นักวิชาการที่เชียงใหม่ขอขมาต่อคนรุ่นหลังที่ไม่อาจส่งต่อประชาธิปไตย

"ดำหัวคนเฒ่า #เยาวชนก็เช่นกัน" ที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ นักวิชาการอาวุโสขอขมาต่อเยาวชนที่ต้องส่งมอบมรดกประชาธิปไตยอันถูกย่ำยี ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารรักษาการอยู่รอบวัด กระทั่งพระผู้ใหญ่มาขอให้รวบรัดกิจกรรม หลังมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่าอาจผิดกฎหมาย

11 เม.ย. 58 - ที่วัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มพลเมืองเสมอกัน (We, The People) ได้จัดกิจกรรม "ดำหัวคนเฒ่า #เยาวชนก็เช่นกัน" ซึ่งเป็นกิจกรรมประเพณีทำการขอขมาลาโทษกันระหว่างผู้อาวุโสกับผู้เยาว์ในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีนักวิชาการอาวุโสหลายคนในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิเช่น นิธิ เอียวศรีวงศ์, อานันท์ กาญจนพันธุ์, วัฒนา สุกัณศีล, วรวิทย์ เจริญเลิศ, ชัชวาล บุญปัน, ชำนาญ จันทร์เรือง, นัทมน คงเจริญ และมีนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยทั้งจากสถาบันในกรุงเทพฯ ขอนแก่น และเชียงใหม่ เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งนักกิจกรรมจากกลุ่มพลเมืองโต้กลับก็เดินทางมาร่วมงานด้วยเช่นกัน รวมแล้วมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน

กิจกรรมเริ่มขึ้นในเวลา 16.00 น. โดยมีการแสดงดนตรีจากวงสุดสะแนน การแสดงละครเรื่อง “คอย???”  จากนั้น นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้เป็นตัวแทนคณาจารย์ในการอ่านแถลงคำขมา ซึ่งระบุว่าคนรุ่นผู้อาวุโสทั้งเสียใจและละอายใจที่ต้องส่งมอบมรดกประชาธิปไตยซึ่งถูกกระทำย่ำยีจนเละเทะนี้แก่คนรุ่นเยาวชน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่จึงใคร่ขอขมาต่อความผิดพลาด ความอ่อนแอ และความโง่เขลาของเราที่ผ่านมาทั้งหมด ด้วยความหวังว่าจะได้รับอโหสิกรรมจากคนรุ่นใหม่ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อมรดกที่ไร้ค่าชิ้นนี้

คำขอขมา

นับตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา ประเทศไทยและสังคมไทยก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านที่กว้างใหญ่เพราะกระทบถึงคนทุกกลุ่ม และลึกถึงระดับฐานรากของสังคม จากประเทศด้อยพัฒนาที่มีคนจนอยู่จำนวนมาก กลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ผลจากความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดกลุ่มที่มีผลประโยชน์เฉพาะด้าน, มีสำนึกใหม่ถึงอัตลักษณ์เฉพาะของตนเอง, ยึดถืออุดมคติทางการเมืองที่แตกต่างกัน, มีความใฝ่ฝันต่ออนาคตที่ไม่เหมือนกัน, และมีความจำเป็นต้องเข้ามาต่อรองนโยบายสาธารณะระดับชาติและท้องถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สภาวะเช่นนี้ย่อมสร้างความขัดแย้งระหว่างคนกลุ่มต่างๆ เป็นธรรมดา วิถีทางเดียวที่จะทำให้ความขัดแย้งเช่นนี้ดำเนินไปได้โดยปราศจากความรุนแรง คือระบอบประชาธิปไตย ทั้งในแง่การเมืองการปกครอง และความสัมพันธ์ทางสังคมของคนกลุ่มต่างๆ  แม้มีความพยายามของคนรุ่นเรา ซึ่งกลายเป็นคนสูงอายุไปแล้วในบัดนี้ ในอันที่จะเสริมสร้างพลังของประชาธิปไตยในด้านการเมืองการปกครอง และขยายประชาธิปไตยให้เป็นหลักเกณฑ์สำคัญของความสัมพันธ์ทางสังคม แต่คนรุ่นเราก็ประสบความล้มเหลว นอกจากหลักความสัมพันธ์บนฐานประชาธิปไตยถูกชนชั้นนำบางกลุ่มเยาะหยัน และประเมินค่าไว้ต่ำแล้ว บัดนี้ แม้แต่รูปแบบของระบอบการปกครองประชาธิปไตยก็ถูกทำลายลงเพราะการรัฐประหารของกองทัพ หากการณ์เป็นไปตามเจตนาของชนชั้นนำบางกลุ่มที่ร่วมในการยึดอำนาจครั้งนี้ ก็อาจคาดได้เลยว่า ระบอบประชาธิปไตยจะไม่มีอนาคตอะไรเหลืออยู่ในประเทศและสังคมไทยอีกเลย

