ความ (ไม่) คืบหน้า ‘ลุงขอทานเขียนหนังสือ’ เหยื่อระเบิดข้างเวที กปปส.อนุสาวรีย์ฯ

บุตรชายอนนท์ ไทยดี 'ขอทาน เขียนหนังสือ' เหยื่อระเบิดที่ชุมนุม กปปส. อนุสาวรีย์ฯ ถามถึงแกนนำเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาที่เคยรับปาก วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินคดี เยียวยาทุกรายให้เป็นรูปธรรม

อนนท์ ไทยดี(ซ้าย)

หลายคนอาจลืมเลือนเหตุการณ์วันที่ 19 ม.ค. 57 ไปแล้ว วันนั้นเกิดเหตุระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งเป็นที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวกว่า 20 คน

หนึ่งในนั้นคือ อนนท์ ไทยดี อายุ 65 ปี ข้าราชการครูเกษียณ ผู้ที่คนรู้จักกันในชื่อ “ขอทาน เขียนหนังสือ”

อนนท์ทำหนังสือขายมา 5 ปีแล้ว โดยขายประจำอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ บริเวณที่ต่อมามีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. หลังได้รับบาดเจ็บอนนท์เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 57

เรื่องของเขาถูกฉายให้สังคมหันมาสนใจจากรายการ ‘ลุยไม่รู้โรย’ ทางไทยพีบีเอส เมื่อ 22 มิ.ย. 55 และหลังเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว ข้อเขียนจาก ‘นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์’ ผู้สื่อข่าวเครือเนชั่นที่บรรยายถึง ‘ลุงขอทานขายหนังสือ’ ยิ่งทำให้สังคมรู้จักอนนท์มากขึ้น

รายการ ‘ลุยไม่รู้โรย’ ทางไทยพีบีเอส เมื่อ 22 มิ.ย. 55 

กรณีของอนนท์ได้รับการติดต่อให้ความช่วยเหลือจากฝ่ายต่างๆ อยู่พักหนึ่งก่อนทุกอย่างจะเงียบหายไป อันเป็นชะตากรรมดุจเดียวกันของประชาชนธรรมดาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางการเมืองทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่จะมีญาติของผู้เสียชีวิตสักกี่คนที่จะดิ้นรนไม่หยุด ผลักดันให้เรื่องราวการตายของบุคคลที่รักมีความคืบหน้าทั้งทางคดีและการเยียวยา ... ลูกชายของอนนท์ เป็นหนึ่งในนั้น

ลูกชายของเขาเคยเขียนจดหมายร้องทุกข์ไปยัง คอลัมน์สารพันปัญญา ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 3 เมษายน 2557

“ขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 วัน รมว.สธ.มาเยี่ยม แจ้งเป็นตัวแทนจากรัฐบาล และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยืนยันรัฐบาลและนายกฯ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ให้เบอร์เลขาฯ ไว้ โทรไปไม่เคยรับสายเลย แต่มีส่งพวงหรีดไปที่งานศพ ส่วนกำนันสุเทพ ประกาศชื่อบนเวที พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ นอนโรงพยาบาลวันที่ 3 นายพุทธิพงษ์มาเยี่ยม ให้เงิน 2 หมื่นบาท เยียวยาเบื้องต้น โดยแจ้งว่ามีกองทุน กปปส. พร้อมช่วยเหลือและให้เบอร์เลขาไว้ นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 20 กว่าวันก็อาการดีขึ้น หมอระบุว่าที่จะให้กลับบ้าน แต่เย็นวันเดียวกันกับมีอาการแทรกซ้อน สาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ อุบัติเหตุจากที่โดนระเบิด จนเสียชีวิตลง หมอแจ้งว่าเสียชีวิตเนื่องด้วยลิ่มเลือดในปอด ผลจากที่เกิดอุบัติเหตุจนต้องมานอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ตนขอใบรับรองแพทย์ หมอบกว่ามีหมอหลายท่านรักษา ขอไปประชุมคณะแพทย์ที่รักษา ผอ.และทีมกฎหมาย อีกประมาณ 1 เดือนให้มารับ

ต่อมาวันที่ 13 ก.พ.2557 ระหว่างรอพ่อรับการผ่าตรวจที่ รพ.รามา ตัวแทน กปปส. 2 คนชื่อ เทียน อีกคนไม่ทราบชื่อ บอกจะหารถให้พาพ่อกลับบ้าน พร้อมให้เงิน 50.000 บาท เป็นค่าทำศพ และบอกว่า อีกประมาณ 1 เดือน กองทุน กปปส.จะช่วยเหลือเยียวยาให้อีก 1 ล้าน ซึ่งระหว่างทางกลับบ้าน รพ.ราชวิถี แถลงข่าวการเสียชีวิตของพ่อว่าไม่เกี่ยวกับเหตุระเบิด (อ่านข่าวได้ที่นี่ประชาไท) ตนสงสัยจึงโทรไปสอบถามโรงพยาาล เขาก็โอนสายไปหน้าห้องผอ.หน้าห้องยืนยันว่าไม่มีการแถลงข่าว ต่อมา นพ.อุดม โทรศัพท์มาแจ้งว่า ให้สัมภาษณ์ตามความคิดเห็นส่วนตัว ยังไม่ได้มีการประชุมทีมแพทย์

