขาด จัดตั้งตลาดกลาง การควบคุมราคาสินค้าสำหรับอุปโภค บริโภค การลด-เพิ่มภาษีต่างๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้มีการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมโรงงานขนาดเล็กตามแนวชายแดนและชนบทหรือช่องทางผ่านแดนที่สำคัญเพื่อให้แรงงานผิดกฎหมายไม่เข้ามาหางานในพื้นที่ตอนใน ลดความแออัดของพี่น้องประชาชนไทยที่ต้องเข้ามาหางานในเมืองใหญ่ให้มากที่สุด

ในส่วนของพลังงาน อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีมาตรการดูแลได้อย่างไรบ้าง แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกติกา วินัยการเงินการคลัง กฎเกณฑ์ กติกาของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมหาชน รวมถึงการพิจารณาจัดตั้งกองทุนในภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนหาวิธีดำเนินการจัดตั้งกองทุนประเทศขนาดใหญ่เพื่อลดการลงทุนของรัฐ ในส่วนของรัฐวิสาหกิจกำลังพิจารณาทบทวนปรับปรุงให้ดีขึ้นให้ทันสมัย เร่งพิจารณาถึงการพัฒนาความมั่นคงด้านพลังานของไทย รวมทั้งเร่งพัฒนาในเรื่องพลังงานทดแทน ทั้งจากลม/แสงแดด และพืชพลังงานอื่นๆ ให้เหมาะสมโดยเร็ว

คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีความจำเป็นจะต้องปรับให้อยู่ในระเบียบ มีมาตรฐาน มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานให้มีความโปร่งใส มีการตรวจสอบและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี

กล่าวโดยสรุปคือ ประเทศ และประชาชนชาวไทยยังมีปัญหาอีกมากมายที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข และจัดระเบียบ ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขให้ได้โดยเร็ว ที่ผ่านมาเวลาในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้สูญเปล่าไปกับความขัดแย้งของคนภายในชาติไปมากพอแล้ว เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

000

สำหรับ Road Map ของ คสช. ระยะที่ 1 ช่วงแรกของการควบคุมอำนาจการปกครอง จะต้องดำเนินการในเรื่องปรองดองสมานฉันท์ให้เร็วที่สุด ในกรอบเวลา 2-3 เดือน นอกจากงานความมั่นคงและขับเคลื่อนได้ เริ่มจัดตั้งศูนย์การปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปทั้งในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปในระยะที่ 2 โดยทุกพื้นที่ต้องเริ่มจากครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังวัด คสช. ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการโดยเริ่มรวมกลุ่มจากเล็ก มาใหญ่ เพื่อให้ผู้เห็นต่างได้พบปะพูดคุยกันแต่เนิน และมิให้เป็นปัญหาต่อไปในระยะที่สอง รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อเตรียมการสู่การปฏิบัติให้พร้อมในระยะที่ 2 โดยปราศจากความขัดแย้งตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งมิได้มีการดำเนินการในเรื่องการปรับโครงสร้างของส่วนราชการใดๆ เรียกผลประโยชน์ ค่าตอบแทน หรือการนิรโทษกรรมใดๆ ทั้งสิ้นในปัจจุบัน

ระยะที่ 2 การใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งกำลังดำเนินการจัดทำอยู่โดยฝ่ายกฎหมาย จะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติ สรรหานายกรัฐมนตรี ตั้งคณะรัฐมนตรีบริหารราชการ ร่าง/จัดทำรัฐธรรมนูญ พร้อมกับการตั้งสภาปฏิรูปเพื่อปฏิรูปการแก้ไขในทุกเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องการ และเป็นที่ยอมรับ โดยน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี มากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากสถานการณ์เรียบร้อยปกติ ปฏิรูปสำเร็จ ปรองดอง สมานฉันท์กับทุกฝ่าย ประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน ก็จะเริ่มดำเนินการก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3

ระยะที่ 3 การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่ทุกพวกทุกฝ่ายพอใจ กฎหมายทันสมัยในทุกด้าน กฎระเบียบ กติกาต่างๆ ได้รับการแก้ไข ได้คนดี สุจริต มีคุณธรรม มาปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล

สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดจะไม่สำเร็จโดยเร็วอย่างที่ทุกคนต้องการได้เลย หากยังมีความไม่สงบเกิดขึ้น การประท้วงด้วยความไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เข้าใจในเหตุผลการควบคุมอำนาจในครั้งนี้ ว่าทำเพื่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน รวมทั้งส่งผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และเพิ่มผลประโยชน์ของไทยและมิตรประเทศได้ในอนาคตอันใกล้

ผมคิดว่าคนไทยทุกคนเหมือนผม ไม่มีความสุขมาประมาณ 9 ปีแล้ว และทุกคนอยู่ในความสุขสงบมากตั้งแต่ 20 และ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา คสช. ไม่ต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจ ไม่ต้องการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ใดๆ เลย แต่ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ถ้าทหารและข้าราชการไม่ทำอะไร ใครจะมาดูแลท่าน ใครจะแก้ปัญหาให้ท่าน ในเมื่อประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์เดินต่อไปไม่ได้ ด้วยความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่ถูกตำหนิ ประชาชนไม่ไว้วางใจ การบังคับใช้กฎหมายปกติทำไม่ได้ ขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ

คสช.เข้าใจความรู้สึกของชาวต่างประเทศ เราเข้าใจดีถึงกฎเกณฑ์ของสังคมโลกในปัจจุบัน คือโลกของประชาธิปไตย แต่ขอให้เวลาเราในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และอะไรอีกหลายอย่าง เพื่อแก้ประชาธิปไตยของไทยให้เป็นสากล ถูกต้อง ชอบธรรม รับผิดชอบ เสียสละ นึกถึงประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกพื้นที่ ทั้งประชาชนเสียงข้างมากข้างน้อย ต้องได้รับความพึงพอใจอย่างทั่วถึงกัน หากทุกคนร่วมมือกันนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยยั่งยืน ทุกอย่างก็จะผ่อนคลายไปตามลำดับ เราเข้าใจว่าทุกคนคงต้องเลือกประเทศชาติก่อนประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์เช่นกัน

มีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่พวกเราต้องช่วยกันทำ ซึ่งคงไม่สำเร็จหากยังมีการประท้วงหรือไม่ร่วมมืออยู่ ขอเวลาให้เราได้แก้ไขปัญหาให้ท่านโดยเร็ว จากนั้น ทหารก็จะกลับไปทำภารกิจของเราต่อไป และคอยเฝ้ามองประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยก้าวต่อไปข้างหน้าสู่อนาคต ด้วยความสุขแบบยั่งยืน ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน สวัสดีครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท