Skip to main content
sharethis

ขู่หากพ้นกำหนดจะดำเนินการโดยเด็ดขาด ชาวบ้านชี้กระบวนการแก้ปัญหาอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมระหว่างภาคประชาชนและตัวแทนภาครัฐโดยมี ปนัดดา ดิษกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

นายอำเภอคอนสาร อ้างคำสั่ง 64/57 ให้ชุมชนโคกยาว-บ้านบ่อแก้ว รื้อถอน อพยพภายใน 19 วัน หากพ้นกำหนดหลังจาก 25 ต.ค.นี้ จะดำเนินการเองโดยเข็ดขาด ด้านชาวบ้าน ผู้ได้รับผลกระทบ ชี้ว่า หน่วยงานในพื้นที่ คงไม่ทราบเรื่องกระบวนการแก้ไขปัญหาล่าสุด ตามมติการประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่าง ภาครัฐกับ ขปส. เมื่อ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ให้ชะลอและยุติการดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอันปกติสุขของประชาชน

นายเด่น คำแหล้ ชาวบ้านชุมชนโคกยาว แจ้งว่า นายเจนเจตน์ เจนนาวิน (นายอำเภอคอนสาร) ได้มีการประชุมวางแผนขอคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติภูมิซำผักหนาม อ.คอนสาร พร้อมให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.57 ตามที่ระบุว่า จากคำสั่ง คสช.ที่ 64/57 และอาศัยอำนาจคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า จ.ชัยภูมิ ทางจังหวัดจึงสั่งให้ชาวบ้านบริเวณสวนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร และชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ที่บุกรุกสวนป่าคอนสาร ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร ให้รื้อถอนภายใน 15 วัน และภายใน 30 วัน แต่ชุมชน ไม่ยอมย้ายออก ในที่ประชุมจึงมีมติให้ชาวบ้านรื้อถอนเองภายในกำหนด 19 วัน หากไม่ดำเนินการ ทางจังหวัดจะปฎิบัติการขั้นเข็ดขาด หลังวันที่ 25 ต.ค.นี้

นายเด่น กล่าวต่อว่า กรณีชุมชนโคกยาวหลังจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และฝ่ายปกครองกว่า 10 นาย ได้เข้าปิดป้ายประกาศคำสั่ง ให้ออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน โดยทั้งสองพื้นที่ได้เดินทางไปยื่นหนังสือเพื่อขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในจังหวัดชัยภูมิ และสำนักนายกรัฐมนตรี  กระทั่ง 10 ก.ย.57 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เชิญหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา จนในที่ประชุมมีมติให้ชะลอการไล่รื้อชุมชนโคกยาว ในวันที่ 8 ก.ย.57 ออกไปก่อน

“ล่าสุดตัวแทนภาคประชาชนจากทั่วภูมิภาค ในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานภาครัฐ ในวันที่ 7 ต.ค.57 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้อเสนอในที่ประชุมให้ชะลอและยุติการดำเนินการใดๆที่จะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านออกไปก่อน ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนายอำเภอจึงมีคำสั่งและให้สัมภาษณ์ว่าจะทำการไล่รื้อภายในกำหนด 19 วัน อีก” นายเด่น กล่าว

ส่วนนายนิด ต่อทุน ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ในพื้นที่พิพาทสวนป่าคอนสาร กล่าวด้วยว่า ชุมชนบ่อแก้วถูกปิดป้ายประกาศวันที่ 26 ส.ค.57 กำหนดภายใน 30 วัน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ทั้งสองมีข้อพิพาทเรื่องสิทธิในที่ดินกับหน่วยงานภาครัฐมาเป็นเวลานาน กระทั่งมีการร้องเรียนของชาวบ้านผู้เดือดร้อน และเกิดกลไกการแก้ไขปัญหาร่วมกัน จนมีมติ ข้อตกลงต่างๆ เช่น รายงานผลการละเมิดสิทธิในที่ดินของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มติคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับพื้นที่ และมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการผ่อนผันให้ทำประโยชน์ในพื้นที่พิพาทไปพลางก่อน จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติ นอกจากนี้ยังได้ยื่นคำร้องขอจัดตั้งโฉนดชุมชน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการของหน่วยงานผู้รับผิดชอบ

นายนิด กล่าวต่อว่า จากปัญหาของชาวบ้านโคกยาวและบ่อแก้ว รวมทั้งทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ, ทั้งจากคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557, จากแผนแม่บทป่าไม้ฯ เป็นต้น ได้ถูกหยิบขึ้นมาประชุมเป็นวาระเร่งด่วนหลายครั้ง กระทั่งวันที่  7 ต.ค.57 ที่ห้องประชุมอรรถไกลวัลย์วที อาคารสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) โดยมีผู้เข้าประชุมประกอบด้วยตัวแทน ขปส. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิษกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยในที่ประชุมเสนอให้รัฐบาลทบทวนแผนแม่บทฯ และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ที่จะสร้างปัญหาและผลกระทบต่อชุมชนซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับชาวบ้านขึ้นมาอีก รวมทั้งให้ชะลอการดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอันปกติสุขของประชาชน รวมทั้งชะลอการดำเนินคดีออกไปก่อน ในระหว่างที่กำลังมีการตั้งคณะกรรมการที่มีทั้งประชาชนและหน่วยงานภาครัฐขึ้นมาร่วมกันแก้ไขปัญหา

“ตามกำหนดไล่รื้อชุมชนบ่อแก้ว ในวันที่ 25 ก.ย.57 จนมาถึงขณะนี้ สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงสงบ ยังไม่มีการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด แต่ความหวาดระแวง และความไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต ในช่วงกว่า 2 เดือนมานี้ แน่นอนว่า ยังมีอยู่ และในเมื่อมาอ่านเจอหนังสือพิมพ์ที่นายอำเภอให้สัมภาษณ์ว่า จะมาขับไล่พวกเราออกไปอีก ตนรู้สึกว่านายอำเภอคอนสาร อาจไม่เข้าใจหรือรับทราบข้อมูลว่า ในพื้นที่พิพาทนั้นอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาดังที่กล่าวมาแล้ว  ดังนั้นจึงอยากขอให้พิจารณาประกาศดังกล่าว ที่จะทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบและขาดความเป็นสุขในการดำเนินชีวิตด้วย” นายนิด กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net