Skip to main content
sharethis

หมอนิรันดร์ เยี่ยมเรือนจำชายและหญิง ห่วงการแยกแดนทำให้ความปลอดภัยน้อยลง ไม่ได้ปรึกษาหารือคดี ส่วน 'ลูกเกด' ยังยืนยันการต่อสู้ เตรียมส่งตรวจอาการบาดเจ็บตั้งแต่หน้าหอศิลป์ ขณะที่ผู้ต้องหาชายโกนหัวประท้วง การย้ายแดน ระบุ รัฐต้องการบีบให้ยอมแพ้ 

 

2 ก.ค.2558 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยังคงมีผู้มาเยี่ยมผู้ต้องหา 'ขบวนประชาธิปไตยใหม่' นับร้อยคน โดยขบวนประชาธิปไตยใหม่ ได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับประณามเจ้าหน้าที่ที่เริ่มคุกคามครอบครัวนักศึกษาที่ตกเป็นผู้ต้องหา และคณาจารย์ที่สนับสนุน ขณะที่เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช. ปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 14 คน ในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ย้ำหากจะดำเนินคดี 14 คนต้องขึ้นศาลพลเรือน ชี้การต้าน คสช.ไม่ใช่อาชญากรรม จี้หยุดคุกคามอาจารย์และประชาชนที่ให้กำลังใจนักศึกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แยกแดนผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ออกไปยังแดนต่างๆ จากเดิมที่ทั้งหมดอยู่รวมกันในแดน 1 (รายชื่อด้านล่าง)

รังสิมันต์ โรม กล่าวว่า การแยกแดนมีนัยยะทางการเมือง เนื่องจากนักโทษใหม่ที่เข้ามาในเรือนจำพร้อมกัน แต่กลับไม่ได้แยกแดน แต่ผู้ต้องหา 14 คนกลับต้องถูกกระจายไปอยู่แดนต่างๆ จึงมองว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองของรัฐบาลที่จะกดดันให้นักศึกษายอมแพ้

ขณะที่จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน มองว่า การแยกแดนน่าจะเป็นเหตุผลมาจากเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ปรึกษาหารือกัน

ทั้งนี้ นักศึกษานักกิจกรรมชายทั้งหมด ได้โกนผมประท้วงการแยกแดนดังกล่าวทั้งด้วย

รังสิมันต์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อคืนเขาฝันว่าเขาและเพื่อนได้รับอิสระ ออกมาเดินข้างนอกและกำลังจะไปจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 

ขณะที่ตัวแทนขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับ ประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบซึ่งคุกคาม ติดตาม เรียกพบครอบครัวนักศึกษาและอาจารย์ที่แสดงความเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว

ด้านนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมืองได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องหากลุ่มนี้ทั้งที่เรือนจำชายและเรือนจำหญิง โดยระบุว่ามาตรวจสอบตามการร้องเรียนของบิดานายจตุภัทร์หรือ ไผ่ และได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการย้ายแดนของผู้ต้องขังชายว่า การกระจายไปอยู่แดนต่างๆ ทำลายสิทธิในการปรึกษาหารือของกลุ่มนักศึกษานักกิจกรรม และทำให้มีความกังวลถึงความปลอดภัยมายิ่งขึ้นเนื่องจากกระจายตัวอยู่แดนละ 2-3 คนเท่านั้น

ส่วนกรณีของชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด นพ.นิรันดร์แจ้งว่า ลูกเกดมีอาการป่วยซึ่งเกิดตั้งแต่ตอนทำกิจกรรมที่หน้าหอศิลป์และมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ลูกเกดได้รับบาดเจ็บจากกระดูกสันหลังไปกดทับเส้นประสาท จากการสอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำทราบว่าพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) จะส่งตัวไปที่โรงพยาบาลของเรือนจำ อย่างไรก็ตาม ลูกเกดยังคงยืนยันเรื่องหลักการว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมีความถูกต้องและกระทำตามแนวทางสันติวิธี เนื่องจากมองว่าการรัฐประหารเป็นการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมและละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน

 

