Skip to main content
sharethis
ระบุรัฐบาลแก้ปัญหาราคาข้าวไม่ตรงจุด เพราะนายทุนเห็นรัฐช่วยเหลือเกษตรกรจึงไปกดราคารับซื้อข้าว แนะรัฐต้องมีนโยบายชัดแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร พร้อมชี้ท่องเที่ยวยังติดขัดกฎอัยการศึก ด้านชาวไร่อ้อยระบุหากจะให้คุ้มต้นทุนปลูกต้องกู้ ธ.ก.ส.ถึง 3 หมื่นล้าน
 
2 ม.ค. 2558 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญราคาข้าวตกต่ำว่า รัฐบาลชุดนี้ยังแก้ไขปัญหาราคาข้าวไม่ตรงจุด เนื่องจากรัฐบาลไปเน้นเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา 1,000 บาท ต่อไร่ แทนการสนใจราคาในตลาด เพราะเมื่อนายทุนเห็นว่ารัฐช่วยเหลือเกษตรกร ก็จะทำให้นายทุนไปกดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกร ทำให้เกษตรกรขายข้าวได้ในราคาต่ำ จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง  และกรณีที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ชาวนางดการปลูกข้าวในฤดูการผลิตข้าวนาปรังปี 2557/2558 เนื่องจากน้ำไม่เพียงพอ  ตนมองว่ารัฐบาลไม่มีความชัดเจนว่ารายได้ของเกษตรกรจะมาจากทางไหน จึงควรหาวิธีการที่ชัดเจนในการช่วยเหลือ
 
สำหรับการแก้ไขปัญหายางพารานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาคือสต๊อกยางพาราที่รัฐบาลชุดที่แล้วรับซื้อไว้ ฉะนั้นการที่รัฐบาลชุดนี้จะแก้ไขได้รัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนว่าจะนำยางพาราเหล่านั้นไปทำอะไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าจะไม่นำออกมาขายอีก แต่เมื่อรัฐบาลไม่มีความชัดเจนทำให้ตลาดโลกเข้าใจว่ายางในส่วนนี้อยู่ ทำให้ราคายางในตลาดโลกตกลง
 
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง แต่รัฐบาลกลับมีนโยบายปรับขึ้นค่าแท็กซี่ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ไม่ถูกต้องในเชิงหลักการ เพราะประชาชนควรที่จะได้ใช้พลังงานในราคาต้นทุน และเป็นการซ้ำเติมปัญหากำลังซื้อของประชาชน นอกจากนี้การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันดีเซลและเบนซินเท่ากันนั้นจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ยาก
 
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ยังกล่าวถึงการท่องเที่ยวในประเทศ ว่า แม้ขณะนี้จะฟื้นตัวแล้ว แต่ยังติดเรื่องของกฎอัยการศึกที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถซื้อประกันได้ รวมถึงการลงทุนของต่างชาติที่อาจจะรอให้ประเทศเกิดความสงบอย่างแท้จริง ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องรอการตัดสินใจของรัฐบาล การทบทวนเรื่องต่าง ๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการเร่งให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นว่าไทยจะยังสามารถเดินต่อไปได้
 
ชาวไร่อ้อยระบุหากจะให้คุ้มต้นทุนปลูกต้องกู้ ธ.ก.ส.ถึง 3 หมื่นล้าน
 
ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน กล่าวว่า ราคาอ้อยขั้นต้นสำหรับฤดูการผลิตปี 57/58 ประกาศออกมาที่ตันละ 900 บาท ถือเป็นราคาที่ยังต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของชาวไร่อ้อยที่ปีนี้อยู่ประมาณตันละ 1,222 บาท ขณะที่ผลกระทบจากภัยแล้งส่งผลให้ภาพรวมการผลผลิตอ้อยลดลงคาดว่า จะลดลงจากปีที่แล้วที่มีกว่า 103 ล้านตัน เหลือ 95 ล้านตัน ขณะที่ราคาน้ำตาลโลกตกต่ำ บริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด ยังขายในตลาดโลกไปได้เพียงร้อยละ 17 ของโควตา ข. เท่านั้น
 
ชาวไร่อ้อยจึงต้องการให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เพื่อนำมาเป็นเงินเพิ่มค่าอ้อย ซึ่งหากจะให้คุ้มกับต้นทุนการปลูกจริง ก็อาจต้องกู้สูงถึงกว่า 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลการพิจารณาจากคณะทำงานที่มีนายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานจะพิจารณาในการประชุมนัดแรกในต้นปีนี้ก่อน
 
อย่างไรก็ตาม ฤดูการผลิตอ้อยปีที่ผ่านมาได้กู้ไปแล้วกว่า 15,000 ล้านบาท และยังคงชำระหนี้กับธ.ก.ส.อยู่ ชาวไร่อ้อยไม่ต้องการให้กู้มากจนเกินไป ส่วนจะกู้เงินมากน้อยเพียงใดต้องรอผลการพิจารณาของคณะทำงานก่อน แต่ชาวไร่อ้อยจะมุ่งรณรงค์ชาวไร่อ้อยด้วยกันให้การตัดอ้อยให้ฤดูการผลิตนี้ ให้ได้อ้อยที่มีคุณภาพสูงมขึ้น เพื่อจะได้ค่าความหวานที่ดีขึ้น เพราะจะส่งผลต่อราคาอ้อยที่ดีขึ้นด้วย ก็จะช่วยส่งผลให้การกู้เงินจากธ.ก.ส.เพื่อจะนำมาเป็นเงินเพิ่มค่าอ้อยลดลงตามไปด้วย
 
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net