Skip to main content
sharethis

ผู้บัญชาการตำรวจชายแดนใต้เข้าพบอธิการ มฟน.ขอโทษและขอโอกาสทำงานในพื้นที่ จะมุ่งเน้นหลักสันติวิธีแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ จะมีการชี้แจงต่อประชาชนมากขึ้น ดร.อิสมาอีลลุตฟี ย้ำสันติวิธีเท่านั้นที่จะสร้างสันติภาพ ด้านญาติผู้เสียชีวิตพอใจที่ผู้ตายบริสุทธิ์

8 เม.ย.2558 เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผบช.ศชต.และคณะเข้าเยี่ยมพร้อมทั้งกล่าวขอโทษต่อมหาวิทยาลัยฟาฏอนีและแสดงความเสียใจต่อกรณียิงนักศึกษาและชาวบ้าน 4 ศพ ณ บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมี ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี  จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ได้ให้การต้อนรับ

พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผบช.ศชต.กล่าวว่าขอโทษต่อมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ขอโทษคณาจารย์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้สึกเสียใจที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ 2 คน

พล.ต.ท.อนุรุต กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้นในพื้นที่ คือ ต้องสร้างบรรยากาศการพูดคุยอย่างสันติ จากนั้นต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ณ ที่นี้ต้องเป็นกำลังของประชาชน หรือเป็นโมเดลของตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกล่าวขอโอกาสให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน และจะกำชับเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังในการทำงานให้มากขึ้น ในฐานะผู้ใหญ่เราต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา และพยายามนำความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่โดยเร็วที่สุด

“ผมขอโอกาสในการทำงานที่นี่อีกครั้ง สำหรับการปฏิบัติงานต่างๆ ต่อไปต้องมีการจำกัดในด้านอาวุธและการใช้ความรุนแรง เพราะรัฐบาลเน้นหลักสันติวิธีในการแก้ปัญหา” พล.ต.ท.อนุรุต กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล รอง ผบช.ศชต. กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานมา 13 ปี การทำงานในพื้นที่ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางสันติวิธีของอธิการบดี มหาวิทยาฟาฏอนี การไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ซึ่งจะนำสันติสุขสู่ชายแดนใต้ โดยไม่สร้างเงื่อนไข ในการปฏิบัติงาน ในขณะเดียวท่านให้ความยืนยันว่าไม่มีนักศึกษามหาวิทยาลัยฟาฏอนีไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้จริงๆ

ส่วน พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงค์ ผบก.ปัตตานี กล่าวว่า จากบทเรียนเหตุการณ์ที่ผ่านมา การใช้อาวุธจะลดลงไปมากเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แนวทางการแก้ไขปัญหาต้องใช้หลักสันติวิธี และทุกครั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องชี้แจงต่อประชาชนให้ได้ด้วย

“ขอให้ทุกฝ่ายตั้งแต่ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา สามารถยอมรับในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และขอให้คำมั่นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องจบลงด้วยการพูดคุย โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธ”

อธิการ มฟน.มั่นใจแนวทางสันติวิธีสร้างสันติภาพ

ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี  จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้กล่าวว่ารู้สึกประทับใจและมีความรู้สึกซาบซึ้งจากใจที่มาให้กำลังใจต่อมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสีขาวในพื้นที่ พร้อมทั้งเชื่อมั่นในกระบวนการสันติวิธีในการแก้ปัญหา อันจะนำมาซึ่งสังคมสันติสุขได้ในอนาคต สำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น ทุกฝ่ายต้องให้อภัยซึ่งกันและกันและสำคัญที่สุดคือการให้ร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ดีในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี  กล่าวเพิ่มเติมว่ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี มีความมั่นใจต่อแนวทางสันติวิธี ซึ่งเป็นแนวทางเดียวเท่านั้นที่สามารถจะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ได้ และสันติวิธีไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ เพียงแต่ว่าการใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหาที่ผ่านมานั้น มีน้อยมาก สำหรับหนทางของสันติวิธีคือต้องมีความอดทนในการแก้ปัญหา และต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจจึงจะได้ผลคือสันติภาพ

ญาติพอใจผู้ตายบริสุทธิ์ แต่อยากรู้ว่าปืนเป็นของใคร

นายอิซ์ชาม สาแม็ง พี่ชายของนายคอลิด สาแม็ง ที่เสียชีวิตจากการถูกวิสามัญเสียชีวิตจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นบ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กล่าวว่าพอใจที่คณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์บ้านโต๊ะชูด ที่ระบุว่าผู้ชีวิตทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สิ่งที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการต่อคือดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด เพื่อที่จะป้องกันการเกิดเหตุลักษณะอย่างนี้ในอนาคต

นายอิซ์ชาม กล่าวด้วยว่า ครอบครัวยืนยันที่ดำเนินตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดต่อเจ้าหน้าที่กระทำในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าครอบครัวจะได้รับเงินเยียวแล้วจำนวน 500,000 บาท แล้วก็ตาม เพราะชีวิตน้องชายของตัวเองไม่ใช่มีค่าเพียงแค่ 500,000 บาทเท่านั้น หรือเงินไม่สามารถที่ทดแทนชีวิตของน้องชายได้ แต่สิ่งที่ครอบครัวต้องการคือดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดในครั้งนี้

นายมะนาแซ วานุ บิดาของนายซัดดัม วานุ เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า ข้อสรุปการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีบ้านโต๊ะชูด ระบุว่าผู้ชีวิตเป็นผู้บริสุทธิ์นั้นประชาชนในพื้นที่ยอมรับได้ และเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับความผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“แต่สิ่งที่ประชาชนยังไม่พอใจคือเจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกว่าอาวุธปืนทั้ง 4 กระบอก เป็นปืนมาจากไหน และเป็นของใคร มาอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไร เป็นสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการรับรู้มากที่สุด” นายมะนาแซ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net