รายชื่อผู้ต้องหาและแดน มีดังนี้

1.       พายุ  บุญโสภณ   แดน 2

2.       ภานุพงศ์  ศรีธนานุวัฒน์    แดน 2

3.       สุวิชชา  พิทังกรณ์  แดน 3

4.       อภิวัฒน์  สุทรารักษ์    แดน 3

5.       จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา    แดน 3

6.       รัฐพล  ศุภโสภณ    แดน 4

7.       ปกรณ์  อารีกุล   แดน 4

8.       พรชัย  ยวนยี    แดน 4

9.       รังสิมันต์  โรม    แดน 5

10.   อภิสิทธิ์  ทรัพย์นภาพันธ์    แดน 5

11.   ศุภชัย  ภูครองพลอย   แดน 5

12.   ทรงธรรม  แก้วพันพฤกษ์    แดน 6

13.   วสันต์  เสดสิทธิ์    แดน 6

 

แถลงการณ์ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 
 
ภายหลังจากที่มีการจับกุมกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ขึ้นที่ศาลทหารกลางดึก และส่งตัวมากักขัง ณ เรือนจำกลางกรุงเทพ ในวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้พบว่ามีการคุกคามประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยชายแต่งกายคล้ายชุดทหารไปปรากฏตัวและมีลักษณะข่มขู่ คุกคามนักศึกษา นักวิชาการ ประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิการไปคุกคามที่บ้านของนักศึกษา ไปคุกคามถึงที่ทำงานของครูบาอาจารย์ การติดตามตัวและกดดันประชาชน จากปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตก และอ่อนไหวต่อความปลอดภัยของประชาชนที่แสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ
 
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ตระหนักดีว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและยืดเยื้อยาวนานนับตั้งแต่การรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งล่อแหลมต่อการไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ จากสิ่งที่เกิดขึ้นดังที่กล่าวมา ขบวนการประชาธิปไตยใหม่จึงขอแถลงข้อเสนอประการ 2 ประการ ต่อไปนี้
 
1.ขอประณามปฏิบัติการตามอำเภอใจดังกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐ และเรียกร้องให้คณะรัฐบาลทหารยุติการคุกคาม ข่มขู่ครอบครัวนักศึกษา คุกคามนักวิชาการผู้ห่วงใยศิษย์ และคุกคามประชาชนไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ
 
2.ขอเรียกร้องให้ประชาชน ช่วยกันปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในภาวะที่หลักการนิติรัฐถูกบิดเบือนอย่างถึงที่สุด ด้วยเหตุที่ว่า ทุกคนมีโอกาสถูกกระทำจากปฏิบัติการไร้ขอบเขตของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังที่เกิดขึ้นตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประจักษ์พยานว่าการข่มขู่คุกคาม และรังแกประชาชนในหลายพื้นที่นอกจากได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนแล้ว ยังได้ตอกยำข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลทหารไม่มีความจริงใจต่อการคืนอำนาจให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
 

 



เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง ฉบับที่ 2
 
เพื่อประโยชน์ในการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในบ้านเมืองอันสืบเนื่องจากการจับกุมนักศึกษาที่ประท้วงรัฐบาลอย่างสันติ เราใคร่ขอเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการดังนี้ 
 
1. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช. ปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 14 คน ในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข หากรัฐบาลจะดำเนินคดีกับพวกเขา ก็พึงกระทำในศาลพลเรือน การอ้างว่าต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญนั้น เราใคร่เรียกว่าไม่อาจยุติปัญหาความขัดแย้งได้เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีที่มานอกวิถีทางประชาธิปไตยและไม่ได้การยอมรับในแง่ความชอบธรรม
 
2. ในระหว่างที่ยังคุมขังนักศึกษาทั้ง 14 คนต่อไป รัฐบาลและ คสช. พึงปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะผู้ต้องหาทางการเมือง ไม่ใช่อาชญากร เนื่องจากสิ่งที่พวกเขากระทำคือการแสดงอารยะขัดขืนต่ออำนาจของ คสช. ที่พวกเขาเห็นว่าไม่ชอบธรรมด้วยสันติวิธีอย่างแท้จริง เพื่อการนี้ ควรพิจารณาย้ายพวกเขาออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และนำไปฝากขังไว้ยังโรงเรียนตำรวจบางเขนดังเช่นเคยกระทำกับผู้ต้องหาทางการเมืองในอดีต
 
3.รัฐบาลและ คสช.จะต้องยุติพฤติกรรมข่มขู่คุกคามคณาจารย์และประชาชนที่ออกมาแสดงความห่วงใยนักศึกษาทั้ง 14 คนกำลังเผชิญการคุกคามด้วยวิธีการต่างๆ เช่น มีเจ้าหน้าที่ไปหาที่บ้าน ที่ทำงานหรือเรียกไปพบเพื่อกดดันให้ยุติกิจกรรมต่างๆ  ฯลฯ
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net