นั่นหมายความว่า ความขัดแย้งของคนกลุ่มต่างๆ ซึ่งต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดาเมื่อสังคมได้พัฒนาไปสู่ความเฉพาะด้านมากขึ้น ทั้งส่วนที่เป็นรูปธรรมเช่นเศรษฐกิจ และส่วนที่เป็นนามธรรมเช่นอุดมคติทางสังคม จะกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง สูญเสีย และไม่นำไปสู่ทางออกที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย หรือแก่ส่วนรวม

และนี่คือประเทศและสังคมไทยที่คนรุ่นเราจะต้องส่งมอบให้แก่คนรุ่นท่าน เป็นมรดกแห่งความมืดมนไร้อนาคต แต่ก็เป็นมรดกที่ท่านปฏิเสธไม่ได้ จึงอยู่ที่ตัวท่านเองว่า จะใช้กำลังสติปัญญาและความร่วมมือกันอย่างไร จึงจะกู้แสงสว่างและอนาคตกลับคืนมาแก่มรดกชิ้นเดียวที่มีอยู่ร่วมกันนี้

คนรุ่นเราทั้งเสียใจและละอายใจที่ต้องส่งมอบมรดกซึ่งถูกกระทำย่ำยีจนเละเทะนี้แก่ท่าน คนรุ่นเราคงไร้สติปัญญา ไร้จิตใจอันกล้าแกร่งพอจะรับมรดกประชาธิปไตยของคณะราษฎรและ 14 ตุลา เพื่อสืบทอดความดีงามของประชาธิปไตยแก่ท่านได้ ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ครั้งนี้ พวกเราจึงใคร่ขอขมาต่อความผิดพลาด ความอ่อนแอ และความโง่เขลาของเราที่ผ่านมาทั้งหมด ด้วยความหวังว่าจะได้รับอโหสิกรรมจากพวกท่านซึ่งต้องรับผิดชอบต่อมรดกที่ไร้ค่าชิ้นนี้

000

จากนั้นนักวิชาการอาวุโสได้เข้ารดน้ำดำหัวตัวแทนเยาวชน ก่อนที่ตัวแทนของนักศึกษาจะอ่านถ้อยความของผู้สืบทอดตอบกลับ โดยมีเนื้อความระบุว่าขอบคุณคนรุ่นผู้อาวุโสสำหรับการส่งมอบอนาคตให้แก่พวกเรา เรารับรู้ได้ถึงคุณค่าของมรดกชิ้นนี้ ที่เต็มไปด้วยความมืดมน ความรู้สึกผิดและความหวัง แต่คนรุ่นใหม่ก็จะขอรับมรดกอันทรงคุณค่านี้ไว้ในความรับผิดชอบ ขออโหสิกรรมให้ โดยไม่ได้โกรธแค้นต่อสิ่งที่คนรุ่นก่อนไม่สามารถรักษาไว้ให้ไว้กับคนรุ่นเราได้ และสืบทอดภารกิจการสร้างประชาธิปไตย ที่เจตจำนงแห่งเสรีภาพและเสมอภาคจะถูกส่งต่อคนในรุ่นต่อไป

 