1 เดือนผ่านไป ก็ไปติดต่อขอใบรับรองแพทย์ ไม่มีใครในโรงพยาบาราชวิถีทราบเรื่องเลย ได้คุยกับหมออุดม ซึ่งแจ้งว่าทางผู้ได้รับผลกระทบไม่มีการมาติดตามเรื่อง ถ้าจะเอาต้องเขียนคำร้องไว้ รอผลผ่าศพ และต้องใช้เวลา ต่อมาไม่กี่วัน ได้โทรไปสอบถามคุณเทียนเรื่องกองทุน กปปส. เขาแจ้งว่าเป็นแค่ตัวแทน ส่งเรื่องไปให้แล้วต้องรอกองทุนติดต่อมาเอง และแจ้งว่า กองทุน กปปส.เป็นผู้จ่ายค่ารักษาให้ (ต่างจากที่สอบถามจากโรงพยาบาล คือ พ่อทำเรื่องจ่ายตรงไว้ ทางรพ.จึงทำเรื่องเรียกเก็บจากต้นสังกัด)

31 มี.ค.2557 ไปยื่นเรื่องขอรับการเยียวยาจากรัฐบาลเขตราชเทวี เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ทางกรมยังไม่มีหนังสือแจ้งมา ให้เตรียมเอกสารไว้รอประกาศค่อยมายื่น”

สำหรับความคืบหน้าคดีปาระเบิดดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Policespokesmen’ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขออนุมัติออกหมายจับ กฤษดา ไชยแค อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 284/2557 ลงวันที่ 20 ก.พ.2557 "ฆ่าผู้อื่น" ในคดีหากมีการแจ้งเบาะแส จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้นั้น ทาง ผบช.น. จะมอบเงินรางวัลให้ผู้แจ้งเบาะแส 500,000 และทาง ผบ.ตร.จะมอบเพิ่มเติมให้อีก 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 700,000 บาท

บุตรชายถามถึงแกนนำ กปปส. เรื่องการช่วยเหลือเยียวยาที่เคยรับปาก

ล่าสุด 8 เดือนหลังการเสียชีวิตของพ่อ พงศ์อนันต์  ไทยดี ลูกชายวัย 32 ปี ของอนนท์อัพเดทเรื่องให้เราฟังอีกครั้ง

เขาเล่าว่า ได้ร้องเรียนไปหลายที่เพื่อทวงถามการช่วยเหลือเยียวยา โดยเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งให้ส่งเอกสารเข้าไป แต่ยังไม่ทราบแนวทางหรือขั้นตอนใดๆ แจ้งแต่เพียง ‘เพื่อจักได้พิจารณาดำเนินการต่อไป’

ลูกชายอนนท์ระบุว่า วันที่พ่อเสียชีวิต ทาง กปปส. แจ้งว่ามีกองทุนช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือเยียวยาภายใน 30 วัน แต่ขณะนี้ผ่านไปกว่า 6 เดือนและได้ทวงถามไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับความกระจ่าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ เขาได้รับการชี้แจงจากพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส. แต่กลับไม่เป็นไปตามที่เคยรับปากหรือให้สัญญาไว้

พงอศ์นันต์ กล่าวถึงการเสียชีวิตของพ่อว่า เป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะขาดเสาหลักที่พึ่งทางใจ และสูญเสียโอกาสการได้ดูแลพ่อในบั้นปลายชีวิต เพราะหลังจากพ่อออกจากราชการก็มาขายหนังสือหาเลี้ยงชีพ สิ่งที่เป็นความหวังและความฝันของลูกๆ คือ อยากให้พ่อกลับบ้านและได้ดูแลพ่อ 

สำหรับเหตุผลที่อนนท์ ยังขายหนังสือทำมือนั้น พงอศ์นันต์ กล่าวว่า

“พ่อเป็นหนี้เยอะ เพราะว่าเมื่อก่อนรับราชการแล้วไปค้ำประกันมอเตอร์ไซค์ให้ครูหลายคน แล้วเขาก็เบี้ยวไม่จ่าย พ่อจึงต้องกู้เงินที่อื่นมาจ่ายแทน จึงต้องติดลบเรื่อยมา หลังจากออกจากราชการจึงพยายามที่จะหาเงินเพื่อใช้หนี้ แต่จริงๆ ผมมีพี่น้อง 3 คน และทุกคนก็สามารถจ่ายช่วยพ่ออยู่แล้ว แต่พ่ออยากช่วยลูกด้วยจึงออกไปขายหนังสือ ทั้งที่จริงๆ แล้วผมไม่อยากให้พ่อทำเลย”

