Skip to main content
sharethis
 
2 ต.ค. 2557 สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูลออกแถลงการณ์กรณีการไล่รื้อชาวบ้านที่ชุมชนคลองไทรพัฒนา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังตรึงเครียดอยู่ เรื่อง ‘รัฐบาลต้องปกป้องชุมชนคลองไทรพัฒนาและเดินหน้าใช้เป็นพื้นที่นำร่องแก้ไขปัญหาที่ดิน’ ระบุพฤติกรรมดังกล่าว สะท้อนถึงความล้าหลังของระบบราชการไทยที่ไม่เห็นหัวจน
 
ข้อเรียกร้อง ของสมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ต่อ คสช. และรัฐบาล มีดังนี้ 1.ต้องสั่งการไปยังฝ่ายปกครอง และทหารในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ยุติการไล่รื้อชุมชนคลองไทรพัฒนา พร้อมกับกำชับหน่วยงานในพื้นที่ ให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาด้วยการเร่งดำเนินการจัดทำโฉนดชุมชนให้ลุล่วงเป็นรูปธรรม โดยเร็ว
 
2.ต้องทบทวนคำสั่ง คสช.ที่ 64 เพราะเป็นคำสั่งที่ทำให้เกิดความสับสนในการนำไปปฏิบัติ โดยเร่งด่วน เพื่อยับยั้งความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรง ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
3.ต้องสั่งการให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมการดำเนินการของนายทหารบางคน ที่เข้าไปในชุมชนคลองไทรพัฒนา และประกาศไล่รื้อชาวบ้าน โดยไม่แสดงหลักฐาน หรือคำสั่งใด ซึ่งผิดปกติในการดำเนินการ ทั่วๆ ไป
 
“สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล เชื่อมั่นว่า ชาวบ้านชุมชนคลองไทรพัฒนา มีสิทธิ์และความชอบธรรม ที่จะอยู่ในที่ดินแปลงนี้ การไล่รื้อ และบังขับให้ชาวบ้านไปอยู่ที่อื่น เป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อ คสช. รัฐบาล รวมทั้งสาธารณะก็ไม่ได้ประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว การยอมรับสิทธิ์และคุ้มครองชาวบ้านให้อยู่อย่างปกติสุข จึงเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ เป็นธรรมและยั่งยืน ต่อทุกฝ่าย” แถลงการณ์ระบุ
 
 
 
แถลงการณ์สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล
เรื่อง : รัฐบาลต้องปกป้องชุมชนคลองไทรพัฒนาและเดินหน้าใช้เป็นพื้นที่นำร่องแก้ไขปัญหาที่ดิน
 
ตามที่ ได้มีทหารจากค่ายวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าไปในชุมชนคลองไทรพัฒนา เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ และบอกกับชาวบ้านว่า “ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน ๗ วัน” และต่อมาในวันนี้ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๗) ซึ่งเป็นวันครบกำหนดเส้นตาย ได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยทหาร ได้เข้ามาในชุมชน และข้างๆ ชุมชนยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์แปลกหน้าหลายสิบคน จับกลุ่มกันอยู่
 
สถานการณ์การประกาศไล่รื้อชุมชนชาวบ้านยากจนนี้ ยังเกิดขึ้นในพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น ที่ชุมชนเก้าบาตร โนนดินแดง บุรีรัมย์ (รื้อไปแล้ว) เป็นต้น โดยการไล่รื้อพื้นที่ของชาวบ้านยากจนเหล่านี้ เกิดจากการอ้างคำสั่ง คสช. ที่ ๖๔ เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ แต่หน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการตามคำสั่งดังกล่าว กลับไล่รื้อเฉพาะชาวบ้านยากจน และที่สำคัญชาวบ้านเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่มาก่อนการประกาศเขตป่า พวกเขาคือผู้บุกเบิก แต่กฎหมายที่ออกมาที่หลัง มาทำให้เขากลายเป็นผู้บุกรุก ขณะที่พื้นที่ ที่ถูกไล่รื้อไม่มีสภาพเป็นป่า มีแต่บ้านเรือนและพืชผล ที่ชาวบ้านปลูกเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น ชาวบ้านจึงมีความชอบธรรม ในฐานะผู้อยู่มาก่อน หากแต่อาจจะมิชอบด้วยกฎหมายที่ออกมาที่หลังเท่านั้น ซึ่งควรที่จะปรับปรุงกฎหมายไม่ใช่มาไล้รื้อชาวบ้าน
 