ถ้อยความของผู้สืบทอด

นับตั้งแต่วันที่เราจำความได้ เราเติบโตมาบนแผ่นดินนี้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของอุดมการณ์ทางการเมือง ตลอดจนความขัดแย้งและความรุนแรง  เราเฝ้ามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ทุกอย่างมันเป็นมรดกจากคนรุ่นก่อน และตกผลึกกลายเป็นความคิดแก่คนรุ่นหลัง  เดิมที พวกเราเป็นเพียงคนรุ่นหลังที่พวกท่านคิดว่าอ่อนความรู้และประสบการณ์ มองโลกไม่ไกลเท่าคนเจนโลกอย่างพวกท่าน และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือหาทางออกจากปัญหาเดิมๆเหล่านี้ได้?  วันนี้ พวกท่านเผชิญกับวังวนของปัญหาทางการเมืองที่มองไม่เห็นอนาคต พวกท่านนึกถึงเรา

ในสังคมไทยมีถ้อยคำที่กล่อมเกลาเด็กมากมาย  มันเป็นคำที่ผู้ใหญ่เสี้ยมสอนและส่งมอบให้เรายึดถือ เพื่อสืบทอดอุดมการณ์และการพัฒนาประเทศในวันข้างหน้า วันนี้ เราได้รับฟังการขอขมาจากคนรุ่นท่าน การยอมรับความผิดพลาดของผู้ใหญ่ต่อหน้าเด็กเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งในสังคมไทย

พวกเราขอบคุณพวกท่านด้วยใจจริงสำหรับการส่งมอบอนาคตให้แก่พวกเรา เรารับรู้ได้ถึงคุณค่าของมรดกชิ้นนี้ มันเต็มไปด้วยความมืดมน ความรู้สึกผิดและความหวัง  มรดกชิ้นนี้เราไม่สามารถปฏิเสธมันได้ แม้จะไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าจะกอบกู้แสงสว่างให้กลับคืนมาได้อีกครั้งหรือไม่  แต่เราจะทำอย่างเต็มที่ด้วยสติปัญญาและหัวใจ  ขอเพียงพวกท่านอย่าปิดกั้นการแสดงออกซึ่งเจตจำนงค์ของพวกเรา ต่อมรดกชิ้นเดียวที่ท่านส่งมอบให้เรา

จากนี้ไป เราจะขอรับมรดกอันทรงคุณค่านี้ไว้ในความรับผิดชอบของเรา เราจะไม่ละทิ้ง ไม่หลีกหนี และก้าวเดินไปกับมันด้วยความเข้มแข็ง  เราจะเขียนเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง บอกเล่าถึงความขัดแย้งทางการเมืองที่คาบเกี่ยวระหว่างคนรุ่นเราและท่าน บอกเล่าถึงข่าวความหวังจากคนรุ่นเราให้คนรุ่นท่านได้รับฟัง เราได้รับมรดกจากท่านมาแล้ว ขอให้ท่านจงสบายใจและเฝ้ามองความเป็นไปร่วมกับเรา

ในโอกาสวันปีใหม่ครั้งนี้ เราขออโหสิกรรมให้พวกท่าน พวกเราเองไม่ได้โกรธแค้นต่อสิ่งที่ท่านไม่สามารถรักษาไว้ให้ไว้กับคนรุ่นเราได้  แต่เราจะเป็นผู้สืบทอดภารกิจการสร้างประชาธิปไตย บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความกล้าหาญและความเป็นธรรมให้งอกงามบนผืนแผ่นดิน และหากคนในรุ่นเรายังทำไม่สำเร็จ เราเชื่อว่าเจตจำนงค์แห่งเสรีภาพและเสมอภาคจะถูกส่งต่อคนในรุ่นต่อไป

 

000

ตลอดงานได้มีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์อยู่โดยรอบวัด อีกทั้งในช่วงท้ายก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรม ทางรองเจ้าอาวาสและพระสงฆ์ของวัดอุโมงค์ยังได้เดินเข้ามาชี้แจงกับผู้จัดกิจกรรมว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐได้ติดต่อเข้ามายังวัด แจ้งว่ากิจกรรมที่ดำเนินอยู่อาจจะขัดต่อกฎหมาย จึงอยากจะขอให้รวบรัดกิจกรรมให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว 

จากนั้น ผู้ร่วมงานได้ร้องเพลง "บทเพลงของสามัญชน" ร่วมกัน ก่อนเสร็จสิ้นพิธีการ โดยไม่ทันที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเข้ามาขัดขวางกิจกรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท