เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2557 องค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์ วอทช์ ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อกริชสุดา คุณะเสน นักกิจกรรมเสื้อแดงวัย 27 ปีที่หายตัวไปราว 3 อาทิตย์ โดยมีหลักฐานว่าเธอถูกจับกุมไปโดยทหารเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมาที่จ.ชลบุรี 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกหมายเรียกให้เธอไปรายงานตัวพร้อมกับคนอื่นๆ ในรายชื่ออีก 17 คน หลังจากนั้นกองทัพก็ไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ รวมถึงสถานที่ควบคุมตัวของเธออีกเลย ทั้งๆ ที่การควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกสามารถทำตามกฎหมายได้เพียงแค่ 7 วันเท่าน้ัน 

 

ทั้งนี้ กริชสุดา เป็นนักกิจกรรมที่คอยให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองและผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองจากเหตุการณ์ความรุนแรงปี 2553 

 

แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า กองทัพไทยต้องเปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวของกฤษสุดา รวมถึงให้สิทธิในการเข้าถึงทนายความและแพทย์ทันที

 

"รัฐบาลที่กังวลควรต้องเรียกร้องให้ทางการทหารไทยชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเพื่อสร้างหลักประกันความปลอดภัย" เขากล่าว

 

ในขณะที่ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเอเชีย ได้แสดงความกังวลต่อการที่ศาลทหารตั้งข้อหาต่อรศ.ดร. วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ด้วยข้อหาละเมิดคำสั่งคสช. ซึ่งต่อมาเขาได้ประกันตัว

 

คณะกรรมการสิทธิฯ แห่งเอเชียระบุว่า การตั้งข้อหาดังกล่าวเป็นการจงใจกระทำต่อวรเจตน์ในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากความคิดและการกระทำของเขา และนอกจากวรเจตน์แล้ว ยังมีจิตรา คชเดช นักกิจกรรมด้านสิทธิแรงงาน ที่ถูกตั้งข้อหาโดยศาลทหารจากการไม่รายงานตัวต่อคสช. ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนได้แสดงเจตจำนงค์จะไปรายงานตัวต่อคสช.ก่อนหน้านั้นแล้ว 

 

คณะกรรมการสิทธิฯ แห่งเอเชียย้ำว่า การใช้ศาลทหาร เป็นการละเมิดอนุสัญญาด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาคี และยังเป็นกระบวนการที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย

 

"คณะกรรมการสิทธิฯ แห่งเอเชีย เรียกร้องคสช.ให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังอยู่โดยไมีการตั้งข้อกล่าวหาทั้งหมดทันที และยุติการสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวด้วยการออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัวต่อทหาร" แถลงการณ์ระบุ

 

"กระบวนการทางกฎหมายต่อรศ.ดร.วรเจตน์ และพลเมืองคนอื่นๆ ในศาลทหารเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม และข้อกล่าวหาทั้งหมดต้องถูกยกเลิกทันที รวมถึงต้องปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ทั้งหมด คณะกรรมการสิทธิฯ แห่งเอเชีย เรียกร้องให้คสช.ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างในฐานะพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม การคิดต่างไปจากคณะรัฐประหารไม่ใช่อาชญากรรม"