ล่าสุด มีความพยายามที่จะไล่รื้อชุมชนคลองไทรพัฒนา สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่อยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหา และกำลังดำเนินการจัดทำโฉนดชุมชนตามขั้นตอน และระเบียบของราชการที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ สปก. ที่ถูกนายทุนเช่าปลูกปาล์มน้ำมัน และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงมานานหลายปี แต่ความไม่ปกติของระบบราชการ ที่ควรจะนำเอาที่ดินไปจัดสรรให้คนยากจน แต่กลับปล่อยให้นายทุนเช่า และเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงก็ยังไม่ยอมจัดสรรที่ดินอีก และยิ่งไปกว่านั้นการที่นายทหารเข้าไปในชุมชนคลองไทรพัฒนา (๒๔ ก.ย.๕๗) โดยไม่แสดงเอกสารคำสั่ง หรือประกาศไล่รื้อ ไปแสดงแก่ชาวบ้าน อันเป็นความผิดปกติ ที่น่าจะไม่โปร่งใส เสมือนหนึ่งว่ามีเบื้องหลังบางอย่าง
 
พฤติกรรมดังกล่าว นี้ สะท้อนถึงความล้าหลังของระบบราชการไทยที่ไม่เห็นหัวจน และยังมีการกระทำที่ก้าวร้าวของผู้ปฏิบัติ ย่อมมิอาจเชื่อใจได้ว่ามีเจตนาที่บริสุทธิ์ ต่อสถานการณ์ดังกล่าว พวกเรา สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาของรัฐบาล เข้าใจการถูกกระทำของพี่น้องชุมชนคลองไทรพัฒนาเป็นอย่างดี พวกเราขอเรียกร้อง ให้ คสช. และรัฐบาล ดำเนินการดังนี้
 
๑. คสช. และ หรือ รัฐบาล ต้องสั่งการไปยังฝ่ายปกครอง และ ทหารในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ยุติการไล่รื้อชุมชนคลองไทรพัฒนา พร้อมกับกำชับหน่วยงานในพื้นที่ ให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาด้วยการเร่งดำเนินการจัดทำโฉนดชุมชนให้ลุล่วงเป็นรูปธรรม โดยเร็ว
 
๒. คสช. ต้องทบทวนคำสั่ง คสช.ที่ ๖๔ เพราะเป็นคำสั่งที่ทำให้เกิดความสับสนในการนำไปปฏิบัติ โดยเร่งด่วน เพื่อยับยั้งความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรง ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
๓. คสช. และ หรือรัฐบาล ต้องสั่งการให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมการดำเนินการของนายทหารบางคน ที่เข้าไปในชุมชนคลองไทรพัฒนา และประกาศไล่รื้อชาวบ้าน โดยไม่แสดงหลักฐาน หรือคำสั่งใด ซึ่งผิดปกติในการดำเนินการ ทั่ว ๆ ไป
 
 สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล เชื่อมั่นว่า ชาวบ้านชุมชนคลองไทรพัฒนา มีสิทธิ์และความชอบธรรม ที่จะอยู่ในที่ดินแปลงนี้ การไล่รื้อ และบังขับให้ชาวบ้านไปอยู่ที่อื่น เป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อ คสช. รัฐบาล รวมทั้งสาธารณะก็ไม่ได้ประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว การยอมรับสิทธิ์และคุ้มครองชาวบ้านให้อยู่อย่างปกติสุข จึงเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ เป็นธรรมและยั่งยืน ต่อทุกฝ่าย
 
เชื่อมั่นในพลังประชาชน
สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net