Skip to main content
sharethis

ผู้ว่าปัตตานีร่วมยืนไว้อาลัย 2 นักโรงเรียนเดชะฯ หน้าเสาธง ครูวอนขอให้หยุดทำร้ายเด็ก เยาวชนและสตรี DSID เผย 10 ปีไฟใต้ เป้าหมายอ่อนแอเป็นเหยื่อ 73% ศาลปัตตานีสั่งประหาร 5 จำเลยถล่มทหารที่มายอ

ยืนไว้อาลัย 2 นักเรียนเดชะฯหน้าเสาธง

เมื่อเวลา 08.00 น วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 นายวีรพงษ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เดินทางไปร่วมเข้าแถวเคารพธงชาติกับอาจารย์และนักเรียนโรงเรียนเดชะปัตนยานุกูล อ.เมือง จ.ปัตตานีและยืนไว้อาลัยให้นายสุทธิพงษ์ ทองสุวรรณ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.5 ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตและนายปรีชาพัฒน์ แววจันทร์ชยากร อายุ 17 ปี ชั้นม.5 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะเดินทางกลับบ้านเมื่อช่วงเย็นวานนี้

พร้อมกันนี้ยังให้กำลังใจนักเรียนทุกคนด้วย โดยนายวีรพงษ์ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้านักเรียนทุกคน จากนั้นได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารโรงเรียนในการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในการเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียนว่า ควรปฏิบัติอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบ

จากนั้นคณะครูและอาจารย์บางส่วนได้เดินทางไปยังวัดมาลีนิเวศน์ อ.มายอ จ.ปัตตานี เพื่อร่วมพิธีรดน้ำศพนายสุทธิพงษ์ โดยที่โรงเรียนก็ยังคงเปิดเรียนตามปกติ

วอนขออย่าทำร้ายเด็ก สตรี

อาจารย์โรงเรียนเดชะปัตนยานุกูลคนหนึ่งกล่าวว่า ไม่คาดคิดเลยว่าคนร้ายจะก่อเหตุต่อเด็ก เยาวชน และสตรีเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไม่มีทางที่พวกเขาจะต่อสู้กับผู้ก่อเหตุความไม่สงบได้ เพราะไม่มีอาวุธ มีเพียงแค่สมุด ปากกาและหนังสือเท่านั้น และที่สำคัญพวกเขาเป็นกำลังหลักของชาติในอนาคต

“ขอเรียกร้องให้หยุดทำร้ายเด็กและสตรีเถอะ เพราะคนที่ทำร้ายเด็ก เยาวชนและสตรีเป็นคนที่ไร้อุดมการณ์ แต่หากผู้ก่อเหตุไปปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารดิฉันยังพอจะรับได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีอาวุธด้วยกัน และอยากให้ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติของเราให้มีความเจริญดีกว่ามาทะเลาะกัน”อาจารย์คนเดิมกล่าว

อาจารย์คนเดิมยังกล่าวด้วยว่า คนมุสลิมกับคนไทยพุทธในพื้นที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ โรงเรียนเดชะปัตนยานุกูลก็มีทั้งนักเรียนมุสลิม ไทยพุทธและคริสต์ก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ เป็นเพื่อนกันได้ เพียงแต่มีคนบางกลุ่มในพื้นที่พยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างไทยพุทธกับมุสลิม” อาจารย์คนเดิมกล่าว

นักเรียนบาดเจ็บอาการยังโคม่า

วันเดียวกันที่ห้อง ICU โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ผศ.ปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เข้าเยี่ยมนายปรีชาพัฒน์ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกันด้วย

ขณะที่นางนลินภัสร์ แววจันทร์ชยากร มารดานายปรีชาพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อลูกชายได้รับการรักษาและฟื้นตัวแล้ว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลส่งเสริมด้านอาชีพเพื่ออนาคตจะได้ดูแลตัวเองได้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ

นายแพทย์พิพัฒน์ มงคลฤทธิ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เปิดเผยว่า ผู้บาดเจ็บไม่มีบาดแผลถูกกระสุนปืน แต่มีบาดแผลจากกระถูกกระแทกบริเวณศีรษะด้านขวาจนกะโหลกแตก และแพทย์ได้ผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งในสมองออก พร้อมทำบาดแผลและให้ยาระงับอาการปวด แต่ยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาการโดยรวมถือว่ายังโคม่าอยู่ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมงเพื่อประเมินอาการอีกครั้ง

10 ปีความรุนแรง เป้าหมายอ่อนแอเป็นเหยื่อ73%

ฐานข้อมูลเหตุการณ์ชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้(DSID) ได้สรุปสถิติผู้ที่เสียชีวิตที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอ เช่น เด็ก สตรี คนที่ไม่ได้ถืออาวุธ หรือ Soft Target จากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 ถึง เดือนตุลาคม 2557 พบว่า มีจำนวน 4,578 ราย คิดเป็น 73.30% จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6,245 ราย

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอพบว่า มีจำนวนถึง 6,573 ราย คิดเป็น 58.10% จากจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 11,313 ราย

สั่งประหาร 5 จำเลยถล่มทหารหน้ากล้องมายอ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 ศาลจังหวัดปัตตานีได้อ่านคำพิพากษาประหารชีวิตในคดีคนร้ายใช้รถกระบะ 4 คันเป็นพาหนะใช้อาวุธสงครามยิงถล่มทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15321 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ขณะลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถจักรยานยนต์ 3 คัน บนทางหลวงหมายเลข 4061 มายอ–ปาลัส ท้องที่บ้านดูวา ม.3 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี จนเสียชีวิต 4 นาย

โดยศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์สอดคล้องต้องกัน ขณะที่ผลตรวจพิสูจน์อาวุธปืนที่ตามยึดได้ก็ตรงกับอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ รวมทั้งหลักฐานจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจึงพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย 5 คน ได้แก่ นายอิสมาแอ ดาโอง, นายมะซาฮาฟี มีทอ, นายกอเดร์เจะแต, นายนิมูหัมหมัด นิเซ็ง และ นายฮิสบุลลอฮบือซา

หลังจากฟังคำพิพากษา จำเลยทั้ง 5 คนพร้อมญาติที่มาให้กำลังใจถึงกับอึ้ง บางคนน้ำตาไหลออกมา อย่างไรก็ดีจำเลยยังมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net