“พ่อจะขายตามฟุตบาธ ตามทางเดิน โดยจะขายประจำที่อนุสาวรีย์ฯ และเขียนป้ายหน้าแผงที่ขายหนังสือทำมือว่า  “เมื่อขอทาน เขียนหนังสือ” พงอศ์นันต์ กล่าวถึงที่มาของคำว่า “ลุงขอทานเขียนหนังสือ”

วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินคดี เยียวยาทุกรายให้เป็นรูปธรรม

พงอศ์นันต์ ยังเรียกร้องถึงรัฐบาล กปปส.และสังคมด้วยว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาล ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งจับคนร้ายมาดำเนินคดี เพื่อจะได้ไม่ลอยนวลไปทำร้ายใครได้อีก และอยากฝากให้ดูแลช่วยเหลือเหยื่อทุกราย ทุกเหตุการณ์ให้เป็นรูปธรรม

“อยากให้ทาง กปปส.เห็นคุณค่าใยชีวิตคน ไม่ใช่เอาไปเป็นเกมทางการเมือง ตามคำที่พ่อพูดไว้เมื่อมีรายการทีวีมาสัมภาษณ์ก่อนเสียชีวิต “ชีวิตทุกชีวิตก็มีค่า ไม่น่าทำกันง่ายๆ เหมือนผักปลา” และอยากให้สังคมไทยสงบสุข ไม่ว่าจะทำอะไรไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง จะทำอะไรนึกถึงใจเขาใจเรา สังคมไทยเราจะได้กลับมาเป็นสยามเมืองยิ้มโดยเร็ววัน” พงอศ์นันต์ กล่าว

ที่มาขอ คำว่า “ขอทาน เขียนหนังสือ”

นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่นได้เขียนถึง อนนท์ ไทยดี โดยระบุถึงที่มาของคำว่า “ขอทาน เขียนหนังสือ” มาจากตัวของลุงนนท์เอง ทุกครั้งที่ลุงนนท์ขนหนังสือไปขาย ก็จะมีป้ายที่ทำจากกระดาษ A4 เขียนคำว่า “ขอทาน เขียนหนังสือ” แปะไว้ จนกลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก ซึ่งลุงนนท์ทำหนังสือขายมาได้ 5 ปีแล้ว หนังสือที่ลุงนนท์ทำขาย เป็นหนังสือทำเอง โดยใช้การถ่ายเอกสารจากบันทึกบทเรียนและประสบการณ์ที่ลุงนนท์มี ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เรียนรู้จากช่วงที่ลุงนนท์เป็นคุณครูและผู้อำนวยการโรงเรียนในตอนที่ยังรับราชการอยู่ บทเรียนส่วนมากอาจจะเป็นด้านลบ ที่ลุงอนนท์ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบของราชการ ลุงรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการเลื่อนขั้นอย่างเป็นธรรม สาเหตุหนึ่งเพราะลุงเป็นคนตรง พูดอะไรตรงๆ จนอาจจะตรงเกินไป ไม่พอใจกับผู้ใหญ่ตอนนั้น

นภพัฒน์จักษ์ เล่าด้วยว่า หนังสือที่ลุงนนท์ขายจะตกเล่มละ 20-30 บาท ลูกชายของลุงนนท์เล่าให้ฟังว่าหลายครั้งมีสำนักพิมพ์มาติดต่อขอเนื้อหาไปรวมเล่มตีพิมพ์ แต่ลุงนนท์ปฎิเสธ เพราะมั่นใจว่าถ้าสำนักพิมพ์เอาไปตีพิมพ์ ต้นทุนก็จะสูงขึ้น ค่าหนังสือที่ก็จะแพงขึ้นอย่างแน่นอน ความตั้งใจที่อยากขายหนังสือเพื่อส่งต่อความรู้และประสบการณ์ของลุงนนท์ก็จะหมดไป ลุงนนท์มีทำเลประจำในการขายหนังสือคือที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ถ้าวันไหนมีงานที่คนรวมตัวกันเยอะๆ คุณลุงก็จะแบกหนังสือไปขายตามที่ต่างๆ บ้าง ตามประสาพ่อค้าคนนึง โดยลุงนนท์อาศัยอยู่ในห้องพักเล็กๆ ตรงข้ามโรงพยาบาลราชวิถี

ก่อนหน้าที่อนนท์บาดเจ็บจากการถูกระเบิดในครั้งนี้ นภพัฒน์จักษ์ กล่าวว่าลุงอนนท์ก็ยังมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคืออาการที่คอ ทำให้ต้องใช้ซื้อยามาดูแลรักษาอยู่เสมอ ซึ่งต้องใช้เงินไม่น้อย

      

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท