Skip to main content
sharethis

17 มิ.ย.58 - สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้โพสข้อความบนสื่อออนไลน์ ทวิตเตอร์ ไม่เห็นด้วยกับแผนของกระทรวงการคลังขอยืมเงินจากกองทุน กสทช.ไปใช้ดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำและพัฒนาระบบขนส่ง ว่า การแสดงความเห็นไม่ใช่เรื่องผิด แต่แนวทางดังกล่าวเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการยืมเงินจำนวน 14,300 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน ส่วนกองทุนฯ จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนอย่างไรบ้างสามารถชี้แจงเหตุผลได้

ธีรัชย์ อัตวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การยืมเงินดังกล่าววงเงิน 14,300 ล้านบาท จะขอยืมทั้งก้อนครั้งเดียว เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางสาธารณะและได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.กสทช.ในการเปิดกว้างให้กองทุนให้ยืมเงินแก่กระทรวงการคลังได้ โดยไม่มีภาระดอกเบี้ย ขณะที่รัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณชดเชยคืนการยืมดังกล่าวเป็นงวด ๆ และไม่ถือว่าการยืมดังกล่าวเป็นภาระหนี้สาธารณะ

ทั้งนี้ วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ประชุมบอร์ด กสทช. มีมติ 9 : 1 อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กระทรวงการคลังยืม เพื่อนำไปใช้ในโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนนเร่งด่วน มูลค่า 14,300 ล้านบาท

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนเม.ย.58 มีจำนวนทั้งสิ้น 5.77 ล้านล้านบาท

ธีรัชย์ กล่าวถึง ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 ด้วยว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 5.77 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.46 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 45,191 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้ยังอยู่ในกรอบร้อยละ 44 ตามที่คาดไว้ ขณะที่สถาบันจัดอันดับมูส์ดี้มองว่าภาระหนี้ของไทยอยู่ระดับต่ำ จึงสามารถกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ภาระหนี้ต่ำ แต่ฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลไทยกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อก่อสร้างรถไฟสายชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.40 ต่อปี นับว่าถูกที่สุดเท่าที่เคยกู้ กระทรวงการ คลังจึงต้องการเดินหน้าเจรจากู้เงินในเฟส 3 อีกวงเงิน 30,000 ล้านบาท หลังจากเฟสแรกกู้มาแล้ว 30,000 ล้านบาท จากวงเงินลงทุนรวมทั้งโครงการ 78,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมให้กู้เงินตลอดทั้งโครงการลงทุน

สำหรับการลงทุนบริหารจัดการน้ำ ขณะนี้จัดซื้อจัดจ้างไปแล้วร้อยละ 50 ของโครงการลงทุนทั้งหมด จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีเงินลงทุนภาครัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกจำนวนมาก โดยเงินลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำเดือนกรกฎาคมจะออกสู่ระบบประมาณ 3,000 ล้านบาท เดือนสิงหาคม 5,000 ล้านบาท และสูงขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2559 และสิ้นสุดโครงการในปี 60

ผู้ว่าฯ ธปท.สั่งศึกษาหนี้ครัวเรือน

จิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธปท. เปิดเผยว่า ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.สั่งให้ ธปท.ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถการชำระหนี้ของผู้บริโภคตามกลุ่มรายได้ หลังจากระดับหนี้ครัวเรือนไตรมาส 4 ปี 2557 สูงถึงร้อยละ 85.9 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และศึกษาผลกระทบต่อการบริโภคโดยรวม โดยยอมรับว่าเป็นห่วงกลุ่มผู้ที่รายได้น้อยที่มีโอกาสก่อหนี้สูงและถูกกระทบได้ง่าย เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรต่ำลงและกระทบต่อความสามารถในการหารายได้ ส่งผลให้ภาระต่อหนี้ครัวเรือนเกินร้อยละ 40 ซึ่งจะกระทบทำให้การกู้เงินจากสถาบันการเงินยากมากขึ้น ซึ่งหากธปท.ศึกษามากกว่านี้จะได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินภาคครัวเรือนและดูแลสถานการณ์หนี้ได้ตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้ระดับหนี้ลดลงได้ เพราะปัจจุบันหลายฝ่ายมองภาพรวมของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้มีความวิตกกังวลต่อปัญหาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหนี้ภาคครัวเรือนไตรมาส 1 ปี 2558 ที่จะประกาศเร็ว ๆ นี้น่าจะทรงตัว หรือมีอัตราการขยายตัวที่ชะลอลง ดูได้จากภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวต่ำและประชาชนระมัดระวังการก่อหนี้มากขึ้น แต่ยอมรับว่าการบริโภคภาคเอกชนยังไม่ฟื้นเต็มที่ ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนที่มีรายได้ไม่จับจ่ายเพราะยังมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดย ธปท.ยังติดตามการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะมีผลกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน

จิรเทพ ย้ำว่าแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน คือ การเพิ่มรายได้และสร้างวินัยการใช้เงินของประชาชน และไม่ควรมีมาตรการที่กระตุ้นการก่อหนี้เพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมา ธปท.พยายามให้ความรู้ทางการเงินส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องและจะดำเนินการให้เข้มข้นมากขึ้น

ที่มา สำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net