นอกเหนือจากประเด็นปัญหาโรฮิงญาแล้ว ไทยยังมีผู้ลี้ภัยที่เข้าเมืองโดยใช้วีซ่าแต่พำนักเกินกำหนด เพราะมีเป้าหมายในการลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 อีกหลายพันคน มูลนิธิไทยเพื่อคนมีปัญหาสิทธิและสถานะบุคคลรณรงค์แก้กฎหมายคนเข้าเมือง ขยายเวลาผู้ลี้ภัยพำนัก 1 ปี ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศไปยังประเทศที่ 3

2 มิ.ย. วีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์  ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิไทยเพื่อคนมีปัญหาสิทธิและสถานะบุคคล ได้เปิดเผยกับประชาไท ถึงการรณรงค์ผ่าน Change.org เรื่อง “ปฏิบัติกับผู้แสวงหาที่ลี้ภัยชั่วคราวเหมือนกับนักท่องเที่ยว Treat Them(Asylum Seekers) Like A Tourist” เพื่อแก้ไข พ.ร.บ. แก้ไขพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ตามข้อเสนอของคณะทํางานจัดทําข้อเสนอแนะ เพื่อแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ให้มีการให้สถานะ “ผู้แสวงหาที่พักพิงชั่วคราว” ให้แก่ผู้ลี้ภัย 

โดยเขากล่าวว่า นอกเหนือจากปัญหาผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่คนไทยรับทราบกันตามข่าวแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ลี้ภัยรอการดำเนินการช่วยเหลือไปยังประเทศที่ 3 อีกหลายพันคน โดยผู้อพยพเหล่านี้ต่างกับชาวโรฮิงญาตรงที่พวกเขาเดินทางโดยมีเป้าหมายแสวงหาประเทศที่ให้ที่พักพิงจากภัยสงคราม แต่เดินทางเข้าประเทศด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และอยู่เกินกำหนดเวลา ซึ่งการแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายคนเข้าเมืองของไทย อาจทำได้ด้วยการแก้ไขพ.ร.บ. แก้ไขพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และเปิดให้มีการขอวีซ่าผู้ลี้ภัย โดยการประสานกับทางองค์การสหประชาชาติ และขยายเวลาให้ผู้ลี้ภัยสามารถพำนักได้ 1 ปี ระหว่างที่กำลังดำเนินการขอลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 แทนที่จะให้บุคคลเหล่านี้กลายเป็นผู้ผิดกฎหมายและต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ทั้งนี้ เขาตั้งเป้าหมายว่าจะรณรงค์รายชื่อจำนวน 5,000 รายชื่อ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลอีกครั้ง และจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าในการรณรงค์นี้ในวันที่ 19 มิ.ย. ที่จะถึง โดยถือเอาวันที่ 20 มิ.ย ซึ่งเป็นวันผู้ลี้ภัยโลกเป็นหมุดหมายในการรณรงค์